พูดถึงแบรนด์กางเกงยีนส์ของไทยแท้ๆ ที่ดังไกลระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ดังอย่าง Momotaro Jeans ให้ร่วมกันทำ Collaboration มาทั้งหมด 2 ครั้งแล้ว (และกำลังจะวางตลาดเป็นครั้งที่ 3 เร็วๆ นี้) รวมไปถึงงาน Collaborated กับ Carnival อันเป็นเอกลักษณ์ ลายกระเป๋าหลังที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ๆ คงหนีไม่พ้นแบรนด์ “Indigoskin” ซึ่งเป็นกางเกงยีนส์ที่เกิดจากความคลั่งไคล้และรู้จริงในเรื่องของยีนส์ บวกกับความใส่ใจในทุกๆรายละเอียด ด้วย motto สั้นๆแต่ได้ใจความอย่างคำว่า “Quality of Siam” นอกจากนั้น Indigoskin เป็นแบรนด์กางเกงยีนส์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมเจ้าแรกๆที่มีเจ้าของเป็นคนไทย โดยโลดแล่นอยู่ในวงการนี้มาเป็นเวลากว่า 7 ปีเข้าไปแล้ว
วันนี้ MenDetails ได้รับโอกาสพิเศษสุดๆให้มานั่งจับเข่าคุยกับ “พี่ก้อ ธัชวีร์ สนธิระติ” เจ้าของแบรนด์ Indigoskin ที่ทำให้กระแสกางเกงยีนส์ไทยเปลี่ยนไป เรื่องราวอันน่าสนใจของกางเกงยีนส์, ความคิดเห็นและคำแนะนำที่มีต่อผู้ที่ชื่นชอบกางเกงยีนส์ ทั้งหมดนี้เจ้าตัวไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน จะพิเศษและน่าสนใจขนาดไหน ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ พี่ก้อ กับ MenDetails กันได้เลยครับ
MDs’ : ถ้าสมมติแบรนด์ Indigoskin นั้นเกิดมีชีวิตขึ้นมา พี่ก้อคิดว่า Indigoskin จะเป็นคนที่มีบุคลิกแบบไหนครับ?
พี่ก้อ : ผมคิดว่าเขาคงเป็นคนชอบผจญภัยนะ เป็นคนที่ rebel นิดๆ ชอบดูหนังฟังเพลง แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบ เข้าไปเสพงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์เหมือนกัน โดยรวมๆ เค้าคงเป็นคนไม่ยึดติดกับกรอบที่สังคมตั้งกฎเกณฑ์ไว้ เพราะแบรนด์เองก็ชอบความสนุก อยากหยิบอันโน่นมาผสมอันนี้ ชอบที่จะทดลองและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ได้เห็นอะไรใหม่ๆ แถมทำให้แบรนด์ไม่น่าเบื่อเช่นกัน
MDs’ : อยากให้พี่ก้อบอกเหตุผลหน่อยครับว่า อะไรทำให้คนตัดสินใจซื้อ Indigoskin
พี่ก้อ : เรามองว่า Indigoskin เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่กระโดดมาเล่นตลาดพรีเมี่ยมและเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่เอาเอกลักษณ์และศิลปะความเป็นไทยมาผสมผสานลงไปในกางเกงยีนส์ระดับนี้ เราไม่ได้มองว่า Indigoskin จะมาแข่งกับคนอื่นนะ แต่เรามองว่ามันมาเป็นทางเลือกให้กับคนที่ต้องการอะไรใหม่ๆ ใส่แล้วมันชูเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแท้ๆ ใส่แล้วภูมิใจว่านี่แหละคือกางเกงยีนส์คนไทย คนไทยทำ และคุณภาพระดับโลก แถมด้วยกลิ่นไอความเป็นไทยอยู่ในกางเกงทุกตัว
MDs’ : กางเกงยีนส์ตัวแรกเลยที่พี่ก้อเก็บตังค์ซื้อคือตัวไหน?
