การเดินทางที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เช่นเดียวกันกับเวลาสู่โลกใหม่และสไตล์ที่แปรเปลี่ยนไปได้ทุกวัน แต่ยังคงซึ่งกลิ่นอายและวัฒนธรรมของสายวินเทจ ดั่งเช่นนาฬิกา Rado Over – Pole จากยุค 60s อันโด่งดังด้วยแก่นแห่งความเป็นนาฬิกาวินเทจ ที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และคุณภาพผ่านการผลิตและการออกแบบที่พัฒนาขึ้นตามยุคสมัยบวกกับประวัติศาสตร์และความสำเร็จอันยาวนานของ Rado ภายใต้เอกลักษณ์ “Worldtimer” กับบทความนี้จาก MenDetails จะพาเราทุกคนร่วมเดินทางจากห้วงยุค 60s ไปพร้อมกับนาฬิกาคลาสสิกอย่าง Rado Captain Cook Over – Pole Limited Edition กันครับ
Over – Pole Worldtimer นาฬิกาไขลานคลาสสิกกับการเดินทางไม่รู้จบ
ในยุค 1960s คงไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากไปกว่าการมาถึงของเครื่องบินไอพ่นและการเดินทางข้ามประเทศที่สะดวกขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก และเป็นยุคแห่งการพัฒนาอุตสาหกรรมทุกทาง เรือนเวลาก็เช่นกัน นักออกแบบของแบรนด์นาฬิกาอย่าง Rado จึงมีความคิดที่จะเอาไลฟ์สไตล์ที่เติบโตและเปลี่ยนไปมาผสมผสานกับการเดินทางสู่ดินแดนใหม่ รวมกับความสำเร็จก่อนหน้าของ Rado ในการสานต่อชื่อเสียงคอลเลกชัน Captain Cook นาฬิการุ่น Iconic ของแบรนด์ด้วยการออกรุ่น Over – Pole เป็นนาฬิกา Worldtimer ที่มีกรอบหน้าปัดหมุนได้พร้อมชื่อเมืองสำคัญทั่วทุกมุมโลกและเส้นเวลาที่ทำให้เราสังเกตและประมาณเวลาของเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกได้รวดเร็วขึ้นครับ
นาฬิกา Over – Pole รุ่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและส่งไม้ต่อในเรื่องของการเดินทางจากยุคสู่ยุค โดยยังคงความเป็นนาฬิกาสายวินเทจ ที่แม่นยำเชื่อถือได้ผ่านกลไกและระบบไขลานซึ่งสามารถใช้จับเวลาถึงทั่วโลกพร้อมไทม์โซนต่าง ๆ บนกรอบหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ และตัวเรือนขนาดกำลังดีที่ถือว่าเป็นขนาดที่ลงตัวสำหรับนาฬิกาวินเทจ
Captain Cook Over – Pole เมื่อตำนานสองเรือนมารวมเป็นหนึ่ง
หากพูดถึง Rado นาฬิการุ่นที่โด่งดังก็ต้องเป็น Caption Cook นาฬิกาที่ใช้กลไกออโตเมติกบวกกับตัวเรือนอันแข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับการสำรวจป่าลึกหรือเทือกเขาน้ำแข็ง และเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นต่อ ๆ มาของ Rado รวมไปถึงนาฬิกาเรือนล่าสุดอย่าง Captain Cook Over – Pole
สำหรับการสานต่อแรงบันดาลใจในความสำเร็จนี้ Rado ได้รับมรดกตกทอดทางดีไซน์ชิ้นสำคัญมาจากนาฬิกาทั้งสองรุ่น คือ Captain Cook และ Over – Pole กลายเป็นการผสมผสานจุดเด่นและสไตล์วินเทจความเป็นนาฬิกาในยุค 60s เข้าไว้ด้วยกันกับเรือนใหม่สุดพิเศษที่คงความคลาสสิกไว้ครบครันภายในตัวเรือนสแตนเลสขัดเงา กรอบหน้าปัดแบบเอียงระบุชื่อเมืองสำคัญ และตัวเลขระบุวันที่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา เป็นสีแดงชัดเจนง่ายต่อการสังเกตและเป็นเอกลักษณ์ของ Rado ซึ่งสายของนาฬิกาสามารถเปลี่ยนได้ด้วยระบบ Easy Clip และมีสายสแตนเลสแบบเม็ดข้าวให้เลือกเปลี่ยนได้อีกด้วย
