-โครงสร้างนาฬิกาเป็น Stainless Steel-
นาฬิกาสาย Active ในตลาดบ้านเรานั้นมีเยอะมากพอดู หลากหลายแบรนด์ต่างก็หยิบยกเอาจุดเด่นออกมาตีคู่แข่งกันอย่างดุเดือด และเชื่อว่าคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาสู่สาย Active นั้น ไม่เลือก Apple Watch ก็คงหนีไม่พ้น Garmin เป็นแน่แท้ เพราะถือเป็น 2 แบรนด์ที่สายมือสมัครเล่นอย่างเราๆ เลือกที่จะซื้อมาใช้กัน อย่าง Apple Watch นั้นคงให้ความรู้สึกแนวหรูหรา คนเมือง ลุยได้นิดหน่อย แต่สำหรับ Garmin แล้ว คือสายลุยระดับกลางถึงระดับโปรฯ เลยก็มี วันนี้เราหยิบนาฬิกานามว่า Vivoactive 3 ตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Garmin มาให้ทุกท่านที่เป็น “สาย Active” ได้ลองตัดสินใจดูกันครับ
Active แต่ไม่ทิ้งความ Classic
-Garmin Vivoactive 3 สี Black / Gunmetal-
นาฬิกาแนว Active หลายๆ เจ้า รวมถึงตัว Garmin ในบางรุ่นนั้นถูกออกแบบมาในทรงสี่เหลี่ยมเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนั้นทำให้ความ Classic ของนาฬิกาข้อมือขาดหายไป ซึ่งเสน่ห์จริงๆ ของนาฬิกาข้อมือก็คือความกลมนั่นแหละครับ ดังนั้น นาฬิกา Garmin Vivoactive 3 ถือเป็นนาฬิกาตัวเริ่มต้นที่หยิบเอาความ Classic มาใช้ได้อย่างลงตัว ทิ้งภาพเดิมของตระกูล Vivo อย่าง Vivosmart ไปพอสมควร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีครับ และที่สำคัญตัวนาฬิกาเองก็มีขนาดพอเหมาะพอดีระดับหนึ่งหากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Fenix 5
มาพร้อมหน้าจอ Touchscreen และ Smart Touch ด้านข้างตัวเรือน
จริงๆ แล้ว หน้าจอ Touch Screen นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปละครับในวงการนาฬิกา Smartwatch แต่สำหรับสาย Active นั้น อาจไม่เหมาะเท่าไร เนื่องจากเวลาตัวนาฬิกาโดนน้ำแล้ว หน้าจอจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น แต่สำหรับ Vivoactive 3 นั้นนอกจากกันน้ำแล้วยังสามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่งครับ
จุดที่เจ๋งที่สุดของนาฬิกาตัวนี้คือ Smart Touch ด้านข้างตัวเรือน ที่ช่วยให้คุณสามารถเลื่อนดูรายละเอียดต่างๆ ได้ง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องเอานิ้วจิ้มหน้าจอตลอดเวลา นอกจากจะบังข้อมูลบนหน้าจอแล้ว ยังควบคุมยากในบางสถานการณ์อีกด้วย
เรียบหรูขึ้น เหมาะกับหนุ่มออฟฟิศสาย Active
-เมื่อเทียบขนาดกับรุ่นพี่อย่าง Fenix 5 (ด้านขวามือ)-
วัยรุ่นนั้นอาจจะชอบนาฬิกาแนวใหญ่ๆ หนาๆ สาย Street หนักๆ แต่เมื่อคุณโตขึ้น คุณจะยิ่งอยากได้นาฬิกาที่บางลง เรียบง่ายมากขึ้น ซึ่ง Vivoactive 3 นั้นถือว่าตอบโจทย์มากทีเดียวครับ สำหรับใครก็ตามที่อยากได้นาฬิกาที่ใส่ในออฟฟิศแล้วดูไม่เด็กจนเกินไป เวลาประชุมงานก็ดูเรียบๆ เข้ากับธุรกิจต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แถมเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Garmin Fenix 5 แล้วนั้น เราคิดว่าเจ้า Vivoactive 3 ดูเรียบกว่า เล็กกว่า และมี Function ที่ใกล้เคียงพอตัวเลยทีเดียวครับ
-บางกว่า ใส่เข้ากับเสื้อ Dress Shirt ได้ดีกว่า-
ตัวนาฬิกาเองยังมี Function GPS ในตัวด้วย ทำให้คุณสามารถจับรายละเอียดการวิ่งของคุณได้อย่างแม่นยำผ่าน Application Garmin Connect แถมอายุการใช้งานนั้น ยาวนานถึง 7 วันเต็ม (13 ชั่วโมง สำหรับการเปิดใช้ GPS) ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีระบบ Touchscreen เหมือนๆ กันนั้นถือว่าชนะขาดลอยเลยครับ (แต่แพ้รุ่นพี่อย่าง Fenix 5 อยู่ดีนะ)
เปลี่ยน Look ได้ง่ายๆ แค่เปลี่ยนสายนาฬิกา
-จะแต่งแบบทางการ หรือใส่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ได้หมด-
ข้อดีอีกข้อหนึ่งของ Vivoactive 3 ก็คือ ตัวนาฬิกานั้นสามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน แต่ก่อนนั้น ถ้าเราจะเปลี่ยนสายนาฬิกาสักทีหนึ่ง ต้องวิ่งไปร้านนาฬิกาเพื่อเปลี่ยนสายด้วยเครื่องมือจริงมั้ยครับ แต่สำหรับตัวนี้ มีตัวล็อคที่สามารถดันสลักยึดสายนาฬิกาออกได้แบบง่ายๆ เปลี่ยนเป็นสายหนังหรือสาย Nato ก็ทำได้ครับ ซึ่งถ้าคุณเป็นหนุ่มออฟฟิศ เราแนะนำให้คุณเปลี่ยนเป็นสายหนัง รับรองว่าคุณจะเปลี่ยน Look จากสาย Active เป็นสาย Smart Casual ได้ในพริบตา
สำหรับใครที่อยากได้นาฬิกา Smartwatch และไม่อยากชาร์ตทุกๆ วันเหมือนอย่างแบรนด์อื่นๆ แล้ว Garmin Vivoactive 3 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะครับ ด้วยราคาราว 10,500.- คุณจะได้นาฬิกาที่มาพร้อม Touchscreen / ตัวเรือน Classic เรียบหรู / จับจังหวะการเต้นของหัวใจ / มี GPS ในตัวไว้วัดระยะของกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำ ฯลฯ พร้อมโปรโมชั่นแถมฟรีสายนาฬิกาหนังแท้อีก 1 เส้น มูลค่า 2,750 บาท เมื่อซื้อ vivoactive 3 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2561 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ใครสนใจก็เดินไปร้านตัวแทนจำหน่าย Garmin หรือดูข้อมูลได้ที่ www.garminbygis.com ได้เลย