ในยุคสมัยปัจจุบันที่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายต่างๆ ถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากในรูปแบบของอุตสาหกรรม ธุรกิจร้านสูทหลากหลายเจ้าทั้งในไทยและในต่างประเทศ ต่างก็อ้างตัวเป็น Bespoke Tailor (ช่างตัดเสื้อผ้าที่ลงรายละเอียดได้ลึกถึงขนาดที่ว่า “บอกอย่างไร ได้อย่างนั้น”) ทั้งๆที่เจ้าของร้านเหล่านั้นเองอาจไม่ได้มีความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้าใดๆได้เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่การส่งคำสั่งซื้อไปยัง “โรงงานเย็บสูท” ที่รับจ้างตัดสูทให้เราด้วยเครื่องจักรในราคาที่แข่งขันกันให้ต่ำที่สุดจนไม่หลงเหลือเสน่ห์ของรายละเอียดใดๆ ให้น่าสนใจอีกต่อไป ทั้งหมดข้างต้นคือความจริงของธุรกิจชุดสูทในปัจจุบัน ต่อเมื่อเราหยุดพินิจพิจารณาและมองให้เห็นถึงคุณค่าในศาสตร์และศิลป์แขนงนี้เท่านั้น เราจึงจะเริ่มเข้าใจว่า “สูทที่ดี กับสูทที่ด้อยกว่านั้น ต่างกันอย่างไร?”
เมือง Florence ถือเป็นหนึ่งในดินแดนต้นกำเนิดของศิลปะและวัฒนธรรมชั้นสูงของอิตาลี เมืองที่กาลเวลาราวกับจะหยุดหมุนอยู่ที่ยุค Renaissance เพื่อคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณอันสง่างามของความเป็น Florence ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม, วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจมากมาย
‘Sartoria Vestrucci’ (ซาโทเรีย เวสทรุชชี่) คือร้านตัดสูทที่ก่อเกิดจาก “ความหวงแหน” ในสไตล์ของชุดสูทที่สง่างามตามแบบฉบับของเมืองฟลอเรนส์ หรือที่เราเรียกว่า ‘Florentine Cut’ ของสุภาพบุรุษผู้มีนามว่า “Loris Vestrucci” (โลริส เวสทรุชชี่) เขาคนนี้คือผู้ก่อตั้ง Sartoria Vestrucci และเป็นช่างตัดสูทที่ฝึกฝนฝีมือของตัวเองมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ผ่านการเรียนรู้จากช่างตัดสูทระดับยอดฝีมือมากมายในอดีต จนถึงทุกวันนี้ ‘Maestro’ Loris Vestrucci มีอายุ 78 ปีแล้ว และด้วยประสบการณ์กว่า 6 ทศวรรษ กับความเชื่อมั่นตั้งใจที่จะดำรงไว้ซึ่งสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Florence ต่อไป นี่จึงทำให้ Sartoria Vestrucci ถือเป็นร้านตัดสูทระดับ “ตำนานที่ยังมีลมหายใจของ Florentine Cut” อย่างแท้จริง
-Maestro Loris Vestrucci กับประสบการณ์ตัดเย็บชุดสูทสไตล์ Florentine Cut ตั้งแต่อายุ 12 ปี-
ครั้งหนึ่ง Loris Vestrucci เคยมีความคิดอยากที่เกษียณตัวเองออกจากวงการ Tailoring ใน Florence ทว่าโชคดีที่มีผู้ชายอีกคนหนึ่งนามว่า Tomasso Melani (ตอมมาโซ่ เมลานี่) เจ้าของกิจการเครื่องหนัง และโรงเรียนสอนตัดเย็บหนัง ‘Scuola del Cuoio’ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1949 ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงได้เดินทางไป “ขอร้อง” ให้ Loris Vestrucci ช่วยสืบสานงานศิลปะด้านนี้ต่อไป “ทั่วทั้งเมืองฟลอเรนส์แห่งนี้ สูทที่จะเป็นความภาคภูมิใจของ Florentine Tailor เหลือเพียงแค่ Vestrucci และ Liverano เท่านั้นแล้วจริงๆ” Tommaso จึงยื่นข้อเสนอที่จะช่วยบริหารกิจการให้เติบโต