พี่ก้อ : ตัวแรกเลยนะ ถ้าไม่นับตัวที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อให้สมัยเด็กนะ ตัวแรกที่เก็บตังค์ซื้อเองและราคาแบบสูงเลย คงเป็น Levi’s Engineered Jeans ตอนนั้นซื้อตอนที่ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งตอนนั้นกำลังฮิตมากเลย ที่เป็นโฆษณากางเกงบิดเอวโน่นนี่ แถมเป็นผ้าดิบด้วย ตอนนั้นชอบมากเลยซื้อตามเพื่อนที่เป็น Host Family ที่โน่น อีกแบรนด์ก็คือ G-Star เป็นแบรนด์ของเนเธอร์แลนด์ ช่วงนั้นฮิตมากเหมือนกัน เป็นแบรนด์ที่วัยรุ่นที่นั่นใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ถ้าตัวที่กลับมาเมืองไทยแล้วแพงเลยก็คงเป็นยีนส์ผ้าฟอกของ Diesel Jeans ตัวละ 7,000 กว่าบาท จำได้เลยว่าตัวนี้แหละที่เก็บตังค์เป็นปี หยอดกระปุกเก็บวันละ 20-30 บาท พวกนี้แหละที่ทำให้สนใจชอบใส่ยีนส์ แต่แบรนด์ที่ทำให้เราหันมาสนใจยีนส์จริงๆ น่าจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Ken Nakamura / Samurai Jeans / Denime / Momotaro Jeans มันทำให้เราหลงใหลในผ้ายีนส์ จนเริ่มสนใจแบบจริงๆ จังๆ ว่าทำไมมันถึงแพง และมีดีอะไร
MDs’ : แล้วถ้าพี่ก้อสามารถเลือกกางเกงยีนส์ตัวไหนก็ได้ในโลกเพียง 1 ตัว พี่ก้อจะเลือกตัวไหน
พี่ก้อ : คำถามนี้ตอบยากมากเพราะอยากได้หลายอย่างมาก (พี่ก้อนั่งคิดอยู่พักใหญ่) มีตัวทอมือย้อมครามธรรมชาติ ของ Momotaro ตัวละ 60,000 กว่าบาท ตัวนั้นก็อยากได้ ที่กำลังจะออกของ Take5 ที่คุณ Benny Seki กำลังจะทำรุ่นครบรอบ 15 ปีก็จะเป็นผ้าย้อมมือทอมือตัวนี้ก็แบบ 70,000 กว่าบาท ตัวนี้ก็อยากได้ (นั่งคิดต่ออีกพักหนึ่ง) คือมีกางเกงในโลกนี้ที่พี่อยากได้เยอะมาก LVC พี่อยากได้ทุกรุ่นเลยตั้งแต่ปีแรกยันปีสุดท้ายนี่อยากเก็บทุกตัวเลย แต่ถ้าให้เลือกตัวเดียวเนี่ยนะ (หยุดคิด) พี่อยากได้กางเกงยีนส์ Samurai รุ่น Special Edition Yamato Model ที่คุณ Toru Nogami ปลูกฝ้ายเอง เก็บฝ้ายเอง และย้อมด้วยสีธรรมชาติด้วยตัวเอง ทอด้วยมือ เป็นกางเกงที่เกิดจากคนที่มันบ้าจริงๆ คือต้องบ้ามากๆ นะ ตัวนึงราคา 999,999 เยน หรือ 300,000.- กว่าบาท ผลิตออกมาแค่ไม่กี่สิบตัว โอ้โห! อันนี้คือที่สุดแล้วจริงๆ ของคนที่บ้าคลั่งยีนส์ และความฝันของเราคืออยากจะมีไว้ครอบครองซักตัวนึง ถ้าได้มาจะใส่กรอบติดบ้านเลย
MDs’ : ตอนนี้มีแบรนด์คนไทยเกิดขึ้นมามากมาย พี่ก้อมองอนาคตวงการนี้ยังไงครับ
พี่ก้อ : จริงๆ ตลาดในไทยยังโตได้อีกเยอะนะ แบรนด์จากต่างประเทศยังสามารถเข้ามาตีตลาดในเมืองไทยได้อีกเยอะ และแบรนด์กางเกงยีนส์ของคนไทยก็มีเพิ่มเข้ามามากขึ้น แบรนด์ไทยเก่าๆ ก็เริ่มเติบโตมากขึ้น แต่แบรนด์ที่เกิดใหม่ก็มีเยอะมาก ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี บางแบรนด์เกิดมาจาก Passion การกลั่นกรองคิดอย่างถี่ถ้วน แบรนด์คุณภาพแบบนี้ก็มี แต่แบรนด์ที่ฉาบฉวยที่หยิบเอกลักษณ์คนอื่นมาดัดแปลงก็มีเหมือนกัน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์นะ คือแบรนด์ที่ไม่แน่จริงก็จะอยู่ไม่ได้ อย่างแบรนด์ที่ผมให้ความชื่นชมเลยก็เช่น Piger Works / Doku Jeans / Hold’em / Selvedgework เป็นต้น แบรนด์เหล่านี้คือแบรนด์ที่เจ๋งจริง เหล่านี้คือแบรนด์ไทยคุณภาพ
MDs’ : ถ้าให้พี่แนะนำ Accessories ของคนใส่ยีนส์ พี่ก้อคิดว่าควรเป็นอะไร
พี่ก้อ : 2 สิ่งหลักๆ เลยพี่มองว่า Sneakers สวยๆ คู่นึง และก็เสื้อยืดครับ แค่ 2 อย่างนี้แหละ เสื้อยืดกับรองเท้าผ้าใบเนี่ยแหละเข้ากับกางเกงยีนส์ที่สุดละ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวนะขอแค่ใส่แล้วคุณชอบ จะสีอะไร จะแบบไหนก็ได้ เรื่องของคุณเลย ความสนุกของการใส่ยีนส์คือใส่แบบไหนก็ได้ที่มันออกมาเป็นตัวเอง
