MenDetails ได้เคยเขียนบทความร่ายยาวเกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นที่ผู้ชายอย่างเราๆ ควรที่จะรู้จักและใส่ใจกับ “กฎเกณฑ์การแต่งกาย” ทั้งนี้เพื่อมารยาทและความเหมาะสมทางสังคม ใครที่ยังไม่ได้อ่านก็ลองคลิกเบาๆ ที่ลิ้งค์นี้ได้เลยนะครับ
มาในคราวนี้เราขอกลับตัวแบบ 180 องศา เพื่อที่จะมาบอกท่านผู้อ่านทุกท่านว่า กฎบางกฎบางทีมันก็ไม่ค่อยจะ Make Sense หรือฟังดูเข้าท่าเท่าไหร่นัก และเราขอแนะนำให้คุณลอง “แหกกฎ” บางอย่างเหล่านี้ดูบ้าง นอกจากจะทำให้เราแอบรู้สึกสะใจเป็นการส่วนตัวแล้ว การแหกกฎเบาๆเหล่านี้บ้างก็จะช่วยสร้างเอกลักษณ์และความโดดเด่นให้กับการแต่งกายของเราได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ ว่าแล้วเราลองไปดูกันเลยว่ามีกฎอะไรบ้างที่ MenDetails เชื่อว่าพวกเรา “แหกกฎ” ได้
กฎมีไว้แหกข้อที่ 1 | ใส่เสื้อผ้าที่ตัดแบบ Slimfit เท่านั้น
ความจริง การเลือกใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บเข้ารูปพอดีตัวแบบ Slimfit นั้น ถือเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรทำ เพราะมันเป็นทรงที่จะทำให้คุณดูดีได้เสมอ แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็น “กฎตายตัว” ที่ผู้ชายต้องยึดถือเป็นสรณะติดตัวเสมอไป ตัวอย่างเช่น การใส่เสื้อยืด Oversized หรือการใส่เสื้อเชิ้ตแฟลนเนลลายตารางตัวใหญ่ๆ ที่เป็น อิทธิพลจากวัฒนธรรม Grunge Rock ช่วงยุค 90’s ก็สามารถทำให้คุณดูดีได้โดยไม่ต้อง Slimfit เสมอไป
หลุดออกจากกรอบของ Slimfit แล้วมาลองใส่เสื้อผ้าที่ Oversized ดูบ้างก็น่าสนใจครับ
ในส่วนของกางเกงยอดฮิดอย่างกางเกงยีนส์ก็เช่นกัน ผู้ชายบ้านเรามักนิยมใส่กางเกงยีนส์ที่ค่อนข้างพอดีตัว ไปจนถึงแนบเนื้อแบบ Skinny Fit เลยด้วยซ้ำไป MenDetails แนะนำว่าลองแหกกฎแบบนี้ดูบ้างด้วยการใส่ยีนส์ทรงตรงขากระบอกหลวมๆ แล้วพับขาขึ้นสูงโชว์ข้อเท้าสักนิด เท่านี้ก็ช่วยเปลี่ยนสไตล์และอารมณ์การแต่งกายของคุณไม่ให้ซ้ำซากจำเจแบบเดิมๆ ได้ด้วยครับ
ปันใจจาก ‘ยีนส์ลดไซส์ตัวจิ๋ว’ มาหายีนส์ทรงตรงหลวมๆแบบนี้ ช่วยเปลี่ยนอารมณ์การแต่งกายของเราได้ทันทีครับ
ข้อควรระวัง
- มีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างการตั้งใจใส่ เสื้อผ้า Oversized กับการใส่เสื้อผ้าแบบไม่พอดีตัวโดยไม่รู้ตัว พยายามทำให้ได้อย่างมีสไตล์เหมือนแบบแรก อย่าให้เป็นแบบที่สองนะครับ
- เสื้อผ้าหลวมๆที่เรียกว่า Oversized นั้นทำให้ดูดีได้ไม่ยาก แต่ถ้าคับเกินไปนอกจากจะดูดีได้ยากกว่า แถมยังใส่ได้ไม่สบายตัวอีกด้วยนะครับ
กฎมีไว้แหกข้อที่ 2 | ห้ามใส่ Suit Jacket หรือ Blazer กับกางเกงขาสั้น
หากย้อนไปสู่วัฒนธรรมการแต่งกายในฝั่งตะวันตกราวๆ 100 ปีที่ผ่านมา การแต่งกายของสุภาพบุรุษในสมัยนั้นมักจะมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัดกว่าในปัจจุบัน สิ่งที่คุณแทบจะไม่ได้เห็นผู้ชายในสมัยนั้นใส่กันเลยก็คือการใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อสูทหรือเบลเซอร์ ซึ่งถือเป็นการแต่งกายที่ผิดธรรมเนียมและ “เสียมารยาท” อย่างยิ่ง
