ตามบทความที่ได้เปิดตัวจาก Bloomberg คงใกล้ถึงเวลาที่ยุคทองของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nike ที่เคยครอบครองแชมป์การขายรองเท้ากีฬามาอย่างยาวนาน และไม่ว่าจะเปิดตัวรุ่นใหม่กี่รุ่น ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คำถามสำคัญอยู่ที่ว่า เมื่อไรกันที่ Nike จะมียอดขายตกลงจนมาเจอกับที่สองอย่าง adidas จะตกเร็วแบบเห็นทันตาในไม่กี่เดือน หรือว่าจะต้องใช้เวลาเป็นปี?
MDs’ ไม่ได้หมายความว่า Nike มียอดขายที่ย่ำแย่นะครับ แต่ความเป็นจริงคือยอดขายของ Nike ยังคงครองอันดับหนึ่งอยู่ แถมยังเติบโตขึ้นกว่า 22% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าที่ Wall Street คาดการณ์เอาไว้ด้วย แต่ว่าอย่างที่เรารู้กันครับคือ ยอดขายดังกล่าวไม่เป็นไปอย่างที่ Nike คาดหวังและถือว่าพลาดเป้าไประดับหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้หุ้นของ Nike ตกลงกว่า 4% เลยทีเดียว
ในทางกลับกัน บริษัทที่ครองตลาดอันดับ 2 อย่าง adidas กลับมีส่วนแบ่งตลาดรองเท้ากีฬาที่มากขึ้นถึง 43% จากปีที่แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่ารายได้ทั้งหมดของ adidas จะทำได้เพียงครึ่งหนึ่งของ Nike แต่ด้วยการวางแผนการตลาดที่ดีในปีนี้ และการเปิดตัวรองเท้าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตลาดอย่าง Yeezy และ NMD รวมไปถึง Tubular ใครจะรู้ครับว่าอนาคต ส่วนแบ่งการตลาดของ Nike อาจตกลงจนเป็นที่ 2 เลยก็ได้นะ
อันดับสุดท้ายที่กำลังวิ่งมาอย่างเงียบๆ คือ UnderArmour ที่ทาง Nike เองเป็นคนปฏิเสธนักกีฬาบาสอย่างคุณ Steve Curry จอมยิง 3 แต้มคนดัง จนต้องไปซบอก UnderArmour ซึ่งทำให้บริษัทสามารถขายรองเท้าได้ดีมากขึ้นและเติบโตกว่า 70% จากปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ ทำให้ MDs’ รู้สึกได้เบาๆ ว่าอนาคตตลาดรองเท้ากีฬาอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็เป็นได้ สงครามครั้งนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่ที่น่าจะเปรียบเทียบได้ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นการเปิดตัว HTM ของทาง Nike ว่าจะสร้างกระแสได้ดีพอๆ กับ Yeezy หรือไม่ ติดตามกันต่อไปครับ