Chapter 1 | “Handmade”
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นก็คือ “การอนุรักษ์”
ครับ ญี่ปุ่นเป็นเจ้าพ่อแห่งการอนุรักษ์ตัวจริงเสียงจริง ลองคิดดูว่าปราสาทและป้อมปืนใหญ่ที่พังพินาศแทบไม่เหลือชิ้นดี พี่แกยังฟื้นคืนชีพสิ่งเหล่านั้นกลับมาได้ ถ้าไม่เชื่อลองแวะไปดูปราสาทโคคูระ หรือปราสาทและป้อมปืนรอบๆปราสาทคุมาโมโต้ดูได้เลย
ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของวัตถุเท่านั้น แต่ญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องการรักษาวัฒนธรรมของตัวเองอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย อิทธิพลจากศาสนาพุทธนิกายเซนในญี่ปุ่น ทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นยึดโยงอยู่กับความเรียบง่าย แต่ต้องละเอียดและประณีตในทุกขั้นตอน สิ่งเหล่านี้ตีกระทบไปถึงการออกแบบ และการผลิตสินค้าของญี่ปุ่น ซึ่งมักจะออกมาในแนว Minimalism หรือแบบที่เรียกว่า “เรียบหรู – ดูดี -ไม่ต้องเยอะ” และที่สำคัญ ญี่ปุ่นชอบของที่ “แฮนด์เมด” หรือ “ทำด้วยมือล้วนๆ”
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, รองเท้า, แว่นตา ฯลฯ ของเหล่านี้ถ้าเป็นของ “แฮนด์เมด” คุณค่าของมันจะยิ่งทวีคูณในสายตาของคนญี่ปุ่น เพราะมันบ่งบอกถึงเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ และความใส่ใจในการทำที่สะท้อนออกมาเป็นความประณีตของผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จออกมาแต่ละชิ้น
รองเท้าสัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังเป็นที่นิยมกันมากสำหรับคนไทยอย่าง Onitsuka Tiger ถ้าเป็นรุ่นที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่น จะมีการใช้เครื่องจักรมาช่วยผลิต แต่ถ้าเป็นรุ่น Nippon Made ซึ่งเป็นรุ่นที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น กระบวนการผลิตจะเป็น “แฮนด์เมด” แทบทั้งหมด และทำให้ราคาของมันแพงขึ้นกว่ารุ่นที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นหลายเท่าตัว!
“คุณค่าของสินค้า” ที่ทำให้มันมีราคาแพงขึ้นมาได้หลายเท่านั้นอยู่ตรงที่ “เรื่องราว” ที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการผลิตแบบแฮนด์เมดทั้งหมดนั่นเอง ความใส่ใจในการทำทีละขั้น ทีละตอน กว่าจะเย็บตรงนั้น กว่าจะติดหนังตรงนี้ กว่าจะอบและตากหนังให้เข้าที่ จนออกมาเป็นรองเท้าที่เสร็จสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้มันทำให้คนที่ซื้อไปใส่มีความรู้สึกว่า รองเท้าคู่นั้นมันเหมือน “มีชีวิตจิตใจ” ขึ้นมายังไงยังงั้นเลยทีเดียว
และสำหรับคนที่รักและคลั่งไคล้ในของแฮนด์เมด มักจะมีอาการคล้ายๆกันนั่นก็คือ “ถอนตัวไม่ขึ้น”
ซึ่ง Editor ของ MenDetails ก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกัน (ฮ่าฮ่าฮ่า)
นักเขียนคนหนึ่งใน MenDetails ถึงกับเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า
“ถ้าเป็น Onitsuka Tiger ผมจะซื้อเฉพาะรุ่น Nippon Made เท่านั้น!”
เอากับมันสิครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย
ผมเกริ่นเสียยืดยาวเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมในแง่มุมหนึ่งของญี่ปุ่น และความคลั่งไคล้ในสินค้าแฮนด์เมดของเขา ก็เพื่อจะอ้อมกว้างๆแล้วโยงไปถึงรองเท้าสัญชาติญี่ปุ่นอีกยี่ห้อหนึ่งที่อาจจะเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยน้อยกว่า Onitsuka Tiger แต่ถ้าพูดถึงความประณีตในการทำด้วยมือ (และด้วยใจ) ตามแบบฉบับของสินค้า “Made in Japan” ก็ถือได้ว่าไม่แพ้กัน
รองเท้าที่ผมกำลังพูดถึงนั่นก็คือรองเท้ายี่ห้อ “MoonStar”
แต่สำหรับ MoonStar แค่ “Made in Japan” มันยังไม่พอครับ
MoonStar เขาขอเน้นด้วยคำว่า “Made in Kurume”
Chapter 2 | “Kurume”
Kurume (อ่านว่า คุ-รุ-เมะ) เป็นชื่อเมืองครับ
เมืองคุรุเมะตั้งอยู่บนเกาะคิวชูที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นเมืองที่อยู่ระหว่าง ฟุกุโอกะ กับ คุมาโมโต้ ถ้าเรานั่งรถไฟชินคันเซ็นจากฟุกุโอกะ ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20 นาทีก็จะมาถึงเมืองคุรุเมะแล้วครับ สะดวกรวดเร็วดีทีเดียว
ถึงจะเป็นเมืองทางผ่านที่คนไทยไม่ค่อยจะได้แวะเที่ยวกันเท่าไหร่นัก แต่คุรุเมะก็มีชื่อเสียงมากในเรื่องของ “อุตสาหกรรมสิ่งทอ” อีกด้วย โดยมีเอกลักษณ์การทอผ้าแบบฉบับของคุรุเมะที่เรียกว่า “Kurume Kasuri” (คุรุเมะ คาซูริ) คือการทอผ้าค็อตต้อนและย้อมสีน้ำเงินแบบ “Indigo” โดยมีลวดลายสีขาวอยู่บนตัวผ้า ซึ่งนิยมนำไปใช้ในการตัดเย็บกิโมโนในสมัยก่อน
นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของสิ่งทอแล้ว คุรุเมะยังโด่งดังเป็นที่เลื่องลือในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “ยาง” เรียกได้ว่าถ้าจะหาแหล่งผลิตยางที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ต้องมาที่เมืองคุรุเมะนี่แหละ รับรองได้ว่าไม่มีผิดหวัง
ด้วยเหตุนี้เมืองคุรุเมะจึงกลายเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมที่มียางเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานยางรถยนต์ ยางมอเตอร์ไซค์ (โรงงานแห่งแรกของยางรถยนต์ Bridgestone ก็อยู่ที่เมืองคุรุเมะนี่แหละครับ) และแน่นอนอุตสาหกรรม “รองเท้า” ที่ใช้ทั้งยางและสิ่งทอของเมืองคุรุเมะก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
โรงงานทำรองเท้าที่อยู่ในเมืองคุรุเมะ เจ้าใหญ่ก็คือ Asahi Shoes (คนละแบรนด์กับเบียร์อาซาฮีนะครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน) ซึ่งโรงงานรองเท้าอาซาฮีจะผลิตรองเท้าหลากหลายมากๆ ตั้งแต่รองเท้าแตะอยู่บ้าน รองเท้าแม่บ้าน รองเท้าคนแก่ รองเท้าเพื่อสุขภาพ รองเท้าผ้าใบ รองเท้ากีฬา รองเท้านักเรียน รองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน ฯลฯ เอาเป็นว่าเฮียแกทำรองเท้าทุกประเภทนั่นแหละ ไม่รู้จะพูดให้ยาวทำไม
