คำว่า ‘Organic’ ถือเป็นคำที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในสังคม ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน / พืชผลทางการเกษตร ยาวไปจนถึง ผ้าฝ้าย Cotton ซึ่งหลังๆ มานี้นั้น เริ่มโปรโมทผ้าฝ้ายที่มีผลผลิตในรูปแบบ Organic โดยวันนี้เราจะมาอธิบายแบบพอสังเขปกับคำว่า Organic ให้ทุกท่านได้รูปจักกันครับ
ผ้าฝ้าย Organic คือผลผลิตที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ
-คำว่า Organic จะมีความหมายว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากวิธีเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นการปลูกโดยไม่ให้มีการปนเปื้อนของสารเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ในทุกขั้นตอน-
ปัจจุบันนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้นนำพาเราไปไกลมากครับ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี / ยาฆ่าแมลง รวมไปถึงสารเคมีต่างๆ ที่ช่วยเริ่มผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อรูปลักษณ์และรสชาติที่ดีเยี่ยม แต่มีโทษต่อร่างกายในระยะยาวนั่นเอง เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวจะเข้าไปสะสมอยู่ในตัวผู้บริโภคในที่สุด จึงมีกระแสการปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมีใดๆ โดยใช้คำว่า Organic เป็นตัวบ่งชี้
สำหรับ ผ้าฝ้าย Cotton นั้น คำว่า Organic หมายรวมถึงการปลูกที่ใส่ใจกฏ 2 ข้อหลักๆ (คล้ายกับการปลูกพืชผลทางการเกษตร) ได้แก่ 1.) ต้นฝ้ายที่นำมาเพาะปลูกห้ามผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรม กล่าวคือห้ามเป็นพืช GMO นั่นเอง 2.) ห้ามใช้สารเคมีใดๆ ในระหว่างการเพาะปลูกเด็ดขาด
หากจะพูดแบบให้สุดโต่งจริงๆ แล้วนั้น ‘Organic Cotton’ จะต้องมาจากการเก็บด้วยมือหรือที่เรียกกันว่า ‘Handpicked’ และจะต้องผ่านกระบวนการย้อมสีด้วยสีทางธรรมชาติเท่านั้นหรือ ‘Natural Dyed’ จึงจะถือว่าเป็น ฝ้าย Organic Cotton แบบเต็มรูปแบบ แต่เนื่องจากกระบวนการการผลิตเสื้อผ้า ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ในระดับ Mass Production ดังนั้น ‘Organic Cotton’ จึงหมายถึง “ฝ้ายที่ปลูกและเติมโตโดยไม่ผ่านสารเคมีใดๆ ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต” นั่นเอง
ข้อดีและข้อเสียของ ‘Organic Cotton’ เท่าที่เราพอทราบ
ข้อดีของ ‘Organic Cotton’
– เนื่องจากเป็นใยฝ้ายที่ถูกเก็บด้วยมือ ทำให้ได้เส้นใยคุณภาพยาวกว่าการเก็บโดยเครื่องจักร จึงทำให้ได้เส้นใยคุณภาพที่ดีกว่า โครงสร้างแข็งแรงกว่า (ไม่นับรวมเรื่องสายพันธุ์ของฝ้ายนะครับ)
– ระคายเคืองต่อผิวน้อยหรือไม่ระคายเคืองผิวเลย ซึ่งสำหรับคนที่ Sensitive ด้านผิวหนังเป็นพิเศษนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว เพราะด้วยการปลูกแบบธรรมชาติ ทำให้ส่งผลกระทบน้อย
– Organic Cotton ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลมากกว่า Cotton ปกติทั่วๆ ไป
ข้อเสียของ ‘Organic Cotton’
– เท่าที่เรารู้ ณ ตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวครับคือ “ราคาแพงกว่า” ซึ่งบางท่านอาจไม่คิดว่าเป็นข้อเสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากราคาที่จ่ายนั้น คุณได้สินค้าคุณภาพมาทดแทน (แต่เอาเป็นว่ามีข้อเสียสักนิดละกันนะครับ)
ในอุตสาหกรรมการผลิตกางเกงยีนส์นั้น ปัจจุบันเริ่มมีการใช้คำว่า Organic Cotton เข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาจเป็นเพราะว่า “พวกเราไม่ได้ซื้อแต่กางเกงยีนส์เท่านั้น แต่กางเกงยีนส์ที่เราใส่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นเดียวกัน” กล่าวคือ หากกางเกงยีนส์ของคุณเลือกผลิตจากผ้าฝ้ายที่ปลูกด้วยสารเคมีเป็นองค์ประกอบ มันจะส่งผลต่อระบบน้ำ / ดิน และโครงสร้างโดยรวมต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
แบรนด์ใหญ่บนโลกใบนี้ก็เริ่มต้นหันมาหาวัตถุดิบที่ช่วยเหลือโลกกันไม่ว่าจะเป็น Nike / H&M ถือเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่จัดซื้อ Organic Cotton ในปริมาณมหาศาล เพื่อผลักดันโครงสร้างการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนในระยะยาว รวมไปถึงแบรนด์เล็กๆ อย่างเช่น Nudie Jeans ที่ปัจจุบันสามารถผลักดันให้กลายเป็นแบรนด์ที่เลือกใช้แต่ Organic Cotton แบบ 100%
หลังจากนี้ก็ลองพลักดูป้ายสินค้าก่อนซื้อดูนะครับว่า เสื้อผ้า / กางเกงยีนส์ ของคุณนั้น ผลิตด้วย Organic Cotton หรือไม่ เพราะถ้าใช้ แปลว่าคุณมีส่วนร่วมในการรักษาสภาพแวดล้อมแน่นอน แม้จะเล็กน้อยแต่มีคุณค่ามากมายมหาศาลในระยะยาวครับ
Photo Credit : Joerg Boethling