MDs’ : อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังจะเล่นกางเกงยีนส์หน้าใหม่มั้ยครับ
พี่ก้อ : อย่างแรกเลยคือ ศึกษาให้ดีเกี่ยวกับกางเกงยีนส์ที่กำลังจะซื้อนะ ผ้าเป็นแบบไหน ทรงนี้เราชอบไหม ราคาควรเป็นยังไง ผมยังเจออยู่เลยคนที่ซื้อกางเกงยีนส์แบบต้องแช่ก่อนใส่ (Unsanforized) แต่ยังถามอยู่เลยว่าต้องแช่ไหม กางเกงตัวเป็นหมื่นแต่ไม่ศึกษามาก่อนก็เสียดายเงินนะ ต่อมาก็คงเป็นเรื่องการซื้อ ควรซื้อตามกำลังของตัวเอง มีแค่ไหนซื้อแค่นั้น อย่าซื้อที่มันเกินกำลัง อย่าซื้อแล้วลำบาก แบรนด์ยีนส์มีให้เลือกเยอะแยะมากมายในท้องตลาด เรามีทางเลือกในการซื้อ แต่การที่เราไม่มีเงินไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไปซื้อของปลอมนะ มันบั่นทอนกำลังใจคนสร้างแบรนด์เหมือนกัน
MDs’ : สุดท้ายครับ ถ้าให้พี่ก้อเลือกกางเกงยีนส์ 1 ตัวในร้านพี่เอง พี่ก้อจะเลือกตัวไหน เพราะอะไร?
พี่ก้อ : ตอบยากอีกแล้ว เพราะทุกตัวพี่รักหมดนะ แต่ถ้าให้เลือกเพียง 1 ตัวคงเลือก “เบญจลักษณ์” เพราะพี่คิดว่ามันผ่านการคิด และกลั่นกรองค่อนข้างเยอะ เราพยายามจะใส่ Detail ทุกอันที่เราประทับใจเกี่ยวกับกางเกงยีนส์ลงไป จุดแรกเลยคือผ้า เราใช้ผ้าของรุ่น S-series เป็นผ้าที่ทอเฉพาะจริงๆ จาก Okayama เป็นผ้าที่แพงที่สุดตั้งแต่ที่ Indigoskin เคยทำมา ส่วนที่ 2 คือ Detail ของกางเกงยีนส์ เราใช้ Detail ของกางเกง Levi’s ปี 1933 ซึ่งเป็นยุคที่ทุกอย่างมี ครบคือ Suspender / Belt Loop / มีหมุดหน้า และตอกหมุดกระเป๋าหลัง / มีหูเข็มขัด ทุกอย่างมันมีครบ ส่วนที่ 3 คือผ้าที่ใช้ทำแทนป้ายหนัง เป็นผ้าย้อมครามธรรมชาติ ผ้าลายตราไก่ที่ทอโดยศิลปินแห่งชาติ ตัวนี้เป็นผ้า Deadstock ที่ผมไปหาซื้อมา หาไม่ได้อีกแล้ว ส่วนที่ 4 คือทรงของกางเกงยีนส์ เป็นทรงที่พี่ชอบที่สุด และประทับใจที่สุดก็คือทรงของ Levi’s ปี 1947 ส่วนสุดท้าย คือ ผ้าในกระเป๋า เราใช้ผ้าลาย Jim’s Dream ของ Jim Thompson ซึ่งเป็นผ้าที่ประทับใจมาก เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากทำกางเกงยีนส์ที่มีผ้าตัวนี้อยู่ในนั้น อันนี้เราทำเป็น Limited Edition สมัยปี 2010 เราเลยอยากจะดึงกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความหลัง ทั้งหมดคือเอกลักษณ์ทั้ง 5 ตามชื่อ “เบญจลักษณ์” หรือลักษณะทั้ง 5 เพื่อฉลองครบรอบ 5 ปีของแบรนด์ Indigoskin“
บทสัมภาษณ์แบบเต็มอิ่มกับความในใจของเจ้าของ Indigoskin คนนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า การจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราจะต้องเอาใจใส่ และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ ยิ่งถ้าถึงขั้น “คลั่งไคล้” ในสิ่งที่ทำอยู่ได้ก็ยิ่งดี และความรักในกางเกงยีนส์แบบถึงแก่นของชายหนุ่มคนนี้นี่เองที่เป็นเบื้องหลังในการผลักดันให้กางเกงยีนส์ Indigoskin ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
ขอขอบคุณ
Indigoskin
Bangkok: Siam Square Soi 1, Pathumwan Bangkok Thailand 10330 / Mobile: +66 (0) 95-836-0001
Chiangmai: Kantary Terrace, Nimmand Soi 12 / Mobile: +66 (0) 80-153-0321
Website: http://www.indigoskinjeans.com/
Facebook: Indigoskinjeans
Credit Photo by : Artipon d. & Thunradee S.