ในประเทศไทยเราไม่ค่อยเห็นผู้ชายใส่สูทเดินไปมาตามถนนหนทาง ถ้าจะพบเจอกับผู้ชายใส่สูทก็คงต้องเป็นงานแต่งงานของใครสักคน หรือเจรจาธุรกิจที่ต้องการความเป็นทางการสูงขึ้นมาสักหน่อยเป็นต้น นอกเหนือไปจากสถานการณ์เหล่านี้แล้วเราก็แทบไม่เจอผู้ชายไทยใส่สูทอีกเลย ทำให้สูทกับคนไทยดูจะอยู่ห่างไกลกันมาก
อย่างไรก็ตาม MenDetails ก็พอจะเริ่มรู้สึกได้ว่ากระแสในการใส่สูทของผู้ชายไทยเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการใส่สูทกันมากขึ้น และรู้จักหาข้อมูลเพื่อให้สามารถเลือกซื้อสูทหรือตัดเย็บสูทให้ฟิตพอดีกับรูปร่างของตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ดังนั้นเราจึงยังเห็นสูทส่วนใหญ่เป็นสีพื้นแบบธรรมดาๆ แต่สำหรับในต่างประเทศ การใส่สูทที่มีลวดลายกลายเป็นลูกเล่นที่สร้างความน่าสนใจให้กับสูทและผู้ที่สวมใส่ได้มากขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว
แน่นอนการใส่สูทแบบมีลายต้องการการเอาใจใส่ในเรื่องของสไตล์และความเข้ากันกับเครื่องแต่งกายอื่นๆในตัวมากกว่าการใส่สูททที่ play safe ด้วยสีพื้นธรรมดาๆ ดังนั้นวันนี้ MenDetails จะมาบอกถึงกฎกติกาง่ายๆสองข้อที่จะช่วยให้คุณ match ชุดสูทมีลายให้เข้ากับเสื้อเชิ้ตที่ใส่ได้อย่างกลมกลืนและดูดี
สูทกับเสื้อเชิ้ตที่มีลายแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกันนั้น ลวดลายควรมีขนาดที่ต่างกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใส่สูทที่เป็นลายตาราง และใส่เสื้อเชิ้ตที่เป็นลายตารางเช่นกัน เมื่อนั้นลายตารางของสูทกับเสื้อเชิ้ตควรมีขนาดที่ต่างกัน ซึ่ง MenDetails แนะนำว่าลายตารางบนเสื้อสูทควรมีขนาดที่ใหญ่กว่าลายตารางบนเสื้อเชิ้ตครับ
ลวดลายคล้ายๆกัน ควรจะให้มีขนาดที่ต่างกัน
แต่ถ้าสูทกับเสื้อเชิ้ตมีลายที่ต่างกัน ลวดลายควรมีขนาดที่พอดีๆกัน
สลับกันกับข้อแรก ถ้าสูทกับเสื้อเชิ้ตเป็นคนละลายกัน ขนาดของลายก็ควรมีขนาดใกล้เคียงกันครับ เช่น ถ้าเสื้อเชิ้ตเป็นลายตาราง และเสื้อสูทเป็นลายแบบก้างปลา Herringbone ก็ควรให้ขนาดของตารางบนเสื้อเชิ้ตมีขนาดพอๆกันกับซี่ฟันปลาแต่ละซี่บนเสื้อสูทนั่นเองครับ
ลวดลายที่ต่างกันชัดเจน ควรจับคู่ให้มีขนาดใกล้ๆกัน
เท่านี้เองครับ เป็นกฎสองข้อในการจับคู่ใส่สูทและเสื้อเชิ้ตที่มีลวดลายที่เข้าใจง่ายมากๆ และจะทำให้คุณใส่สูทได้ดูโดดเด่นมีสไตล์กว่าคนอื่นๆในงานแน่นอนครับ