ผู้ชายมีสไตล์อย่างชาว MenDetails ย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองมีกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ มิหนำซ้ำเรายังควรที่จะใช้น้ำหอมกลิ่นหอมๆ เผื่อว่าเมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดสาวๆก็สามารถจะ ทำให้เธอประทับใจกับกลิ่นจากน้ำหอมของเราได้ด้วย แต่ผู้ชายหลายคนก็คงจะเคยประสบปัญหากับเรื่องของน้ำหอมกลิ่นที่เราชื่นชอบ แต่พอใช้แล้วกลิ่นของมันกลับอยู่บนตัวเราได้ไม่ทนเอาซะเลย ฉีดน้ำหอมออกจากบ้านตอนเช้า พอใกล้ๆเที่ยงก็เริ่มไม่ได้กลิ่นน้ำหอมซะแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้จะมีวิธีอย่างไรที่ผู้ชายจะทำให้น้ำหอมที่ใช้นั้นมีกลิ่นหอมติดอยู่บนตัวเราได้นานๆ วันนี้ MenDetails มีเคล็ดลับมาฝากกันครับ จะมีอะไรบ้างลองไล่อ่านไปทีละข้อได้เลยครับ
ฉีดน้ำหอมทันทีหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
เมื่อเราอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ รูขุมขนของร่างกายจะขยายกว้างขึ้น โดยเฉพาะการอาบน้ำอุ่นๆจะยิ่งช่วยให้รูขุมขนขยายตัวได้ดีมาก และเมื่อเราฉีดน้ำหอมตามทันทีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะทำให้น้ำหอมซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น และน้ำหอมก็จะถูกเก็บกักอยู่ในผิวได้นานกว่าการฉีดลงบนผิวที่แห้งและรูขุมขนปิดสนิทแล้วนั่นเอง
ทำให้ผิวชุ่มชื้นก่อนที่จะฉีดน้ำหอม
โดยธรรมชาติของน้ำหอมนั้นจะมีกลิ่นติดอยู่บนผิวที่มีความชุ่มชื้นได้นานกว่าผิวแห้ง ดังนั้นหากคุณต้องการให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ติดทนนาน ก่อนที่จะฉีดน้ำหอมลงบนตัว ให้ใช้โลชั่นบำรุงผิวหรือน้ำมันทาผิวแบบที่ไม่มีกลิ่น ทาลงบนจุดที่ต้องการฉีดน้ำหอมเพื่อให้ผิวหนังตรงจุดนั้นชุ่มชื้นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นจึงค่อยฉีดน้ำหอมตามไป แค่นี้ก็จะช่วยทำให้น้ำหอมมีกลิ่นติดทนนานขึ้นได้แล้วครับ ข้อควรระวังตรงนี้ก็คืออย่าใช้โลชั่นหรือน้ำมันที่ผสมน้ำหอม เพราะจะทำให้น้ำหอมที่ฉีดตามไปนั้นมีกลิ่นที่เพี้ยนไปจากปกติครับ
ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีกลิ่นเดียวกันกับน้ำหอมควบคู่ไปด้วย
น้ำหอมหลายรุ่นหลายยี่ห้อมักจะมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหรือโลชั่นที่มีกลิ่นแบบเดียวกัน หรือเข้ากันได้ดีกับน้ำหอมออกมาจำหน่ายพร้อมกันเป็นชุดอยู่ด้วย ดังนั้นการที่คุณใช้ครีมอาบน้ำ หรือ after shave ที่เป็นกลิ่นเดียวกันกับน้ำหอม แล้วจากนั้นก็ฉีดน้ำหอมตามซ้ำลงไปด้วย ศัพท์เทคนิคเรียกการทำแบบนี้ว่า “Layering” คือการสร้างชั้นของกลิ่นให้ซับซ้อนขึ้นและก็จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมติดทนทานได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆอีกด้วย
ฉีดน้ำหอมที่จุดชีพจร
จุดชีพจรตามร่างกายคือจุดที่เส้นเลือดจะอยู่ใกล้ชิดติดกับผิวหนังมากที่สุด ทำให้ผิวหนังจรงจุดชีพจรต่างๆจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่าผิวหนังจุดอื่นเล็กน้อย และความอุ่นของผิวหนังตรงจุดชีพจรนี่เองที่ช่วยทำให้กลิ่นของน้ำหอมติดอยู่บนผิวหนังได้ยาวนานขึ้น ดังนั้นเราควรเลือกฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจรต่างๆอันได้แก่ ข้อมือ, ข้อพับตรงข้อศอก, ต้นคอ และหลังใบหู เป็นต้น ข้อควรระวังคือ เมื่อฉีดแล้วอย่าเอาน้ำหอมมาถูกันเป็นอันขาด พร้อมจะไปทำลายกลิ่นของน้ำหอมให้ผิดเพี้ยนได้ครับ
อย่าฉีดเยอะเกินไป!
