MenDetails ได้เคยเกริ่นถึงเสื้อแจ็กเก็ตสุดแสนคลาสสิกที่เราเชื่อว่าผู้ชายไทยสามารถนำมาหยิบใส่ไปได้ทุกที่อย่าง Safari Jacket กันไปแล้ว มาวันนี้ MenDetails มีโอกาสดีที่ได้หยิบเอา Safari Jacket ตัวจริงมารีวิวและนำเสนอวิธีการใส่ให้ผู้อ่าน MenDetails ได้เห็นกันชัดๆ ที่สำคัญเสื้อแจ็กเก็ตตัวนี้ยังมาจากร้านตัดเย็บเสื้อผ้าระดับโลกอย่าง Ascot Chang จากฮ่องกงอีกด้วย ลองมาดูกันเลยดีกว่าครับว่าจะดูดี และแตกต่างจากเสื้อของเจ้าอื่นอย่างไร น่าสนใจแน่นอนครับ
The Legendary Tailor ‘Ascot Chang’ from Hong Kong
ก่อนจะไปถึงตัวเสื้อ MenDetails ต้องขออนุญาตแนะนำร้านตัดเย็บเสื้อผ้าคนสำคัญอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอย่าง ‘Ascot Chang’ (แอสคอต ชาง) โดยร้านดังกล่าวมีต้นกำเนิดในฮ่องกง และได้สั่งสมประสบการณ์รวมทั้งฝีมือจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในปัจจุบันมีเสื้อผ้าของ Ascot Chang วางจำหน่ายทั้งในอเมริกา, ยุโรป และทั่วเอเชียเลยทีเดียว
Mr. Ascot Chang ในปี ค.ศ. 1949 | AscotChang.com
ชื่อ Ascot Chang มาจากชื่อของผู้ก่อตั้งโดยตรง ซึ่งคุณชางได้ฝึกฝนการตัดเย็บเสื้อผ้าที่เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน จากนั้นจึงย้ายถิ่นฐานมาที่ฮ่องกงโดยเริ่มธุรกิจตัดเย็บเสื้อเชิ้ตแบบ “บริการถึงบ้าน” ตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) และได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักธุรกิจชั้นนำ เพราะเสื้อเชิ้ตจากคุณชางถือได้ว่ามีคุณภาพที่สูงกว่าเสื้อเชิ้ตที่วางขายทั่วไปในฮ่องกงขณะนั้น
ร้าน Ascot Chang สาขาแรกที่ฮ่องกงในปี ค.ศ.1953 | AscotChang.com
ด้วยกระแสตอบรับที่ดีทำให้คุณชางตัดสินใจเปิดร้าน ‘Ascot Chang’ ร้านแรกที่ฮ่องกงในปี ค.ศ.1953 (พ.ศ.2496) และในเวลาต่อมาได้ตัดสินใจเดินสายเปิดตัวเสื้อผ้าคลาสสิกสำหรับสุภาพบุรุษของตัวเอง หรือที่เราเรียกว่า ‘Trunk Show’ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนพบกับช่องทางที่จะเปิดร้าน Ascot Chang ในเมืองนิวยอร์ก ปัจจุบัน Ascot Chang มี flagship ขนาดมหึมาอยู่ที่นั่น รวมถึงอีกสาขาที่ Beverly Hills ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากเลยทีเดียวที่ร้านตัดเสื้อผ้าจากเอเชียจะไปต่อสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงในสนามอเมริกาที่มีแบรนด์มหาอำนาจอย่าง Brooks Brothers, Ralph Lauren วางตัวอยู่แทบทุกหัวถนน
แต่ Ascot Chang พิสูจน์ตัวเองด้วยคุณภาพว่าเขาทำได้ครับ
Ascot Chang’s Navy Safari Jacket
เกริ่นถึงแบรนด์ Ascot Chang มาขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็คือ MenDetails อยากให้ทำความรู้จักกับแบรนด์ที่โด่งดังอย่างยิ่งในแวดวง Classic Sartorial Menswear นอกเหนือจากแบรนด์ใหญ่ที่วางขายเสื้อเชิ้ตตามห้างทั่วไป อีกมุมหนึ่งก็คือการบอกใบ้ให้รู้ว่า เสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีจาก Ascot Chang ที่เรากำลังจะรีวิวตัวนี้ “ไม่ธรรมดา”
ผ้า Irish Linen สีน้ำเงินเข้ม ที่เรามั่นใจว่า “ไม่ย้วยแน่นอน” แม้ผ่านการใช้ไปนานๆก็ตาม
รอยยับของเนื้อผ้าลินินที่จะเกิดขึ้นหลังจากการใช้งานเสื้อตัวนี้ไปสักระยะหนึ่ง คือเสน่ห์อันน่าหลงใหลและเป็นเอกลักษณ์ของ “ลินิน” ที่ผ้าชนิดอื่นๆ ยากที่จะเลียนแบบได้
