จาก Part แรก MDs’ Style | พาเยือนเมือง “Kojima” เมืองแห่งยีนส์ (Part 1) เราเริ่มเดินกันจากด้านทิศใต้ ส่วนใน Part ที่ 2 นี้เราจะย้ายไปเดินทางทิศเหนือของ Jeans Street กันนะครับ แต่ก่อนจะเริ่มเดินกัน ขอเล่าประวัติเล็กๆ น้อยๆ ของที่มาในการผลิตยีนส์ของเมืองนี้เสียก่อน
สมัยก่อนเมืองนี้เคยมีชื่อเสียงในการผลิต สายรัดเอว และกางเกงซามูไร ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตเส้นด้ายที่ต้านทานความเค็มของเกลือจากทะเลเซโตะ (ที่เชื่อว่าเค็มจนสามารถทำลายเส้นใยของผ้าได้) แต่หลังจากที่ชาวตะวันตกเริ่มเข้ามา เมืองนี้ก็เปลี่ยนไปผลิตเสื้อผ้านักเรียนมากขึ้นจนไม่มีใครสนใจที่จะผลิตของเก่าตกยุคอย่างกา
งเกงซามูไรที่มีลักษณะการถักทอเส้นใยที่ปราณีตอีกต่อไป แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด ทุกคนก็ไม่รู้จะหันหน้าไปผลิตอะไร แต่สิ่งที่ชาวตะวันตก (ที่มาระเบิดญี่ปุ่น) ทิ้งไว้ให้คือ “กางเกงยีนส์” จนทุกคนเริ่มหันกลับมาศึกษาและสั่งซื้อเครื่องทอผ้ายีนส์เข้ามาในเมืองและเริ่มผลิตยีนส์ยี่ห้อแรกคือ “Big John” ในปี 1965
ว่าแล้วเราก็เดินกันต่อครับ สุดทางเดินสายริมแดง ก็เลี้ยวขวาได้เลย เดินมาเรื่อยๆ จะเจอร้านชื่อ Rivets จะเป็นร้านขายกาแฟเล็กๆ ที่มีส่วนหนึ่งของร้านเป็น Selected Shop คือเลือกของเด็ดๆจากในเมืองบางอย่างมาตั้งโชว์ครับ เช่น กระเป๋าผ้า กระเป๋าใส่ของต่างๆ รวมถึงเครื่องหนัง เป็นต้น ต่อจากนั้นเราก็เดินกันต่อครับ เลยมาไม่เกิน 5 เมตร ก็จะมีร้านสไตล์คล้ายกันตั้งอยู่ชื่อ Blue Wall ขายของแบรนด์ Setto ทั้งหมด หลายคนคงไม่รู้จักว่า Setto คือแบรนด์อะไร Setto คือแบรนด์ลูกของ Japan Blue ครับ ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ และมี Concept หลักคือความเรียบง่ายดูวัยรุ่นมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ของ Japan Blue ครับ
ออกจากร้าน Blue Wall เราก็เดินกันต่อครับ แล้วก็มีสะดุดหยุดกับร้านๆหนึ่งที่เราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนหน้าที่จะมาเดินถนนเส้นนี้ ร้านนั้นก็คือร้าน Edge of The Line ครับ แม้จะเพิ่งรู้จักร้านนี้เป็นครั้งแรก แต่ต้องบอกเลยว่าเข้ามาร้านนี้แล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน บรรยากาศโดยรวมของร้านถือได้ว่าตกแต่งร้านแบบเรียบง่าย และมีสไตล์น่าสนใจสำหรับมนุษย์ Minimal แบบ MenDetails’ Editor เป็นอย่างยิ่ง ภายในจะขายของทุกแบบตั้งแต่เสื้อ กางเกง เครื่องหนัง จนถึงกระเป๋าผ้าที่เลือกใช้ผ้าสุดพิเศษที่เคยโด่งดังของเมือง Kojima ที่เรียกว่า “Hampu Canvas” ใครสนใจก็หยุดเลยครับ เข้าไปดู… แล้วก็จ่ายเงิน… กระเป๋าเบา… สบายใจ…