บางคนเชื่อว่าการฉีดน้ำหอมเยอะๆ อัดเข้าไปมากๆ จะช่วยทำให้กลิ่นของน้ำหอมติดทนนานขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วไม่เกี่ยวกันเลยครับ เพราะการจางลงของกลิ่นน้ำหอมไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำหอมที่คุณฉีด ดังนั้นต่อให้คุณฉีดน้ำหอมเยอะแค่ไหน แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ทำตามเคล็ดลับข้างต้นเลยแม้แต่ข้อเดียว สุดท้ายกลิ่นน้ำหอมของคุณก็จะจางลงอย่างรวดเร็วอยู่ดี ดังนั้นอย่าฉีดเยอะ แค่ 3-4 สเปรย์ก็มากเกินพอแล้วครับ อย่าเกินไปกว่านั้นจะดีกว่าครับ
ท้ายที่สุด พกขวดเล็กสำรองไว้เติมระหว่างวัน
สำหรับใครก็ตามที่ลองทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่ช่วยอะไร อาจจะเป็นเพราะคาแรคเตอร์ของน้ำหอมเองที่กลิ่นเบาและจางเร็ว หรืออาจด้วยเพราะน้ำหอมรุ่นนั้นไม่เข้ากันกับผิวของคุณ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่ สุดท้ายวิธีแก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินที่น่าจะได้ผลดีที่สุดก็คือการพกน้ำหอมที่แบ่งเป็นหลอดเล็กๆเอาไว้ฉีดเพิ่มเติมในระหว่างวัน แค่นี้ก็ไม่มีคำว่ากลิ่นจางหายไปหมดอีกต่อไป แต่ข้อนี้ต้องระวังให้มากๆครับ นั่นเพราะ ส่วนใหญ่เรามักจะคิดไปเองว่ากลิ่นน้ำหอมของเรานั้นหายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงคนอื่นๆรอบข้างคุณก็ยังได้กลิ่นน้ำหอมของคุณอยู่ ดังนั้นจึงเสี่ยงมากที่คุณจะเผลอฉีดเพิ่มในปริมาณที่มากเกินไปจนคนรอบข้างเวียนหัว MenDetails จึงขอแนะนำว่าควรฉีดเพิ่มทุกๆ 6-8 ชั่วโมงเท่านั้น เช่น หากคุณฉีดน้ำหอมออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า ก็สามารถฉีดเพิ่มได้อีกครั้งช่วงประมาณบ่ายโมง และอีกสักรอบตอนประมาณสองทุ่มก่อนออกไปปาร์ตี้เป็นต้น และที่สำคัญไม่ควรฉีดน้ำหอมเพิ่มเกิน 2 สเปรย์ต่อรอบครับ
อย่าลืมจดจำเคล็ดลับเหล่านี้เอาไว้ใช้นะครับ เพื่อที่คุณจะได้เป็น ผู้ชายที่มีกลิ่นน้ำหอมติดตัวนานๆ สาวๆได้กลิ่นแล้วก็จะรู้สึกประทับใจ ดีกว่าปล่อยให้ตัวเหม็นจนใครๆก็ถอยห่างนะครับ