เมื่อเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันก้าวกระโดดในเรื่องของคุณภาพและความแม่นยำมากกว่าในยุค 60s ทำให้เกิดการพัฒนากรอบหน้าปัดไปอีกขั้นด้วยการใช้อินเสิร์ตไฮเทค-เซรามิคปัดเงาสีดำ และใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบผิวเพื่อลดการสะท้อน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสังเกตวันที่และเวลาได้อย่างง่ายดาย ในส่วนของความวินเทจ Rado เลือกที่จะให้นาฬิกาใหม่นี้ใช้กลไกแบบไขลาน ซึ่งตอบโจทย์การเดินทางตามแบบนักสำรวจที่มากกว่ากลไกแบบอื่น โดยสำรองพลังงานในการเดินลานได้ถึง 80 ชั่วโมง บรรจุในตัวเรือนขนาด 37 มิลลิเมตร มีคุณสมบัติกันน้ำได้ลึก 100 เมตร อันเป็นขนาดที่พอเหมาะพอดีกับนาฬิกาที่ใช้งานทุกวัน และมีขนาดตัวเรือนที่จัดว่าคงความเป็นยุค 60s ไว้ครบถ้วน
ใส่คู่กับชุดอย่างไรให้ดูดีและโดดเด่นกับ Rado เรือนนี้
ในสมัยก่อนแห่งยุคคลาสสิกนั้น การใส่นาฬิกาเรือนเล็กที่เป็น Dress Watch นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนแบบเหลี่ยมหรือกลมปกติ แต่ในปัจจุบันนั้นเรามักเห็นคนใส่นาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ราวกับต้องการโชว์นาฬิกามากกว่าชุดเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายเสียอีกในบางครั้ง ซึ่งการออกมาของนาฬิกาสุดพิเศษนี้จาก Rado เป็นการทำให้ชัดเจนว่า เทรนด์การสวมใส่นาฬิกาเรือนเล็กแบบวินเทจกำลังจะกลับมา และเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งใน Fashion Loop
ด้วยความที่ Captain Cook Over-Pole เป็นนาฬิกาที่มีโทนสีเทา-ดำ จึงทำให้การแต่งตัวควบคู่กับเสื้อผ้านั้นค่อนข้างง่าย เราสามารถใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตตัวสวยคู่กับกางเกงสแล็ค สวมทับด้วยสปอร์ตแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัว และรองเท้าหนังอย่าง Penny หรือ Tassel Loafers สักคู่ ก็จะได้ความเป็น Smart Casual For Work หรือแต่งเป็น Everyday look ไปทำงานได้เป็นอย่างดี และด้วยขนาดนาฬิกาที่กำลังพอดีข้อมือผู้ชายไทยส่วนใหญ่ ช่วยทำให้ นาฬิกา Captain Cook Over-Pole รุ่นนี้ซ่อนตัวอยู่ใต้แขนเสื้อเชิ้ตได้แบบพอดี ๆ
สำหรับคอสายลุยที่ชื่นชอบการเดินทางแบบกัปตันคุกส์ต้นฉบับ หรือเป็นคนที่รักในการใส่เรือนเวลาในการพักผ่อนนอกสถานที่นั้นนาฬิกาเรือนนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์และ Match ลุคได้ง่ายอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำมา Pairing กับกางเกงยีนส์หรือชิโน่และเชิ้ต Camp-collar ก็จะได้อารมณ์ความวินเทจที่นาฬิกาเรือนขนาดกำลังดีอยู่บนข้อมือใน Dress casual สำหรับการพักร้อนจากชีวิตทำงาน เช่น เที่ยวทะเล ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีในความกลมกล่อมทางสไตล์ของนาฬิการุ่นนี้อย่างมาก ด้วยความที่มีหน้าปัดตัวเรือนขนาดกำลังพอดิบพอดี ที่ 37 มม. และตัวเรือนที่ไม่หนา ทำให้สามารถใส่เป็น Dress watch แบบสไตล์ Vintage ที่ตรงตามใจของผู้ออกแบบอย่าง Rado ได้อย่างดีเพราะสมัยก่อนนั้นนาฬิกาเรือนเล็กเป็นที่นิยมมาก และกำลังกลับมาได้รับความนิยมอย่างสูงอีกครั้งในแวดวง Sartorial
ท่านที่สนใจจับจองนาฬิกา Rado สุดพิเศษเรือนนี้ อาจจะต้องรีบสักหน่อย เพราะมันผลิตออกมาเพียง 1962 เรือนเท่านั้น เนื่องในโอกาสฉลองความสำเร็จ 60 ปีของ Rado ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายราโด้ทั่วประเทศ ช่องทางออนไลน์ Shopee และ Lazada หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @Radothailand หรือ โทร. 02-610-0200 ครับ