บทความนี้มีที่มาจากคำถามของผู้อ่าน MenDetails.com ที่อยากให้เราช่วย review แนะนำเครื่องแต่งกายที่เรียกว่า “Overcoat” (โอเว่อร์โค้ต) สำหรับผู้ชายบ้าง ซึ่งถ้าจะเรียนตามตรงเราเองรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้รับรีเควสท์ในประเด็นเรื่องนี้ เพราะในความเป็นจริงนั้นโอกาสที่ผู้ชายไทยจะได้สวมใส่โอเว่อร์โค้ตในประเทศไทยนั้นน้อยมากจนแทบไม่มีความจำเป็น แต่ MenDetails เชื่อว่าในโลกโลกาภิวัฒน์อย่างในยุคปัจจุบันที่ผู้ชายชาวไทยสามารถอ่าน MenDetails.com ได้จากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ การแนะนำเครื่องแต่งกายที่เรียกว่า “โอเว่อร์โค้ต” เป็นภาษาไทยย่อมเป็นประโยชน์ให้กับคนไทยที่อาศัยอยู่หรือมีโอกาสท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีอากาศหนาวจัดได้เช่นกันนะครับ
Roger Moore กับ Overcoat สีกรมท่า ที่ใส่ยังไงก็คลาสสิก ไม่มีวันล้าสมัย แต่จะมีโอกาสได้ใช้ก็เฉพาะในที่ที่มีอากาศหนาวจัดเท่านั้น
Overcoat คืออะไร? ทำไมต้องเรียก Overcoat?
คำว่า Overcoat (โอเว่อร์โค้ต) คือชื่อเรียกเสื้อตัวนอกสุดของผู้ชาย ที่มีจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายในสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัด ฟังดูเหมือนเป็นความหมายของ “เสื้อกันหนาว” ทั่วๆไป แต่เสื้อที่จะเรียกว่าเป็นโอเว่อร์โค้ตได้นั้นต้องทำจากผ้าที่หนาและมีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม ต่อ 1 ตารางเมตรขึ้นไป อีกทั้งมีความยาวตั้งแต่ประมาณหัวเข่าจนถึงข้อเท้าเท่านั้น เราจึงจะจัดให้เสื้อตัวดังกล่าวอยู่ในหมวด “โอเว่อร์โค้ต” ได้ครับ เสื้อที่จัดเป็น Overcoat ได้เช่น Chesterfield Coat ซึ่งเป็นเสื้อโค้ตตัวยาวแบบ Single breasted ที่ทำจากผ้าวูลอย่างหนา มีน้ำหนักมาก และกันหนาวได้ดีเยี่ยม ส่วนเสื้อโค้ตที่ทำจากผ้าที่บางและเบากว่า 100 กรัมต่อ 1 ตารางเมตรลงไป เราจะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Topcoat” (ท๊อปโค้ต) อาทิเช่น เสื้อ Trench Coat ที่ทำจากผ้าฝ้าย Gabardine ที่มีน้ำหนักเบากว่า ก็จะเรียกว่าเป็น Topcoat แทนครับ
รูปวาดของแค็ตตาล็อคเสื้อ Chesterfield Overcoat ตัวยาวสำหรับสวมทับชุดสูท
สาเหตุที่เรียกว่า Overcoat เป็นเพราะผู้ชายจะสวมเสื้อประเภทนี้เป็นตัวนอกตัวสุดท้ายที่คลุมทับ (Over) ชุดสูทหรือชุดทักสิโด้ข้างในเอาไว้ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อกันอากาศหนาวจัดเป็นสำคัญ เมื่อเข้าในที่ร่มแล้วก็จะถอดเสื้อโอเว่อร์โค้ตตัวนี้ออกไป ดังนั้นรายละเอียดของการตัดเย็บเสื้อโอเว่อร์โค้ตจึงไม่ได้มีเยอะแยะมากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับการตัดชุดสูทที่ต้อง “พอดีเป๊ะ” เข้ารูปกับผู้สวมใส่มากกว่า อย่างไรก็ดี Overcoat มักจะมีสไตล์ที่ใกล้เคียงกับชุดสูท เช่น เป็นแบบ Single Breasted หรือ Double Breasted และใช้วิธีกลัดเสื้อด้วยกระดุม อีกทั้งนิยมใช้ผ้าวูลธรรมชาติมากกว่าผ้าสังเคราะห์ ทั้งนี้เพื่อให้สไตล์ของเสื้อตัวนอกไปกันได้ดีกับสไตล์ของเสื้อตัวในที่เป็น ชุดสูทหรือทักสิโด้ ด้วยครับ
ปกเสื้อโค้ตขนาดใหญ่คืออีกลักษณะเด่นของ Overcoat ที่ได้รับอิทธิพลจากเครื่องแบบของทหาร (อีกแล้ว)
ผู้ชายไทยจะมีโอกาสได้ใส่ Overcoat บ้างไหม?