แต่ในปัจจุบันสไตล์ของผู้ชายได้ผ่อนคลายสู่ความสบายๆที่มีมากขึ้นกว่าสมัยก่อนหลายเท่า กฎเกณฑ์เรื่องการห้ามใส่เสื้อสูทหรือเบลเซอร์คู่กับกางเกงขาสั้นจึงค่อยๆคลายความเข้มงวด และถ้าคุณรู้วิธีแต่งกายแบบนี้ให้มีสไตล์และถูกกาลเทศะ “เสื้อสูท+กางเกงขาสั้น” ก็ถือเป็นคอมบิเนชั่นที่ดูดีและน่าสนใจทีเดียวครับ
ข้อควรระวัง
- ควรใส่กางเกงขาสั้นที่ยาวกำลังพอดี อย่าให้ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป
- สไตล์นี้เหมาะกับงานสบายๆ ไม่ซีเรียสเรื่องการแต่งกายมากนัก ดังนั้นถ้าหากเป็นงานพิธีการ เราก็ควรใส่เสื้อสูทคู่กับกางเกงขายาวเหมือนเดิมเพื่อความสุภาพดีกว่านะครับ
กฎมีไว้แหกข้อที่ 3 | ห้ามใส่เสื้อผ้าสีชมพู
“สีชมพูสำหรับผู้หญิง” เป็นวลีที่เราได้ยินมานานและนำมาใส่ในวิถีชีวิตประจำวันจนเคยชิน นานวันเข้ากลายเป็นกฎเกณฑ์ที่สังคมคิดว่า ผู้ชายไม่ควรใส่เสื้อผ้าสีชมพู เพราะมันจะทำให้ดูไม่แมน และสีชมพูควรเป็นสีที่ผู้หญิงใส่ได้เท่านั้น ซึ่ง MenDetails ไม่เชื่อเช่นนั้น และเราแนะนำให้คุณลองแหกกฎนี้ให้ได้อย่างมีสไตล์ครับ
หากจะแหกกฎนี้ เริ่มต้นให้เน้นที่ “เสื้อ” ก่อนเป็นอันดับแรกครับ ลองสวมใส่เสื้อที่มีสีชมพูอ่อนๆ พอประมาณ ไม่ต้องเข้มหรือเป็นชมพูจ๋าแบบ Shocking Pink หรอกนะครับ จากนั้นลองจับคู่กับเสื้อสูทหรือกางเกงสีน้ำเงินเข้มกรมท่า หรือกางเกงยีนส์ผ้าดิบสีเข้ม หรือ จะเป็นกางเกงชีโน่สีกากีก็เข้ากันได้ดีทั้งสิ้นครับ
ข้อควรระวัง
- ในช่วงแรกขอให้เน้นที่เสื้อก่อนเป็นอันดับแรกนะครับ จากนั้นถ้าหากมั่นใจมากขึ้น จะเติมกางเกงสีชมพู หรือสูทสีชมพู Dusty Pink ก็ยังพอไหว
- แต่ถ้าใครกลัวว่าจะ “ชมพูท่วมตัวมากเกินไป” MenDetails แนะนำให้ใช้แค่เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตสีชมพูก็เพียงพอแล้วครับ
กฎมีไว้แหกข้อที่ 4 | สีของสายเข็มขัด, สายนาฬิกา และรองเท้า “ต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะๆ”
ตอบง่ายๆสั้นๆว่าจริงเป็นบางครั้ง เช่น เวลาที่เราใส่สูทดำพร้อมรองเท้าหนังสีดำ แบบนี้ทั้งสายเข็มขัดและสายนาฬิกาก็ควรจะเป็นสีดำทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีสีอื่นโดดเด้งออกมาครับ แต่ในบางสถานการณ์เราก็ไม่จำเป็นจะต้องยึดถือกฎข้อนี้แบบตายตัวก็ได้ครับ ยิ่งโดยเฉพาะถ้าเราใส่รองเท้าสีน้ำตาล เพราะอันที่จริงสีน้ำตาลนั้นมีหลายเฉดมาก ทั้งน้ำตาลเข้ม, น้ำตาลกลาง, น้ำตาลอ่อนหรือสีแทน ฯลฯ การพยายามทำให้สีเหมือนกันแบบ “เป๊ะๆ” นั้นจึงทำได้ยากและความจริงเราก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยด้วยซ้ำไป
จากรูปนี้เราจะเห็นสีเข็มขัดกับสีของรองเท้าไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่จะอยู่ในโทนน้ำตาล โดยมีความอ่อนเข้มที่ต่างกันครับ
แทนที่จะหมกมุ่นหาเข็มขัดหรือสายนาฬิกาที่สีเหมือนกับรองเท้าแบบเป๊ะๆ เราสามารถใช้สีน้ำตาลเฉดอื่นแทนได้ครับ ขอแค่ให้คุมโทนสีให้อยู่ในเฉดของสีน้ำตาลเป็นใช้ได้แล้วครับผม ส่วนในกรณีอื่นๆที่คุณใส่รองเท้าสีอื่นนอกจากดำกับน้ำตาล เช่น Sneakers สีขาวล้วน แบบนี้เราก็สามารถใช้เข็มขัดหรือสายนาฬิกาได้ทั้งสีดำและสีน้ำตาล โดยไม่จำเป็นต้องหาเข็มขัดสีขาวเหมือนรองเท้าให้เสียเวลาหรอกนะครับ