อีกร้านที่ไม่หยุดดูไม่ได้คือร้าน Saio ครับ ร้านนี้ถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในถนนสายนี้เลย เพราะดำเนินกิจการมากว่า 60 ปีเข้าให้แล้ว ภายในร้านจะขายสินค้าเกือบทุกแบรนด์เหมือนเป็น Selected Shop เช่นเดียวกัน แต่ร้านนี้ก็มี Line เสื้อผ้าเป็นของตัวเองด้วยนะครับ ใครสนใจอยากหยุดก็จัดไปอย่าให้เสียเพราะอย่างน้อยเราก็ได้ชื่อว่ามาหยุดในร้านที่เก่าแก่ที่สุดในถนน Jeans Street แห่งนี้
เดินต่อครับ เดินต่อ แล้วเราก็มาสะดุดกับอีกร้าน (สะดุดหลายร้านมาก) คือร้าน Bluxe ซึ่งเปิดมาเพื่อขายแบรนด์ Soulive อันเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ลูกของ Japan Blue (ไอ้หมอนี้ลูกดกจริงๆ) โดยหลักๆ แบรนด์นี้จะเน้นความร่วมสมัยระหว่างความ Classic และทรงที่เล็กในราคาที่น่ารัก (หรือเปล่า?) ซึ่งผ้ายีนส์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 13.5 ออนซ์ ถือว่าไม่หนาและไม่บางจนเกินไป ร้านนี้ถือว่าน่าสนใจและมี Line สินค้าให้เลือกเยอะทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า กระเป๋าสตางค์ที่เป็นหนังย้อมสี Natural Indigo (Editor ยังอยากได้เลย)
ออกจากร้าน Bluxe ก็จะมีร้านอื่นๆ อีกมากมายเช่น High Pack / Shifto ซึ่งเป็นร้านขายยีนส์ที่มีชื่อเช่นเดียวกัน หลังจากผ่านมาเรื่อยๆ ก็จะเจอที่ๆ หนึ่งครับที่เราสนใจมากนั่นคือ โรงย้อมของ Rampuya ที่นี่คุณสามารถติดต่อเพื่อจองคิวลองย้อมเส้นด้าย Cotton เองกับมือได้ โดยโรงย้อมแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Japan Blue อีกเช่นกัน โดยส่วนหลักของการผลิตจะถูกนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าทั้งกิโมโนหรือยูกาตะในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ก็มีการผลิตบางส่วนให้กับลูกค้าที่ต้องการผ้าย้อมสี Indigo เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ตอนเราไปนั้นตรงกับวันหยุดของโรงย้อมแห่งนี้พอดี เลยไม่ได้มีโอกาสบุกเข้าไปชมกระบวนการย้อมของเขาครับ
หลังจากเดินมาได้ซักพัก ก็จะเจอร้านที่โด่งดังที่สุดร้านหนึ่งนั่นคือร้าน Momotaro Jeans นั่นเอง Momotaro Jeans เป็นสินค้า Hi-end ของบริษัท Japan Blue ครับ โดยเลือกเฉพาะเส้นใย Zimbabwe Cotton มาผลิตซึ่งในวงการยีนส์ด้วยกันเองจะรู้ดีครับว่า Zimbabwe Cotton เป็นเส้นใยสายยาวทำให้สวมใส่สบาย มีราคาแพง อีกทั้งยังย้อมด้วยสี Indigo จนซึมลึกเข้าดูเส้นใย ทำให้อาการเฝดของยีนส์จะมายากกว่าปกติ แต่ถ้ามาเมื่อไหร่รับรองได้ว่ามันเฝดได้นุ่มลึกแน่นอน