เริ่มที่เนื้อผ้าของ Safari Jacket ตัวนี้ซึ่งทาง Ascot Chang เลือกใช้ผ้า Irish Linen (ไอริช ลินิน) คุณภาพสูงที่มีเนื้อผ้าแข็งและหนากว่าผ้าลินินทั่วๆไปในตอนแรกที่เราสัมผัส แต่นั่นเป็นเพราะธรรมชาติของผ้าลินินจะค่อยๆ นุ่มและนิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใช้งานไปสักระยะ ซึ่งผ้าลินินที่หนาแบบนี้ในช่วงแรก จะยังอยู่ทรงดีในช่วงหลัง ผิดกับบรรดาผ้าลินินที่บางและนิ่มมือตั้งแต่เริ่มต้น นานวันเข้าจะย้วยและเสียทรงไปอย่างน่าเสียดาย
ช่องกระเป๋ามีจีบ คือลักษณะเด่นของเสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีสไตล์คลาสสิก แบบเดียวกับที่ Ernest Hemingway ชื่นชอบ
ฝีมือการตัดเย็บของ Ascot Chang หากใช้ภาษานวนิยายกำลังภายในก็ต้องเรียกว่า “ถือเป็นหนึ่งในใต้หล้า” เรานำเสื้อซาฟารีตัวนี้ไปให้ช่างเย็บเสื้อเจ้าประจำของเราช่วย comment เรื่องงานตัดเย็บ เธอหยิบไปพิจารณาดูพร้อมบ่นงึมงัมอยู่นาน ก่อนจะคืนกลับมาให้เราพร้อมบอกว่า “เย็บดีมากจริงๆ อย่าเอามาให้ป้าแก้นะ ป้าทำละเอียดขนาดนี้ไม่ไหวหรอก” MenDetails ขอยกตัวอย่างเริ่มแรกจากแนวตะเข็บที่เก็บเนี้ยบจนเราประหลาดใจ พร้อมทั้งฝีเข็มที่เสมอกันหมดทั้งตัวเสื้อ แทบไม่มีจุดไหนที่เย็บอย่าง “ขอไปที” แม้แต่จุดเดียว ไม่เชื่อลองดูจากภาพด้านล่างได้ครับ
ตัวอย่างฝีเย็บที่เรียบ, เนี้ยบ และละเอียดละออจนทำให้เรา “ทึ่ง” ในฝีมือการตัดเย็บเสื้อผ้าของ Ascot Chang
อีกจุดหนึ่งที่ Ascot Chang เน้นมากเป็นพิเศษกับเสื้อซาฟารีแจ็กเก็ตตัวนี้นั่นก็คือ “การเย็บรังดุม” เนื่องด้วยความเนี้ยบของรังดุมเป็นหนึ่งในตัวตัดสินที่ชัดเจนที่สุดถึงคุณภาพของงานตัดเย็บเสื้อแต่ละตัว Ascot Chang จึงตัดสินใจเย็บรังดุมทุกจุดด้วยมือทั้งหมด (Hand-sewn Buttonholes) ไม่มีการใช้เครื่องจักรเย็บแบบรวดเร็วแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือรอยเย็บรังดุมที่แข็งแรงทนทาน และเนี้ยบเรียบร้อย แบบไม่มี “ขี้ด้าย” โผล่มาให้รำคาญใจแม้แต่จุดเดียว
ขยายให้เห็นชัดๆ กับรังดุม “เย็บมือ” ที่ช่างของ Ascot Chang เย็บได้เนี้ยบแบบนี้ทุกจุดตลอดทั่วทั้งตัวเสื้อจริงๆ
และจุดสุดท้ายที่ MenDetails ชอบเป็นการส่วนตัวนั่นก็คือ “รอยผ่าด้านหลังเสื้อ” (Back Pleat) ซึ่งมีไว้เพื่อเพิ่ม Motion ให้ผู้ที่สวมใส่สามารถขยับหัวไหล่และแขนได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการตัดเย็บเสื้อให้มี Back Pleat แบบนี้เป็นอะไรที่ยุ่งยาก และต้องอาศัยฝีมือการตัดเย็บที่ชำนาญอย่างยิ่งหากต้องการให้ออกมาดูเนี้ยบสวยแบบนี้ครับ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราอดไม่ได้ที่จะมองเสื้อแจ็กเก็ตตัวนี้เหมือนเป็น “งานศิลปะ” ที่พิถีพิถันในการรังสรรค์ มากกว่าเป็นแค่เครื่องแต่งกายธรรมดาๆอีกต่อไป
ช่องผ่ากลางหลังแบบนี้ คืออีกหนึ่งลักษณะเด่นของเสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีที่ช่วยให้ผู้ใส่สามารถขยับร่างกายได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
‘How to wear Ascot Chang’s Safari Jacket with Style’
เสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีสไตล์คลาสสิกของ Ascot Chang ตัวนี้ ถือเป็นเสื้อตัวนอกประเภทลูกผสมที่ผู้ชายสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายแบบไม่น่าเชื่อ ด้วยงานตัดเย็บที่ดีและเนี้ยบอย่างที่สุด ทำให้เราสามารถใช้งานเสื้อตัวนี้ในรูปแบบของเสื้อเบลเซอร์ (Blazer) หรือ สปอร์ตแจ็กเก็ต (Sport Jacket) ได้อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยการสวมทับเสื้อเชิ้ตพร้อมผูกเนกไท เราก็สามารถไปร่วมงานเลี้ยงส่วนใหญ่ในเมืองไทยได้แทบทุกที่ ไม่ว่าจะในโรงแรมหรู หรือตามสถานที่ Outdoor ต่างๆ ก็ไม่หวั่น เพราะด้วยเนื้อผ้าลินินที่มีความโปร่งลม ไม่อับทึบ ทำให้แจ็กเก็ตใส่สบายและเข้ากับสภาพอากาศของเมืองร้อนได้เป็นอย่างดี
