สำหรับผู้ชายไทยหลายๆคนนั้น “รองเท้าหนัง” ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัว และได้รับความสนใจน้อยกว่าที่ควร เปรียบเทียบง่ายๆ กับรองเท้าผ้าใบซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า และเหมาะกับวัฒนธรรมที่เน้นความลำลองและสบายๆ แบบคนไทย อันเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าวของบ้านเรา
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เหมาะสมที่เราจะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะ “ใช้รองเท้าหนังอะไรก็ได้ แบบไหนก็ได้ ใช้ๆไปเถอะ” เพราะสิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมก็คือ “กาลเทศะ” ดังนั้นการแต่งกายอย่างสุภาพในโอกาสที่เหมาะสม และเลือกใช้รองเท้าหนังที่ตรงกับสถานการณ์ ถือเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรทำ และยิ่งถ้าเป็นผู้ชาย MenDetails เรามักใส่ใจ “รายละเอียด” เพื่อให้ไปได้ไกลกว่านั้น นั่นคือ “นอกจากจะถูกต้องตามกาลเทศะแล้ว ยังต้องดูดีและมีสไตล์เพื่อเสริมบุคลิกภาพที่ดีของตัวเราเองด้วย”
รองเท้าหนังที่งอนและเชิดใส่คุณ
หากใครอยู่ในออฟฟิศหรือที่ทำงานในเมืองที่สามารถพบเห็นผู้ชายใส่ รองเท้าหนังสำหรับทำงานประเภท Dress Shoes ได้บ่อยๆ (ไม่นับรองเท้า Sneakers ที่ทำจากหนังนะครับ) MenDetails ขอแนะนำให้ลองสังเกตหรือกวาดสายตามองรองเท้าหนังที่ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่กัน เราจะพบว่ากว่า 90% จะเป็นรองเท้าหนังที่ “หน้างอน และเชิดขึ้น” แทบทั้งสิ้น ซึ่งจากการสอบถามกับช่างทำรองเท้า และผู้ที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจขายรองเท้าหนังในไทย ทำให้เรารู้ว่า ช่างทำรองเท้าในไทยส่วนใหญ่ มักนิยมทำรองเท้าให้ “หัวรองเท้าโค้งงอนและเชิดขึ้น” แบบนี้เสมอ ด้วยเหตุผลของสรีระการเดินที่เท้าของคนเราจะต้องดัดโค้ง เมื่อดันร่างกายไปข้างหน้านั่นเอง
รองเท้าหนังทรง Derby 3 eyelets ที่มีปลายรองเท้าเชิดขึ้นสูงเกินไป
แต่ยังเท่าไม่รองเท้าทรง Oxfords สีน้ำตาลคู่นี้ ที่หัวรองเท้ากำลังจะบินได้แล้ว
มันคงไม่เป็นปัญหาอะไร ถ้ารองเท้าที่เราสวมใส่นั้นมีหัวรองเท้าที่โค้งขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ทว่าถ้ามันงอนจนมากเกินไป รองเท้าหนังคู่นั้นจะดูเหมือน “เรือหางยาว” หรือ “เกือกพระสังค์ทอง” บนเท้าของเราไปในทันใด และยิ่งถ้าใส่ควบคู่กับกางเกงสแล็ค dress pants หรือกางเกงชีโน่ทรงเข้ารูปหรือ Skinny จะยิ่งส่งผลให้การแต่งกายโดยรวมของผู้ชายดูแล้วขาดความลงตัวไปอย่างน่าเสียดาย
รองเท้าประเภท Loafers อีกคู่หนึ่ง ที่มีปลายงอนขึ้นจนน่ากลัว
อย่าง้อรองเท้าหนังที่ทำ “หน้างอน” ใส่เรา
ยามใดที่แฟนสาวของเราเกิดอาการ “งอน” ขึ้นมา ในฐานะผู้ชายที่ดีและเป็นสุภาพบุรุษก็ควรจะตาม “ง้อ” คอยเอาอกเอาใจเพื่อให้เธออารมณ์ดีขึ้น เพราะแฟนเรามีค่าและไม่ได้หาได้บ่อยๆ แต่รองเท้าหนังไม่เหมือน “ผู้หญิง” ดังนั้นถ้าหากรองเท้าทำหน้างอนใส่เรา MenDetails ขอแนะนำให้คุณ “ไม่ต้องง้อ” แล้วหันไปเสาะหารองเท้าหนังที่มีหัวรองเท้ากดลงต่ำแนบกับพื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าได้ไปกังวลว่าจะใส่เดินแล้วไม่สบายเท้า เพราะคุณภาพและความยืดหยุ่นของหนังที่ดีจะทำให้รองเท้าหนังของเราใส่สบายขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหน้าเชิดขึ้นตั้งแต่แรกแต่อย่างใด ทว่าปัญหาเดียวที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราก็คือ รองเท้าหนังหน้าไม่งอนนั้น มันหาซื้อค่อนข้างยากลำบากในเมืองไทยนี่แหละครับ
รองเท้า Lazy Man Shoes จาก Fugashin Shoemaker
รองเท้า Double Monk Shoes จาก George Cleverly ของคุณ Simon Crompton จาก permanentstyle.com
มีแบรนด์ใดที่เราแนะนำหรือไม่?
