ลองจินตนาการดูครับว่า คุณกำลังเดินขึ้นเขาเพื่อขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า คุณเตรียมสัมภาระต่างๆ ทั้งอุปกรณ์เดินเข้า รวมถึงกาแฟหรือชาร้อนๆ เพื่อไปนั่งจิบและชมวิวที่จุดยอดสุดของเดินทางนั้นๆ แต่ทางเดินดังกล่าวต้องใช้เวลายาวนานถึง 4 ชั่วโมง ซึ่งพอคุณมองย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นของการเดินทาง คุณอาจจะต้องเตรียมเตาแก๊สและกาต้มน้ำร้อนไปด้วย หรือไม่ก็ต้องเป็นช่องเก็บความร้อนที่ยอดเยี่ยม ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของกระเป๋า แค่คิดก็ยุ่งยากแล้วใช่มั้ยครับ แต่ Hydro Flask เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานั้นโดยเฉพาะ
แบรนด์ Hydro Flask คือแบรนด์กระติกน้ำครับ ใช่ฮะ มันคือกระติกน้ำที่มีไว้กักเก็บความร้อน / ความเย็น ซึ่งเริ่มต้นแบรนด์ในปี 2009 โดย Travis Rosbach และ Cindy Morse แต่ในปี 2012 นั้นแบรนด์ Hydro Flask ได้เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ และได้ CEO นามว่า Scott Allan เข้ามารับหน้าที่แทน ซึ่งจุดเริ่มต้นทั้งหมดนั้นเริ่มต้นมาจากว่า “พวกเราต้องการเครื่องดื่มที่ร้อนหลังจากสนุกกับการเล่นน้ำทะเลแล้ว” แน่นอนว่ามันเป็นไอเดียเล็กๆ แต่พวกเขาก้าวไปไกลกว่าที่คิดเยอะเลยครับ
‘Hydro Flask’ มั่นใจว่า กระติกของพวกเข้าสามารถกักเก็บความเย็นได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมง และความร้อนได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง
ปัจจัยหลักที่ทำให้ Hydro Flask เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คนเลยก็คือ “ความสามารถในการกักเก็บความเย็นที่ยอดเยี่ยม” แบบถึงพริกถึงขิงสุดๆ เพราะตัวกระติกนั้นสามารถกักเก็บความเย็นได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมง (เยอะมากทีเดียว) รวมไปการกักเก็บความร้อนได้นานสุดที่ 12 ชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ครับสำหรับกระติกน้ำพกพา เนื่องกระติกน้ำร้อนโดยปกติแล้วนั้นจะสามารถกักความร้อนได้สูงสุดราวๆ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนน้ำเย็นจะเก็บได้ราวๆ 12 ชั่วโมง
แต่สิ่งที่ทำให้ตัวกระติกน้ำอันนี้มีความต่างกว่าตัวอื่นจริงๆ นอกเหนือจากระยะเวลาในการกักเก็บน้ำร้อน / เย็นแล้วก็คือ “กระบวนการผลิตที่ปราศจากสารเคมีแบบ 100%” สิ่งนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะกระบวนการในการผลิต Vacuum Flask นั้น มักจะมีการปนเปื้อนของสารเคมีในในกระบวนการอยู่แล้ว ซึ่งการที่ ‘Hydro Flask’ เลือกผลิตแบบปราศจากสารเคมีนั้น “เกือบทำให้บริษัทล้มละลาย” เลยทีเดียว
ในช่วงปี 2013 ทางบริษัทเลือกปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตครั้งใหญ่ โดย Hydro Flask ต้องการให้กระบวนการผลิตทั้งหมดของกระติกน้ำของตนเองนั้นเปลี่ยนจากการผลิตแบบพึ่งพิงสารเคมี ให้กลายเป็นแบบปราศจากสารเคมีโดยสมบูรณ์แบบ และนั้นส่งผลให้ทางบริษัทต้องลงทุนในการวิจัยสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แถมขาดทุนจากการขายสินค้าได้น้อย (เนื่องจากการผลิตกว่า 90% อยู่ในกระบวนการผลิตแบบปราศจากสารเคมี) ทำให้บริษัทเข้าสู่ภาวะขาดทุนครั้งใหญ่ แต่ในปี 2014 ทุกอย่างก็กลับเข้าที่เข้าทาง เนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบปราศจากสารเคมีเป็นไปได้ด้วยดี และผลตอบรับก็ดีเกินคาด
สำหรับ Hydro Flask ทุกชิ้นผลิตจาก Stainless Steel แบบ Pro-Grade ซึ่งแข็งแรงและบริสุทธิ์มาก ไม่ทิ้งกลิ่นและรสชาติแปลก ๆ ทีหลงเหลือไว้ และยังปราศจาก BPA ซึ่งเป็นสารที่ใช้ผลิตพลาสติกที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้
นี่คือบริษัทที่หลิตสินค้ารักษ์โลกที่ตอบโจทย์ Lifestyle ของมนุษย์ได้มากที่สุดอีกแบรนด์หนึ่งครับ เพราะช่วงหลังมานี้ เกิดการรณรงค์ต่างๆ มากมายตั้งแต่การลดการใช้ถุงพลาสติก รวมไปถึงการพกแก้วมาเองหากสั่งเครื่องดื่มต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น การมีกระติกน้ำพกไปไหนมาไหนตลอดเวลา ยังช่วยลดการเกิดขยะในสังคมได้อีกด้วย (ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมครับ)
MenDetails อยากเชิญชวนให้ทุกท่านเปลี่ยนมาพก Hydro Flask กันครับ เพราะนี่ถือเป็นก้าวแรก ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่อย่างน้อยคุณก็มีส่วนช่วยรักษาโลกนี้ด้วยการไม่สร้างขยะเพิ่มแบบไม่จำเป็นนั่นเอง
มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามเรามาโดยตลอด เลือกเปลี่ยนมาพกกระติกน้ำอันนี้ไปทำงานหรือเดินทาง เพราะนี่คือก้าวแรกของการช่วยกันรักษาโลกใบนี้ด้วยการลดการใช้แก้วพลาสติก ลดการใช้หลอด และลดการใช้พลังงานแบบไม่จำเป็นนั่นเอง
สามารถหาซื้อเจ้า Hydro Flask ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน Seek Thailand ทุกสาขา / R.O.X. Mega Bangna ชั้น 2 / Kiosk Amarin Plaza ชั้น 2 / Columbia Stand Alone 3 สาขาได้แก่ Central World, Central Rama 9 และ Central Westgate นะครับทุกท่าน