“นี่ไม่ใช่ สตาร์ วอร์ส ภาคที่คลาสสิคที่สุด แต่เป็นภาคที่ดูแล้ว “สนุกที่สุด” ในบรรดา 7 ภาคที่ผ่านมา”
คำกล่าวข้างต้นไม่เกินเลยจากความจริงแต่อย่างใด หากคุณดูหนังเรื่องนี้โดยปราศจากอคติติดยึดกับความคลาสสิคของ Episode 4-6 ในช่วงปี 1977-1983 และมองข้ามความตลกแบบฝืดๆ (บ้างถึงขั้นพูดว่า “ไร้รสนิยม”) ของ Episode 1-3 ในช่วงปี 1995-2005 แล้วล่ะก็ การลงทุนซื้อตั๋วเข้าไปชม Star Wars Episode 7 : The Force Awakens ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า คุ้มเงินเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับบางคนที่กังวลว่า การที่ตัวเองยังไม่ได้ดู Episode 1-6 ก่อนหน้านี้นั้นจะทำให้ดูภาค 7 ไม่เข้าใจ MenDetails ขอบอกว่าอย่าไปกังวลเรื่องนั้นมากเกินไปนัก เพราะหนังไม่ได้พยายามผูกเรื่องให้เชื่อมโยงกับภาคก่อนๆจนจับใจความไม่ได้ หนำซ้ำยังค่อยๆอธิบายอย่างชาญฉลาดถึงความผูกพันของตัวละครแต่ละตัวให้ผู้ชมได้เข้าใจแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และยังคงสนุกสนานไปกับการดำเนินเรื่องที่ฉับไวไม่เยิ่นเย้อไปพร้อมๆกับเหล่าบรรดาแฟนพันธุ์แท้ Star Wars ที่จะตื่นตาตื่นใจกับฉากสงครามที่สมจริงมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการทำหนังที่พัฒนามากขึ้นกว่าเมื่อ 30 กว่าปีก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้
บรรยากาศของ Star Wars ฉบับคลาสสิค (ที่หายไปในช่วง Episode 1-3) ได้กลับมาอีกครั้งในภาคที่ 7 นี้ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้คนเขียนบท และผู้กำกับที่จัดวางน้ำหนักในเรื่องของสงครามอวกาศ และตำนานของอัศวินเจได ได้แบบพอดีๆ เรื่องราวของหญิงสาวชื่อ “เรย์” ที่ยังไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปว่าเธอมีต้นกำเนิดมาจากไหน แต่กลับมีความสำคัญต่อความเป็นอัศวินเจไดอย่างยิ่งยวด จนทำให้ผู้ชมแทบรอไม่ไหวที่จะดูภาคที่ 8 ต่อไป และหวังว่าอดีตของ เรย์ จะค่อยๆเปิดเผยออกมาในอนาคต
ไม่รู้ว่า MenDetails คิดไปเองหรือไม่อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าผู้กำกับจงใจที่จะสร้างตัวละครหลักให้เป็น “ผู้หญิง” และ “คนผิวสี” ซึ่งในเรื่องนี้อาจมีมิติทางสังคมบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่จะช่วยเสริมบทบาทของคนทั้งสองกลุ่มให้มากขึ้นในสังคม โดยตัวหลักคนใหม่อีกคนเป็นตัวละครผิวสีนามว่า “ฟินน์” ที่เข้ามาเป็นตัวอย่างสำคัญในการนำเสนอว่าในจักรวาลของ Star Wars ไม่ได้มีแต่ฝั่งของคนที่หลงเข้าไปใน “ด้านมืด” เพียงอย่างเดียว
ความทรงจำและความคลาสสิคของหนังในช่วง Episode 3-6 ทยอยเปิดเผยออกมาทีละเล็กละน้อย ซากยานอวกาศที่แฟนๆ Star Wars คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่, การเปิดตัวแบบโดนใจแฟนๆของยานอวกาศคู่ใจของ ฮาน โซโล, ฉากการขับเครื่องบินรบของทีมนักบินที่แฟนๆคิดถึง ไล่ไปจนถึงการฟาดฟันด้วยดาบไลท์เซเบอร์ ที่จัดกันแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องเอากระบวนท่าแบบกังฟูและนิยายกำลังภายในมาใช้จนเกร่อแบบ Episode 1-3 อีกต่อไปแล้ว (บางคนอาจไม่ชอบตรงจุดนี้ แต่นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ Star Wars ตั้งใจจะหันกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมที่มันควรจะเป็นก็เป็นได้)
ตัวละครที่สุดแสนจะลึกลับอย่างตัวร้ายในหน้ากากดำตามแบบฉบับ ดาร์ธ เวเดอร์ ที่มีนามว่า “ไคโล เร็น” ซึ่งเหล่าบรรดาแฟนๆ Star Wars ต่างพากันคาดเดาไปต่างๆนานาว่าเขาคือใคร เป็นทายาทของใคร และหนังเองก็ไม่รอช้าที่จะเฉลยให้ผู้ชมได้รู้กันในภาคนี้ไปเลยว่าเขาคือใครมาจากไหน รับรองว่าเมื่อคุณรู้ว่าเขาคือใคร จะทำให้คุณอึ้งไปอย่างต่ำๆ 3 วินาทีแน่นอน
สิ่งเดียวที่ขัดใจ MenDetails สำหรับ Star Wars ภาคที่ 7 นี้นั่นก็คือ เหล่าบรรดากองทัพฝ่ายอธรรมที่ปูเรื่องมาอย่างดีว่าร้ายกาจและโหดเหี้ยมแบบสุดๆ กลับกลายเป็นกองทัพที่ดูไม่มีความเก่งกาจอะไรเท่าไหร่นักในช่วงท้ายของเรื่อง ซึ่งหากหนังใส่แรงกดดันถึงความจนแต้มของฝ่ายธรรมะให้คนดูลงไปอีกสักนิด เพื่อให้คนดูตามลุ้นและเอาใจช่วยต่อไปในภาคที่ 8 ก็คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม MenDetails เชื่อเหลือเกินว่า Star Wars Episode 7 | The Force Awakens เรื่องนี้จะไม่ทำให้แฟนๆ Star Wars เดินคอตกออกมาจากโรงหนังแน่นอน!