เพื่อให้ Loris Vestrucci ส่งผ่านตำนานของสูท Florentine Cut ให้กับชนรุ่นหลังอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ข้อเสนอดังกล่าวโดนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าจาก Loris Vestrucci แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานกันที่ Sartoria Vestrucci โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ “คงไว้ซึ่งความสง่างามของสูท Florentine แห่งเมือง Florence ในแบบฉบับดั้งเดิม”
“ความสง่างาม” คือนิยามชุดสูทของ Sartoria Vestrucci ‘Florentine Cut’
ในขณะที่เสื้อสูทจากเมืองนาโปลี (Napoli) หรือที่เราเรียกว่า ‘Neapolitan Style’ จะมีความลำลอง และใส่ความสนุกสนานลงไปบนเส้นสายและส่วนเว้าส่วนโค้งต่างๆ อีกทั้งยังสนุกที่จะเล่นกับความ “ไม่สมบูรณ์แบบ” เช่น รอยเย็บย่นบนปกสูท, รวมถึงไหล่กลมมนแบบไร้ฟองน้ำ เป็นต้น แต่ทว่ารูปแบบของเสื้อสูทแห่ง Florence แท้ๆ หรือ Florentine Cut จาก Sartoria Vestrucci นั้น จะเน้นความเรียบหรูและ “ความสง่างาม” เป็นหลัก ช่วงไหล่ของ Florentine Cut จะลาดลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่มีเส้นสายที่ชัดเจน เพื่อเสริมบุคลิกให้ผู้ชายดูสมาร์ทมากขึ้น ปลายไหล่แบบ Spalla Camicia หรือ Con Rollino จะมีเพียงเล็กน้อยเพื่อให้พอสังเกตเห็น (Subtle) เท่านั้น ปกสูทมีความกว้างตามสัดส่วนของไหล่แบบพอเหมาะ อีกทั้งความโค้งของปก หรือ Lapel Roll จะต้องสวยงามไม่ว่าจะกลัดกระดุมสูทหรือไม่ก็ตาม ส่วนชายสูทจะเป็นแบบปิด (Close Quarter) เพื่อความสุภาพเรียบร้อยมากขึ้น
House Style หรือรูปแบบสูทที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของห้องสูท Sartoria Vestrucci นั้น มีรายละเอียดคร่าวๆ ได้แก่ การตัดช่วงรักแร้ให้สูง (High Armhole) รวมถึงช่วง Vents ด้านหลังสูทที่ตัดสูงขึ้นกว่าปกติ ในขณะที่ตรงช่วงไหล่จะเสริมฟองน้ำที่บางมากๆ (Very Minimal Padding) เพื่อช่วยให้ผู้ชายที่ใส่สูทดูภูมิฐานขึ้นกว่าสูทแบบ Neapolitan แต่ไม่เคร่งเครียดหรือ “เบ่ง” เหมือน British Style และชายสูทที่ปิดเล็กน้อย (Close Quarter) โดยมีพื้นที่เหลือช่วงอกและช่วงหลังเพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถขยับร่างกายได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องรัดแน่นจนอึดอัดแต่อย่างใด
“สไตล์แบบ Florentine นั้นคือจุดกึ่งกลางที่ลงตัวที่สุดระหว่างความสนุกสนานและความเป็นทางการ” Tomasso Melani กล่าวก่อนจะเสริมต่อว่า “ในขณะที่สูทจากทางนาโปลี หรือ Neapolitan Style นั้น มักนิยมตัวเสื้อสูทและไหล่สูทแบบไร้โครงสร้าง (Unstructure) พร้อมไหล่กลมๆ ย้อยๆ แบบ Spalla Camicia ที่ดูลำลองและสนุกสนาน แต่ไม่ภูมิฐานและสง่างาม แต่ที่ Florence นั้น สูทแบบ Florentine Cut จะเอาใจใส่กับความสง่างามเป็นสำคัญ งานตัดเย็บของเราจึงต้องเป็นงาน Handmade ที่เนี้ยบที่สุดในทุกจุด ช่วงไหล่ที่จะลาดลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ถึงกับ “เททิ้ง” ทั้งหมดนี้ทำให้สูทของเราดูสง่างามมากกว่า” [The Epoch Times]