ส่วนอีกโรงงานหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันก็คือ “MoonStar” ซึ่งเป็นแบรนด์ต้นกำเนิดของรองเท้าที่เราจะมารีวิวกันในครั้งนี้นี่เอง
Chapter 3 | Shoes Like Pottery (By MoonStar)
เมื่อพูดถึงรองเท้าผ้าใบ หลายคนคงนึกถึงรองเท้าสุดเท่ห์อย่าง Converse หรือ Vans แต่ถ้าจะให้เจ๋งจริงๆรองเท้าอย่าง Converse รุ่นดีๆ ก็ต้องเป็น Made in USA หรือไม่ก็ Made in Japan ซึ่งเรารู้กันดีว่าของใดๆก็ตามที่ตีตราว่า Made in Japan แล้วนั้น ย่อมเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งว่าเป็นของที่ “มีคุณภาพ”
แต่รองเท้าที่เรากำลังจะรีวิวในครั้งนี้เขาไม่ได้แค่ภูมิใจในความเป็นสินค้าที่ Made in Japan เท่านั้น แต่ยังลงลึกเฉพาะเจาะจงไปถึงคำว่า “Made in Kurume” เพื่อตอกย้ำว่ารองเท้าคู่นี้ผลิตในเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นในเรื่องของ “พื้นรองเท้ายาง” รองเท้าที่ว่าก็คือ Shoes Like Pottery
ชื่อรองเท้า Shoes Like Pottery นี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเล่นๆ แต่ชื่อนี้มีที่มาที่ไป (ตามสไตล์ชาวญี่ปุ่น ที่ทำอะไรก็ต้องมีเรื่องเล่าได้เสมอ) โดยมีที่มาจากกระบวนการผลิตรองเท้า ที่เอารองเท้าเข้าไปอบในเตาอบโบราณขนาดใหญ่ที่อุณหภูมิกว่า 120 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นกระบวนการอบด้วยความร้อนที่คล้ายกับขั้นตอนการเผาในการผลิตเครื่องเซรามิกหรือเครื่องปั้นดินเผา นี่เองจึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อว่า Shoes Like Pottery หรือ “รองเท้าที่เหมือนกับเครื่องปั้นดินเผา”
หากจะกล่าวย้อนกลับไป รองเท้า Shoes Like Pottery นี้จะไม่สามารถแจ้งเกิดได้เลย ถ้าหากเมือง Kurume ไม่ได้จัดนิทรรศการโปรโมทผลิตภัณฑ์เด่นของเมือง โดยโรงงานเก่าแก่อย่าง MoonStar (บริษัทแม่) ได้ทำการโชว์รองเท้าที่ถูกผลิตขึ้นด้วยวิธีดั้งเดิมอย่าง “Ka-Ryu” หรือการอบด้วยความร้อนที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานานจนเนื้อยางพาราประสานเป็นชิ้นเดียวกันโดยไม่ใช่กาว ทำให้รองเท้าดังกล่าวดังจนผู้คนถามหาและต้องการซื้อเป็นเจ้าของ ทำให้ MoonStar ผลิตรองเท้าแบรนด์ Shoes Like Pottery ขึ้นเพื่อนำออกขายทั่วโลกในเวลาต่อมา
แนะนำตัวรองเท้ากันมามากพอแล้ว เรามารีวิวของจริงกันเลยดีกว่าครับ
รองเท้า Shoes Like Pottery ที่เราได้มาอยู่ในมือวันนี้เป็นสีธรรมชาติ ตัวผ้าใบเป็นสีขาวแบบ Off White คือไม่ขาวจั๊วะแบบโฆษณาโอโม่ แต่ขาวแบบออกเหลืองๆนวลๆ เข้ากันกับสีของพื้นรองเท้าที่มาในโทนเดียวกัน ซึ่งการผลิตและวัสดุทั้งหมดทุกส่วนทุกชิ้นของรองเท้านั้น เกิดขึ้นในเมืองคุรุเมะ ประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังเป็นการผลิตด้วยมือทั้งหมด ทำให้เชื่อมั่นได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด และคุณภาพที่มาแบบจัดเต็มแน่นอน
