คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกนะครับว่า รองเท้ารุ่นหนึ่งที่เป็นที่ต้องการของสาย Sneaker ทั้งหลายคือ Nike Sock Dart ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะถูกปล่อยออกมาสู่ตลาดเป็นเวลากว่า 12 ปี ก็ยังคงสร้างกระแสได้ในทุกครั้งที่เปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นรองเท้าที่พัฒนามาจากนโยบายหลักของ Nike ที่ต้องการผลิตรองเท้าที่แนบชิดกับเท้าคล้ายถุงเท้านั่นเอง โดยเริ่ม Project นี้ตั้งแต่ปี 1970
การก่อกำเนิดทรงรองเท้าชนิดนี้ เกิดจากการรวมตัวของสุดยอดทีม Design ที่หยิบเอาสิ่งที่เจ๋งที่สุดของแต่ละช่วงปีแล้วนำมายัดรวมกันอันได้แก่ ระบบการตัดเย็บโดยไร้รอยต่อ ที่เพิ่มศักยภาพให้แก่นักกีฬาได้ดีที่พัฒนาโดยคุณ Bill Bowerman (ผู้ร่วมก่อตั้ง Nike และหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม) / คุณ Steve Prefontaine ที่ได้พัฒนาและออกแบบผ้าที่ใช้ห่อหุ้มเท้าได้เพียงหนึ่งชิ้น (โดยไม่ต้องมีเชือกผูก) ในปี 1973 / ผ้า Mesh ที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1979 / การหยิบเอา Sock Racer ในปี 1985 มาต่อยอด / วัสดุใหม่อย่าง Neoprene / หยิบเอาลักษณะการรัดข้อเท้ามาจาก Air-Huarache ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในปี 1991 รวมถึง Air Presto ในปี 2000 ที่ปฏิวัติรูปลักษณ์ของวงการรองเท้าโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ Sock Dart แทบทั้งสิ้น
ในช่วงที่รองเท้าอย่าง Air Presto ถูกออกแบบ และคลอดสู่สายตาประชาชน ยังคงมี Project ที่คุณ Tinker Hatfield กับลูกทีมของเขาคิดและออกแบบอีก 1 Project เช่นกันนั่นก็คือ “Sock Dart” โดยเป้าหมายคือการพัฒนารองเท้าที่สวมใส่ได้สบายที่สุด (นอกเหนือจาก Air Presto ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้าใส่หลังออกกำลังกาย) ที่มีระบบรองรับแรงกระแทกที่ดีที่สุดอย่างโครงสร้าง Circular Knit และการใช้ลักษณะเด่นอย่างถุงเท้าในต้นแบบของ Sock Racer โดยครั้งนี้คุณ Tinker ได้พยายามเปลี่ยนรูปแบบรองเท้ากีฬาให้กลายเป็นรองเท้า Fashion Lifestyle อย่างแท้จริง ซึ่งตอนแรกก็เป็นแค่ความคิดและการทดลองเท่านั้น จนสุดยอดนักออกแบบชาวญี่ปุ่นอย่างคุณ Hiroshi Fujiwara ได้ร่วมพูดคุยกับคุณ Tinker เกี่ยวกับเจ้า Presto ในปี 2000 และคุณ Tinker เองก็ไม่พลาดที่จะโชว์รองเท้า Sock Racer ให้กับคุณ Hiroshi ดู และทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
Hiroshi จึงได้กระโดดเข้ามาร่วมพัฒนาต่อยอดจนในที่ที่สุดก็ได้รูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยการตัดเอาระบบล๊อคด้วยเชือกออก เปลี่ยนเป็นการล๊อควิธีใหม่ให้ได้เป็น Slip-On อย่างแท้จริง / การพัฒนาระบบถักผ้าสำหรับเจ้า Sock Dart โดยเฉพาะทั้งรูปแบบ Pattern และวิธีการ เพื่อให้ได้ทรงที่เป็นเอกลักษณ์และเหมาะกับรูปเท้ามากที่สุด / มี Toecap เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและปกป้องปลายนิ้วเท้า รวมถึงทำให้ทรงรองเท้าสวยขึ้น / การออกแบบพื้นรองเท้าที่ที่แตกต่างโดยหยิบเอา Natural Motion มาใช้กับพื้นด้วย
จนในปี 2002 ทาง Nike ได้เปลี่ยนตัว Sock Dart ผ่าน Collection HTM Project (ซึ่งเริ่มต้นครั้งแรกในปีนี้เช่นกัน) ที่วางขายน้อย ผลิตน้อย และเหมือนเป็นการทดลอง เปรียบเสมือนรถ Concept Car นั่นเอง ซึ่งการเปิดตัว Sock Dart ในปีนั้น (แบบ Limited) ก็ได้สร้างกระแสอย่างมากให้วงการ Sneakerhead ทั้งหลาย
เมื่อเข้าสู่ปี 2004 ทาง Nike ได้ตัดสินใจวางขาย Sock Dart แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยจำหน่ายในร้านใหญ่ๆ เกือบทั่วโลก โดยไม่มีการโฆษณา ไม่มีการทำการตลาดใดๆ และมีเพียงสื่อไม่กี่เว็ปไซต์เท่านั้นที่รู้ข่าว แต่รองเท้าก็ยังขายดีจนฉุดไม่อยู่
กาลเวลาผ่านไปหลายปี แม้ Nike จะมีเทคโนโลยีอย่าง Flyknit เข้ามาเพิ่มเติมใน collection แต่ผ้า Knitted ของ Sock Dart ก็ยังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ว่าใส่แล้วนุ่มและสบายเท้ามาก แถมเป็นต้นแบบให้รองเท้ารุ่นพิเศษอย่าง Zoom Moire อีกด้วย จนในปี 2014 รองเท้า Sock Dart ก็ได้ถูกนำกลับมาวางขายแบบ Limited Edition ของ NikeLab ที่ร่วมมือกับคุณ Hiroshi’s Fragment Design ซึ่งดังกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่อีกเช่นเคย หลังจากนั้นก็ได้มีการผลิตไลน์รองเท้า Sock Dart ขึ้นแบบเต็มตัว มีสีให้เลือก และรวมถึง NIKEiD ที่สามารถเลือกสีได้เอง และทุกครั้งที่ Nike วางขาย Sock Dart ไม่ว่าที่ใดก็ตาม รองเท้าก็มักจะหมดอย่างรวดเร็วเสมอ
นี่คือบทสรุปของความเรียบง่าย และนวัตกรรมที่ต่อยอดจากสุดยอดเทคโนโลยีจาก Nike บนความท้าทายเพียงไม่กี่อย่าง จนได้เป็นรองเท้าที่ดีที่สุด ใส่สบายที่สุด แฟชั่นที่สุดคู่หนึ่งของประวัติศาสตร์ Nike เลยก็ว่าได้ และอีกไม่นานก็จะวางขายในไทยแล้วเช่นเดียวกัน (ในที่สุด!!!!)
Source : END.