ภายในร้านจะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ ส่วนแรกคือส่วนขาย คือมีของขายอย่างเดียว กับอีกส่วนหนึ่งคือส่วนโชว์ เรียกได้ว่าเป็น Gallery เล็กๆ เลยก็ว่าได้ หากใครอยากเห็นร้านภายในผมแนะนำให้ดู VDO ของคุณฟูจิ “ดูให้รู้” ครับ เพราะถ่ายทำในร้าน Momotaro เกือบทั้งหมด ครบแบบจุใจเลยทีเดียว แต่น่าแปลกใจนะครับที่เราเข้าไปในร้านกลับไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่เป็นสินค้าระดับ Hi-End Made in Japan ลูกค้าญี่ปุ่นน่าจะเลือกซื้อกันไม่ใช่หรอ เราเลยถามพนักงานร้านครับ ปรากฎว่าลูกค้าส่วนใหญ่มักนิยมซื้อแบรนด์ Japan Blue มากกว่า ส่วน Momotaro นั้นมักจะเป็นสินค้าส่งออกเสียเยอะ แถมเขายังกล้าท้าให้ผมเดินไปดูร้าน Japan Blue ที่อยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไรว่า “ถ้าลูกค้าร้านโน้นคนน้อยกว่าร้านผม มาเอาของที่ระลึกไปฟรีได้เลย” แล้วจะรอช้าอะไรหล่ะครับ ไปต่อกันที่ Japan Blue เลยดีกว่า
Japan Blue ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัด Okayama ครับ และได้ทำสินค้าหลากหลายแบรนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยแบรนด์อย่าง Japan Blue ก็เป็นสินค้ารองจาก Momotaro Jeans ซึ่งตัวสินค้าจะชอบใส่ส่วนผสมแปลกใหม่ เช่น ใช้ผ้าค็อตต้อน 2 ชนิดในการผลิต การลองเล่นแถบริมของผ้าให้มีหลากหลายสีมากกว่าสีเดียวเป็นต้น ซึ่งได้รับความนิยมมากทั้งคนญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาติ เพราะด้วยความเรียบของกางเกง ทรงที่หลากหลายและทันสมัยกว่า Momotaro Jeans และเฝดที่สวยงาม
ตอนเราไป ทางร้านกำลังปรับปรุงร้านบางส่วนครับ แต่ที่แน่ๆ คือลูกค้าเยอะกว่า Momotaro Jeans ทำให้เราพลาดของฝากไปซะอย่างงั้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นครับ เดินเข้ามาเพื่อหากางเกง แถมที่นี่ยังขายรองเท้า เสื้อยืด แจ็กเก็ต กางเกงชีโน่ รวมถึงมีบริการตัดขากางเกงให้ด้วยนะครับ (ที่เห็นเป็นโต๊ะตั้งอยู่นั่นแหละคือโต๊ะที่รับตัดขากางเกงครับ)
ทริปนี้เรียกได้ว่า “อิ่ม” ครับ ได้เห็นบรรยากาศของเมืองที่รักยีนส์ ผู้คนที่เดินทางมาเพื่อคุยภาษาเดียวกัน MenDetails’ Editor ตาลุกวาวทุกครั้งที่เห็นกางเกงยีนส์เฝดสวยๆ แขวนโชว์อยู่ในร้านต่างๆ ซึ่งทางเราก็หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะอิ่มอกอิ่มใจไปกับบรรยากาศของ “เมืองแห่งยีนส์” ไปกับเรานะครับ แถม Editor ยังได้กางเกงกลับบ้านมาตัวนึง ลองเดากันเล่นๆนะครับว่าเป็นแบรนด์อะไร แล้วรออีกสักนิดทาง MenDetails จะทำ Review กางเกงยีนส์ตัวที่ว่าให้ชมกันเร็วๆนี้แน่นอน ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาทั้ง 2 Part นะครับ สวัสดีครับ!
Credit : Kojima-town.jp