เอกลักษณ์อย่างนึงของรองเท้าแบรนด์นี้คือมีพื้นรองเท้าสีน้ำเงินเด่น เห็นได้แต่ไกลครับ และรอยยางที่เป็นตราประทับซึ่งอยู่ด้านข้างของส้นเท้าด้านนอก บ่งบอกความเป็นแบรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งด้วยขั้นตอนการอบยางด้วยความร้อนที่อุณหภูมิสูงแบบ “Fine Vulcanized” ทำให้พื้นรองเท้ามีความนิ่มและรับกับอุ้งเท้าได้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะยางที่ละลายติดกันและถูกอบด้วยความร้อนเป็นเวลานานนี่เองที่ทำให้พื้นยางนั้นนิ่มและยืดหยุ่นได้ดีมากๆ สังเกตได้จากการบิดงอของตัวพื้นรองเท้า ที่บิดไปบิดมาได้สบายๆ ซึ่งไม่เหมือนรองเท้าแบบอบร้อนยี่ห้ออื่นๆ อย่าง Vans หรือ Converse
และอีกสิ่งหนึ่งที่ MenDetails ชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือรอยการกลิ้งลูกกลิ้งบริเวณยางข้างพื้นรองเท้า ที่ทางช่างทำรองเท้าของ Moonstar จะใช้วิธีกลิ้งด้วยมือแบบ “ข้างต่อข้าง ชิ้นต่อชิ้น” กันเลยทีเดียว ทำให้รองเท้าในแต่ละข้างนั้นจะได้ลายที่ออกมาไม่เหมือนกันแม้แต่ข้างเดียว ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่เป็นเสน่ห์ของรองเท้าแบบ Handmade ที่เราไม่สามารถหาได้จากรองเท้าที่ใช้เครื่องจักรผลิตออกมาทีละมากๆ
ถึงตรงนี้ หลายท่านคงอยากทราบว่าใส่แล้วเป็นยังไง ผมบอกได้เลยครับว่า ใส่สบายมาก ทรงสวย และยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มของพื้นรองเท้าที่แตกต่างจากรองเท้ายี่ห้ออื่นๆจริงๆ แฟนๆ MenDetails ท่านใดที่ใส่รองเท้า New Balance เป็นประจำแล้วได้ลองมาใส่รองเท้า Shoes Like Pottery คู่นี้ จะเข้าใจได้ทันทีว่าความแตกต่างระหว่างวัสดุ EVA ที่อยู่ใน Mid-Sole ของพื้นรองเท้าแบบ New Balance หรือรองเท้ากีฬาตระกูล Nike กับพื้นรองเท้าแบบยางพาราล้วนๆ แต่นิ่มมากๆนั้นมันเป็นยังไง อีกทั้งผ้าที่ใช้เป็น Upper-Part ของรองเท้า ยังมีความหนา แข็งแรง ทนทาน แต่ก็ให้ความนิ่มนวลได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ถ้าจะให้ MenDetails ลองสรุปสิ่งที่เราชื่นชอบในตัว Shoes Like Pottery คู่นี้ ก็จะขอจัดให้สั้นๆดังต่อไปนี้นะครับ
- กระบวนการผลิตที่ทำขึ้นใน Kurume, Japan ทุกขั้นตอน อันนี้ต้องให้เครดิตคุณภาพของงานผลิตที่ทำในประเทศญี่ปุ่นว่าเชื่อถือได้จริงๆในเรื่องความประณีตและคุณภาพของสินค้า
- ผลิตด้วยมือทุกคู่ มีความเฉพาะตัวสูง และคุณภาพยอดเยี่ยม
- ผ่านการอบร้อนแบบวิธีดั้งเดิมที่ทำมากว่า 142 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานรองเท้า Moonstar
- ราคาที่จับต้องได้ ไม่ได้แพงจนโอเว่อร์แต่อย่างใด
- ทรงสวย นิ่ม และที่สำคัญ ไม่เหมือนใครในทุกคู่ที่คุณซื้อแน่นอน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความเก๋าแบบมีเรื่องราว ความเรียบที่มีเสน่ห์ คุณภาพที่เยี่ยมยอด และแตกต่างอย่างมีสไตล์
เราขอแนะนำเลยครับ กับรองเท้าแบรนด์นี้ Shoes Like Pottery
Credit & Source : Shoes Like Pottery