สูทแบบ Made To Measure คือทางสายกลางที่ลงตัวของ Sartoria Vestrucci
MenDetails เองได้เคยพูดถึงรูปแบบของชุดสูททั้งหมด 3 แบบใหญ่ๆ ที่ผู้ชายจะสามารถเลือกซื้อและเลือกตัดได้ อันได้แก่ แบบสำเร็จรูป (Ready To Wear / RTW) แบบวัดตัวตัด (Made To Measure / MTM) และแบบระบุรายละเอียดทุกจุด (Bespoke) โดยที่แต่ละแบบย่อมมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป
สูทของ Sartoria Vestrucci เองก็มีตัวเลือกทั้ง 3 ตัวเลือกเช่นกัน แต่ MenDetails เชื่อว่า หากเป็นไปได้ เราขอให้แนะนำให้ตัดสูทกับ Sartoria Vestrucci ในแบบ ‘Made To Measure’ ซึ่งถือเป็นทางสายกลางทั้งในเรื่องของความพอดีตัว และราคาที่ยังไม่สูงเสียดฟ้าเกินไป กับคุณภาพระดับ “ปรมาจารย์” จาก ‘Maestro’ Loris Vestrucci ในเมืองฟลอเรนส์ ที่ประเทศอิตาลี่โดยตรง
รูปแบบการตัดสูท Made To Measure (MTM) ของ Sartoria Vestrucci นั้น ชุดสูททุกชุดจะตัดเย็บขึ้นใหม่ทั้งหมดตามขนาดและสัดส่วนของร่างกายแต่ละคน โดยลูกค้าสามารถเลือกรายละเอียดอื่นๆ เช่น เนื้อผ้าสูท รวมถึงเลือกสไตล์ของสูทว่าต้องการเป็นรูปแบบ Single Breasted หรือ Double Breasted ได้ ข้อดีก็คือเราจะได้ทดลอง “สวมใส่” เสื้อสูทที่มีขนาดใกล้เคียงกับตัวเรามากที่สุดก่อน จากนั้นทาง Sartoria จะมีการตัดสูทตามขนาดตัวของเราและผ้าที่เราเลือกจริงๆในภายหลัง นี่จึงทำให้เรา “มองเห็นภาพรางๆ” ของชุดสูทที่จะสำเร็จออกมาได้ดีกว่าสูทแบบ Bespoke อีกทั้งยังประหยัดเวลา และประหยัดเงินได้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
ค่าใช้จ่ายในการตัดสูทแบบ Made To Measure ของ Sartoria Vestrucci นั้น เริ่มต้นอยู่ที่ราคา 3,000 ยูโร ต่อ 1 ชุด หรือประมาณ 110,000 บาท โดยจะมีแจ็กเก็ตและกางเกงอย่างละ 1 ตัว ซึ่งที่ราคาดังกล่าวถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับชุดสูทจากร้านตัดเย็บที่มีศักดิ์และสิทธิ์ในระดับเดียวกัน นั่นเพราะสำหรับร้านอื่นนั้น ราคาของสูท Made To Measure อาจพุ่งไปไกลที่ 180,000 บาท ถึง 200,000 บาทได้เลยทีเดียว
ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวรวดเร็ว จนผู้คนหลงลืมรายละเอียดของสิ่งเล็กๆ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ร้านสูทที่ยังคงสืบสาน “มรดกทางวัฒนธรรม” ของตัวเองอย่าง Sartoria Vestrucci จึงถือเป็นเพชรเม็ดงามที่ซ่อนตัวอย่างเงียบๆ รอคอยให้ผู้ที่เห็นความสำคัญของการหมุนตามโลกให้ช้าลง ได้เข้าไปสัมผัสถึง “ศิลปะ” ที่อยู่ในเครื่องแต่งกายชั้นสูงที่เรียกว่า “ชุดสูท” จากร้านสูทเหล่านี้ ที่ถึงแม้จะมียังมีลมหายใจ แต่เวลาก็นับถอยหลังลงไปทุกปี นี่จึงอาจเป็นโอกาสท้ายๆ ที่เราจะได้ตัดสูทกับผู้ที่เป็น “ครู” ของศาสตร์และศิลป์แขนงนี้โดยตรง หากท่านใดมีโอกาสเยี่ยมเยือนเมือง Florence หรือหากมีผู้ใดในไทยสามารถนำ Sartoria Vestrucci มาเปิด Trunk Show เพื่อตัดสูทให้กับคนไทยโดยตรงได้ MenDetails ก็ขอแนะนำให้พวกเราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนะครับ
Credit : Shan Reynolds-Darwood / Sartoria Vestrucci