หากหมายถึงภายในประเทศไทย MenDetails ขอบอกได้เลยว่า “ยากมาก” นั่นเพราะภูมิอากาศของบ้านเราไม่ได้หนาวจัดถึงขนาดนั้น ต่อให้เป็นยอดดอยอินทนนท์ในช่วงฤดูหนาว ที่เราอาจจะเห็นความหนาวระดับ 0 องศาบ้างนานๆที แต่ก็ยังไม่ใช่อากาศระดับที่เราจำเป็นต้องใส่เสื้อประเภท “Overcoat” แต่อย่างใด อีกทั้ง Overcoat ยังเป็นเสื้อที่นิยมใส่ทับชุดสูทหรือทักสิโด้เป็นหลัก ซึ่งทั้งสองชุดก็ไม่ใช่ชุดที่ผู้ชายไทยใส่เป็นประจำอยู่แล้วด้วย ยิ่งทำให้โอกาสที่เราคนไทยจะได้ใส่เสื้อ Overcoat ในประเทศไทยนั้น น้อยลงไปอีกจนแทบไม่มีความจำเป็น
James Bond กับเสื้อ Overcoat แบบกระดุมสองแถว Double-Breasted จากฉากในภาพยนตร์เรื่อง Spectre
แต่ถ้าคุณเป็นผู้ชายไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศในที่ที่มีภูมิอากาศหนาวจัด ถึงขั้นติดลบและมีหิมะตก อีกทั้งด้วยหน้าที่การงานมีการใส่ชุดสูทเป็นประจำด้วยล่ะก็ Overcoat จะกลายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคุณทันทีครับ MenDetails ขอแนะนำให้เลือกใส่ Overcoat แบบ Double Breasted หรือกระดุมสองแถว ซึ่งจะทำให้ชุดโอเว่อร์โค้ตขนาดใหญ่นั้นไม่ดูแล้ว “โล่งโจ้ง” เกินไป อีกทั้ง Overcoat แบบ Double Breasted จะกันหนาวได้ดีกว่าด้วยชั้นผ้าที่ทับซ้อนกันด้านหน้าลำตัวของเราครับ อีกจุดหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ ควรเลือกสวมโอเว่อร์โค้ตที่มีความยาวถึงประมาณหัวเข่า หรือเลยเข่ามาเล็กน้อยเท่านั้นก็พอ เพื่อไม่ให้ชายเสื้อยาวจนดูรุ่มร่ามเกินไป ในขณะที่ยังคงความเป็น Overcoat ได้ตามสไตล์ดั้งเดิมนะครับ ตัวอย่างเช่น เสื้อ Peacoat สีกรมท่าตัวยาวประมาณเข่าที่ทำจากผ้าหนาๆ ก็ถือเป็น Overcoat ที่น่าสนใจและใช้งานได้หลากหลายทีเดียวครับผม
Carey Grant ดาราฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุค 1950 กับเสื้อ Overcoat ที่เขาใส่ทับชุดสูทท่ามกลางอากาศหนาวจัด
มีแบรนด์ใดแนะนำบ้าง?
เนื่องจาก Overcoat เป็นเสื้อผ้าที่ผู้ชายไทยมีโอกาสใส่น้อยมาก จนถึงแทบไม่มีโอกาสเลย ทำให้อาจจะหาเสื้อที่เรียกได้ว่า Overcoat จริงๆค่อนข้างยากนะครับ แต่อย่างไรก็ดีร้านเสื้อผ้ายอดนิยมอย่าง Uniqlo หรือ H&M ก็มีจำหน่ายเสื้อโค้ตแบบ Topcoat ที่ใช้ผ้าบางลงมาหน่อยวางจำหน่ายอยู่บ้างตามแต่ละเทศกาลครับ
อีกสไตล์กับ James Bond จากฉากในภาพยนตร์เรื่อง Skyfall โดย Chesterfield Overcoat ตัวนี้เป็นของแบรนด์ Tom Ford จะเห็นว่าเป็น Overcoat ที่สั้นกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สั้นเกินไปนัก
หากต้องการเสื้อ Overcoat ขนานแท้ที่ตัดเย็บด้วยผ้าที่หนาและมีน้ำหนักพอสมควร แถมมีความยาวมากพอที่จะเรียกว่า Overcoat ได้ MenDetails คงต้องขอแนะนำให้ติดต่อที่ร้านตัดเย็บสูทแบบ “Made to Measure” สำหรับการวัดตัวตัดเสื้อ Overcoat ครับ เลือกร้านที่มีความชำนาญและมีความหลากหลายของ Collection ผ้าให้เลือก ก็จะช่วยให้ผู้ชายได้โอเว่อร์โค้ตที่ถูกใจมากขึ้นครับ แต่ถ้าอยากได้เสื้อโอเว่อร์โค้ตที่มีคุณภาพสูง แต่ไม่มีเวลามากพอที่จะรอการตัดแบบ MTM ก็ลองมองหาจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Brooks Brothers, Ralph Lauren, Hackett หรือ Tom Ford เป็นต้นครับ
Zinedine Zidane กับเสื้อ Overcoat ที่เขาชอบใส่เป็นประจำยามที่คุมทีมฟุตบอลอยู่ข้างสนาม
โดยสรุปแล้วเสื้อ Overcoat ก็คือเสื้อกันหนาวตัวหนา ที่มีความยาวประมาณเข่าจนถึงข้อเท้า และมีดีไซน์ที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับเสื้อแจ็กเก็ตสูท มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใส่เป็นตัวนอกสุดคลุมทับเสื้อสูทหรือทักสิโด้เพื่อป้องกันอากาศหนาวจัดจริงๆเท่านั้น และถึงแม้ผู้ชายไทยอาจไม่ได้มีโอกาสใส่เสื้อ Overcoat แบบนี้กันบ่อยนัก แต่ MenDetails ก็เชื่อว่า การทำความรู้จักกับเสื้อ Overcoat และเรียนรู้วิธีการใส่ที่ถูกต้อง ก็ถือเป็นอีกความรู้ที่ผู้ชายมีสไตล์ควรทำความเข้าใจ เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้ก็สามารถ “Pull it off” หรือใส่ให้ดูดีมีสไตล์ได้ตามกาลเทศะและความเหมาะสมนะครับ