ข้อควรระวัง
- สีไหนก็เล่นได้ แต่อย่าเล่นกับสีดำเด็ดขาด ถ้าคุณใส่รองเท้าสีดำ สีของสายเข็มขัดและสายนาฬิกาของคุณควรเป็นสีดำเท่านั้น เรื่องนี้เราขอไว้เลยว่าอย่าไป “แหกกฎ” จะดีกว่านะครับ
ย้ำอีกครั้งว่าจะเล่นกับสีไหนก็ได้ แต่ไม่ควรเล่นกับสีดำครับ
กฎมีไว้แหกข้อที่ 5 | ห้ามใส่กางเกงเอวสูงและมีจีบ
ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชายในวัยเรียนมหาวิทยาลัยและวัยทำงานที่ใส่กางเกงผ้า dress pants หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า “กางเกงสแล็ค” ที่มีทรงกางเกงค่อนข้างเล็กในแนว Skinny fit และมักเป็นกางเกงเอวต่ำที่ไม่มีจีบ (flat front pants) กันอยู่เป็นปกติทั่วไป ด้วยเพราะเรามีความคิดที่ว่า การใส่กางเกงผ้าเอวสูงและมีจีบ เป็นสไตล์ที่ดูแก่และล้าสมัย มีเฉพาะผู้ชายรุ่นพ่อรุ่นลุงเท่านั้นที่จะใส่กัน แต่ MenDetails แนะนำให้ลองแหกกฎข้อนี้ดู เพราะถ้าเราเลือกให้ใส่ให้เป็น “กางเกงเอวสูงแบบมีจีบ” จะทำให้เราดูดีมีสไตล์ที่โดดเด่นในแนว Sprezzatura มากขึ้นกว่าคนอื่นๆหลายเท่าเลยทีเดียว
กางเกงเอวสูงแบบมีจีบ เสน่ห์ของสุภาพบุรุษสไตล์ Sprezzatura ที่เราเชียร์ให้คุณหยิบมาใส่กันให้มากขึ้น
เคล็ดลับของการใส่กางเกงเอวสูงให้ดูดีก็คือ ทรงของกางเกงควรจะเป็นทรงเทเปอร์ (Tapered) ซึ่งช่วงเอวและสะโพกด้านบนจะกว้างพอให้ใส่สบาย จากนั้นทรงกางเกงจะค่อยๆเรียวเล็กลงเรื่อยๆจนแคบที่สุดที่ช่วงปลายขาครับ กางเกงเอวสูงมีจีบทรง Tapered จะช่วยทำให้รูปร่างไม่ดูใหญ่จากความเป็นจริง ดูดีได้ในแนว Vintage ซึ่งสาเหตุที่หลายคนใส่แล้วดูแก่และล้าสมัยนั้น ไม่ใช่เพราะความที่กางเกงมีเอวสูงและมีจีบหรอกครับ แต่เป็นเพราะทรงกางเกงเป็นทรงตรง ไม่ใช่ทรง Tapered ที่ดูดีกว่าต่างหากครับ
อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้คุณใส่กางเกงทรงนี้ได้ดูดีขึ้นก็คือ การหลีกเลี่ยงการคาดเข็มขัด โดยควรเลือกกางเกงที่มีเอวพอดีตัวแบบเป๊ะพอที่จะอยู่บนเอวหรือพุงของเราได้โดยไม่ต้องคาดเข็มขัดครับ นั่นเพราะเข็มขัดจะไปเน้นเส้นที่แบ่งระหว่างเอวกับลำตัวให้ชัดขึ้น การไม่ใส่เข็มขัดจะเลี่ยงตรงนี้ได้และทำให้สไตล์การแต่งกายดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ ใครนึกไม่ออกลองดูภาพตัวอย่างด้านล่างประกอบไปด้วยได้เลยครับ
หลีกเลี่ยงการคาดเข็มขัดจะทำให้คุณใส่กางเกงสไตล์นี้ได้ดียิ่งขึ้น เรียกว่า “แหกกฎ” อย่างมีสไตล์ครับ
แม้ MenDetails จะแนะนำให้คุณ “แหกกฎ” บางข้อที่ค่อนข้างโบราณและไม่เข้ากับยุคสมัย หรือเป็นข้อปฏิบัติที่ทำกันเกร่อจนน่าเบื่อแล้วในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีกฎเกณฑ์การแต่งกายอีกจำนวนไม่น้อยที่มีความจำเป็น และเรายังควรที่จะให้ความสำคัญและไม่ไปฝ่าฝืนมันด้วยความไม่รู้นะครับ การศึกษาในเรื่องของสไตล์การแต่งกาย และรับรู้ถึงรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ จะช่วยทำให้คุณรู้ได้ด้วยตัวเองว่า กฎใดควรแหก และกฎใดควรที่จะยังคงปฏิบัติตามกันต่อไป ทั้งนี้เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ และเป็นสุภาพบุรุษให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