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ ณ ขณะปัจจุบันนั้น ประเทศไทยแม้จะมีช่างทำรองเท้าฝีมือดีอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีใครสามารถสร้างแบรนด์หรือสร้างชื่อเสียงให้กลายเป็นที่รู้จักในระดับสากลในแวดวงของการแต่งกายสไตล์ Sartorialist สำหรับสุภาพบุรุษได้เลย เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซีย ที่มี Jalan Sriwijaya เป็นแบรนด์รองเท้าหนังที่มีรูปทรงสวยงาม “หน้าไม่เชิด” และมีคุณภาพดีถึงขั้นสามารถขึ้นห้าง Isetan Men ในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องชาตินิยมและมีแบรนด์รองเท้าหนังอันแข็งแรงอยู่หลายแบรนด์อย่างประเทศญี่ปุ่นได้เลยทีเดียว หรือถ้าหันไปมองที่เวียดนาม ก็เป็นแหล่งงานผลิตรองเท้าของแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ๆ อย่าง Fugashin (ฟุงะชิน) ที่ผลิตรองเท้าหนัง waist สวยๆ และ “หน้าไม่เชิด” ได้อย่างมีคุณภาพเช่นเดียวกัน
รองเท้า Oxfords Wingtips จาก Vass Shoes แบรนด์สัญชาติฮังการีที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
รองเท้าทรง Oxfords จาก Yohei Fukuda ที่มีหัวรองเท้ากดลงจนแทบจะเป็นระนาบเดียวกันกับพื้นเลยทีเดียว | claymoorslist.com
ข้ามเขตอาเซี่ยนไปที่ประเทศญี่ปุ่น ที่นั่นมี “สำนัก” การผลิตรองเท้าแบบ Bespoke ติดระดับท็อปของโลกอยู่หลายเจ้า ตัวอย่างเช่น TYE Shoemaker, Yohei Fukuda , Marquess ซึ่งทั้งหมดผลิตโดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ต่อจากนั้นเราจึงเลยไปฝั่งยุโรปตั้งแต่ Vass ของฮังการี, Saint Crispins ของโรมาเนีย, Carmina จากสเปน, Stefano Bemer จากอิตาลี่ และ George Cleverly กับ Gaziano & Girling จากฝั่งอังกฤษ ซึ่งถ้าเราลองคลิก Link เข้าไปดูรองเท้าของพวกเขาเหล่านั้นทีละเจ้า เราจะพบว่า ทุกแบรนด์ระดับโลกที่ว่ามานั้นมักมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ
“หัวรองเท้าไม่เชิดหรืองอนขึ้นมา”
นั่นแหละครับท่านสุภาพบุรุษทุกท่าน
2 ข้างนี้จาก Graziano & Girling ที่นอกจากหัวจะไม่เชิดแล้ว ยังพยายามเจียดหนังตรงปลายหัวรองเท้าให้งุ้มลงอีกต่างหาก
Penny Loafers จากแบรนด์สัญชาติอินโดนีเซียอย่าง Jalan Sriwijaya ที่มีดีพอขึ้นห้าง Isetan Menใจกลางชินจูกุ
“ราคาแพงไป และอยากได้แบรนด์ไทยมากกว่า เพราะผมรักเมืองไทย”
