ข่าวล่าสุดที่ทางแบรนด์รองเท้ากีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะปลดพนักงานกว่า 1,400 คน (ส่วนหนึ่งก็เป็นพนักงานที่ประจำในประเทศไทยด้วยเช่นกัน) หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามว่า “Nike กำลังย่ำแย่จริงหรือ?” “กำลังพ่ายแพ้ต่อแบรนด์คู่แข่งหรือป่าว?” คำตอบที่ MDs สามารถแจ้งให้ทุกท่านทราบตอนนี้ก็คือ “Nike ยังคงเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในวงการรองเท้า Sneakers อยู่ดี” ถึงแม้ช่วงหลังมานี้ทางแบรนด์จะมีกำไรที่ลดน้อยลง และถูกแบ่ง Market Share ไปจากแบรนด์คู่แข่งอย่าง adidas และ Under Armour ก็ตาม
แต่การปลดพนักงานออกก็คือการปรับโครงสร้างของบริษัทนั่นเอง เพราะเนื่องจาก Nike นั้นมีพนักงานจำนวนกว่า 70,700 คนทั่วโลก การปรับลดพนักงานครั้งนี้ก็เพื่อลดรายจ่ายของบริษัทเพื่อนำจำนวนเงินดังกล่าวไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกวางตลาด เนื่องจากยอดขายที่ตกลงกว่า 9% ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ในตลาดอเมริกา ที่ถือเป็นตลาดหลักของแบรนด์ (จากผลสำรวจของ Goldman Sachs) ส่งผลให้ Nike จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นเอง
“อนาคตของตลาดธุรกิจด้านการกีฬาขึ้นอยู่กับบริษัทที่เข้าใจและศึกษากลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง” Mark Parker, Chief Executive ประจำบริษัท Nike กล่าวก่อนจะแจ้งเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ทาง Nike “กำลังพุ่งเป้าไปที่ตลาด Digital มากขึ้น โดยลงลึกที่กลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง และส่งสินค้าให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”
แน่นอนว่าการปรับลดจำนวนพนักงานก็จะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของบริษัทเช่นเดียวกัน โดยทาง Nike จะเริ่มปรับตัวให้เป็น “Local Business, On a Global Scale” กล่าวคือจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงในแต่ละประเทศซึ่งจะโฟกัสที่เมืองหลักๆ อย่างเช่น New York / London / Shanghai / Beijing / Los Angeles / Tokyo / Paris / Berlin / Mexico City / Barcelona / Seoul และ Milan ที่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักและการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ จะเกิดขึ้น ณ ประเทศเหล่านี้เป็นหลัก (เสียดายที่ไม่มี Bangkok อยู่ในนั้น)
แต่ในข่าวร้าย ย่อมมีข่าวดีอยู่เสมอครับ เนื่องจากทางบริษัทนั้นมียอดขายที่เติบโตอย่างดุเดือดมากๆ ในประเทศจีนซึ่งเชื่อกันว่าภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ตลาด Nike จะโตขึ้นมากกว่า 10% เลยทีเดียว ซึ่งงาน YO’HOOD ที่พึ่งจัดไปก็ได้เห็นเทรนใหม่ๆ ของแบรนด์ที่กำลังพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวจีนแบบเฉพาะมากขึ้น นี่ยังไม่รวมถึง NikeLab ที่เปิดใน Shanghai กันเป็นดอกเห็ด
กลับมาสู่คำถามหลักของแบรนด์ MDs คิดว่าวิกฤตครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ และน่าจะโฟกัสไปที่จุดแข็งที่สุดมากขึ้นอย่างเช่น Jordan Brand / Sportwear / Running โดยพัฒนา Product ใหม่ๆ และปรับเอาไลน์อย่าง Golf / Hurley / Nike SB / Tennis ให้เล็กลง ซึ่งที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วครับว่า Nike ถือเป็นแบรนด์ที่ลงลึกมากจริงๆ หากจะ Invest กับศิลปินหรือดารา อย่างล่าสุดที่ได้ตัว Kendrick Lamar มาร่วมงานกับประโยคสุดเด็ดที่ว่า “Cotez Since Day 1” รวมไปถึงงาน Collaboration ต่างๆ ที่มีการวางแผนกันมาอย่างยาวนานและเลือกเล่นกับแบรนด์ที่มีความลึกมากกว่าแนว Fashion อย่าง Project The Ten ที่เป็นการร่วมงานระหว่าง Nike และ Virgil Abloh ที่ไม่ว่าใครก็รอคอย
ถึงเวลานี้ Nike อาจจะกำลังอยู่ในช่วงปรับสภาพและเตรียมโครงสร้างบริษัทใหม่ (แต่ยังคงยืนหยัดเป็นอันดับ 1 ในตลาดรองเท้า Sneakers อยู่ดี) แต่เชื่อแน่ว่าแผนการตลาดอันใหม่ครั้งนี้จะช่วยให้แบรนด์กลับมาเพิ่มยอดขายได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อ Nike กลับมาโฟกัสที่ตลาด Basketball อย่าง Jordan อีกรอบ ก็เตรียมเก็บเงินได้เลย เพราะข่าวลือว่า Nike Thailand จะนำเอา Air Jordan กลับมาวางขายอีกครั้งในไทย ชัวร์หรือมั่วนิ่ม รอดูปลายปีครับ (ข่าวลือยังไงก็เป็นข่าวลือนะ)