ด้วยการตัดเย็บและรูปทรงที่สวยงาม เข้ารูปกำลังดีของซาฟารีแจ็กเก็ตตัวนี้ ทำให้มองผ่านเหมือนเป็น Blazer ชั้นดีที่ผู้ชายสามารถใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตได้ไม่ยากเลย
หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันที่เรามักแต่งกายง่ายๆ สบายๆ เป็นทุนเดิม ด้วยเสื้อยืด หรือ เสื้อโปโล คู่กับกางเกงยีนส์ แต่ยามใดที่อยากจะเพิ่มสไตล์และความโดดเด่นให้ตัวเอง ก็เพียงแค่หยิบเอาแจ็กเก็ตซาฟารีตัวนี้มาสวมทับ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูลำลอง แต่แฝงความเนี้ยบของการตัดเย็บ ทำให้เสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีจาก Ascot Chang เปรียบเสมือน “ไอเท็มไม้ตาย” ประจำตัวของผู้ชายทุกคน ในยามที่ต้องการแต่งตัวให้ดูดีและมีสไตล์ขึ้นกว่าเดิมแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ “หยิบมาใส่ทับชุดอะไรก็ได้ที่เราใส่อยู่ แล้วก็ออกจากบ้านได้เลย”
จับคู่กับยีนส์ตัวเก่งที่เรามีอยู่แล้ว พร้อมปิดท้ายด้วยรองเท้าหนังกลับสวยๆสักคู่ นี่คือลุคที่ใครก็ต้องเชื่อว่าคุณเป็นผู้ชาย “แต่งตัวเป็น”
เสื้อซาฟารีแจ็กเก็ตของ Ascot Chang มีสีมาให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีครีม, สีเขียว และสีกรมท่า โดย MenDetails เลือกสีกรมท่าเพื่อให้สามารถใช้งานในเชิงกึ่งทางการ (Semi-Formal) ทดแทนเสื้อเบลเซอร์สีน้ำเงินได้ในยามที่ไม่อยากแต่งตัวให้ดูจริงจังมากเกินไปนัก อีกสีหนึ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจเช่นกันนั่นก็คือสีครีม ซึ่งเป็นสีธรรมชาติของผ้าลินิน และน่าจะเข้ากันกับกางเกงยีนส์ผ้าดิบสีน้ำเงินเข้มที่เป็นที่นิยมของคนไทยได้เป็นอย่างดี สุดท้ายคือสีเขียวที่ถึงแม้จะสวยงามไม่แพ้กัน แต่เรามองว่า ผู้ชายสามารถหาแจ็กเก็ตแนวทหารตัวอื่นมาใช้ทดแทนได้ เช่น แจ็กเก็ต M65 หรือ Swedish Military M59 ก็เข้าทีไม่น้อย แต่ถ้าคุณชอบสีเขียวจริงๆ ก็อย่าได้ใส่ใจ comment ของเราให้เหนื่อยสมอง ถ้าชอบก็จัดไปเลยครับ
ใครที่อ่านแล้วสนใจอยากจะได้เสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีสุดงามจาก Ascot Chang ตัวนี้มาใช้เป็น “ไอเท็มไม้ตายประจำตัว” อย่าง MenDetails บ้าง สามารถเดินทางไปซื้อเสื้อตัวนี้ได้ที่ร้าน Ascot Chang ในฮ่องกง, นิวยอร์ก หรือ แคลิฟอร์เนีย แต่ถ้าไม่มีเวลาบินไปก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะที่เมืองไทยมีร้าน The Decorum ในซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 วางขายเสื้อซาฟารีแจ็กเก็ตของแท้จาก Ascot Chang เพียงผู้เดียวในเมืองไทย ให้คุณไปเลือกซื้อ, ลองใส่, หาไซส์ที่พอดี, เลือกสีที่ชอบ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินเดินทางไปไหนทั้งสิ้น MenDetails เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อคุณได้ลองใส่เสื้อซาฟารีตัวนี้จาก Ascot Chang แล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันและประณีตบรรจงของการตัดเย็บ แบบที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน และจะหลงรักเสื้อตัวนี้ไม่ต่างจากเราแน่นอนครับ
อีกมุมทิ้งท้ายของเสื้อแจ็กเก็ตซาฟารีสไตล์คลาสสิกจาก Ascot Chang ที่เราอยากเห็นเป็น “อาวุธลับ” ของสุภาพบุรุษชาวไทยกันให้มากกว่านี้นะครับ