การเปลี่ยนแปลงค่านิยมในการทำรองเท้าของช่างทำรองเท้าชาวไทย หรือแบรนด์รองเท้าหนังเกือบ 100% ของไทย ที่มักตัดเย็บรองเท้าให้มีหัวเชิดๆงอนๆเสมอ อาจไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วนัก เพราะต้องเข้าใจว่าพวกเขาผลิตรองเท้าด้วยค่านิยมดังกล่าวมาเป็นเวลานานหลายสิบปี อยู่ดีๆจะมาเปลี่ยนกันง่ายๆก็คงจะลำบาก แต่ในยุคสมัยปัจจุบันเรามองว่าวงการรองเท้าหนังของไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเจ้าของกิจการรุ่น Baby Boomer มาสู่เลือดใหม่ที่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและต้องการพัฒนาแบรนด์สู่ระดับสากลมากขึ้น เราจึงเชื่อว่ารองเท้าหนังแบรนด์ไทยยังมีอนาคตที่สดใส “แต่เราคาดว่าไม่ใช่เร็วๆนี้”
เรามักเห็นผู้ชายไทยสวมใส่รองเท้าประเภทนี้กันเป็นประจำ แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่เราเชื่อว่าผู้ชายไทย “พัฒนา” ได้ดีกว่านี้
หากคุณได้อ่านบทความชิ้นนี้ของ MenDetails แล้วมีความคิดเห็นสอดคล้องกับเรา และอยากจะได้รองเท้าหนังที่ “หัวไม่เชิด” มาสวมใส่แทนที่รองเท้าหนังคู่เดิม แต่ไม่อยากเสียเงินหลักหลายหมื่นหรือหลักแสนบาทเพื่อบินไปตัดรองเท้า Bespoke Shoes กับ Yohei Fukuda ที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้คุณมองหาร้านรองเท้าหนังของคนไทยที่เป็นแบบ “Made to Measure” เน้นว่าให้เป็นร้านที่ตัดเย็บเองจริงๆ โดยช่างรองเท้าของตัวเองจริงๆ และสามารถสั่งตัดแบบตามใจลูกค้าได้จริงๆ โดยที่ไม่ได้ไปจ้างโรงงานที่อื่นให้ผลิตอีกต่อหนึ่ง จากนั้นก็นำรูปรองเท้าในบทความนี้ไปให้ที่ร้านดูแล้วเน้นย้ำกับเขาว่า “ขอให้ตัดรองเท้าให้หัวรองเท้าหนังของผมแนบราบลงกับพื้นให้มากที่สุด ไม่ต้องให้งอนเชิดขึ้นมานะครับ”
วิธีพิจารณาคือให้นำรองเท้าหนังมาวางบนพื้นเรียบๆ หากพื้นรองเท้าตรงส่วนปลายสุดของหัวรองเท้ายกตัวสูงขึ้นมาจากพื้นไม่เกิน 2 เซ็นติเมตร ถือว่าผ่านมาตรฐานรองเท้าหัวไม่เชิดแล้วล่ะครับ ส่วนสนนราคาในการตัดก็แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 2,500 ถึง 4,000 บาทครับ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ต้องใช้รองเท้าหนังเป็นประจำนั้นน่าจะรับได้อยู่แล้ว
MenDetails เชื่อว่าเมื่อผู้ชายหลายคนสนใจตัดรองเท้าหนังแบบนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทางร้านก็จะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง และจะค่อยๆ ทยอยกดหัวรองเท้าลงเรื่อยๆ ไปเองในอนาคตครับ
มาช่วยกันสนับสนุนให้รองเท้าหนังคนไทย “หัวไม่เชิด” เพื่อให้ผู้ชายไทยไม่ต้องสวมเรือหางยาวมาทำงานกันอีกในอนาคตนะครับ
ปิดท้ายบทความด้วย Lazy Man Slip-on Shoes สุดงามอีกคู่จาก Yohei Fukuda