หลังจากประสบความสำเร็จกับการออกแบบและวางขาย Air Jordan III ในปี 1988 หนึ่งปีให้หลัง Tinker Hatfield ก็เริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในวงการอีกครั้ง ด้วยการออกแบบ Air Jordan IV ที่ทุกคนต่างตั้งข้อสงสัยว่า “มันจะดีกว่า Air Jordan III ได้ยังไง” แต่สุดท้าย รองเท้าคู่นี้ก็ประสบความสำเร็จและเป็นที่ชื่นชอบของเหล่า Sneakerhead ในที่สุด และนี่คือ 4 ข้อที่คุณควรรู้ก่อนการตัดสินใจซื้อ Air Jordan IVs Retro ปี 2019 ที่กำลังจะวางขายเร็วๆ นี้
ชื่อสีจริงๆ ของ Air Jordan IVs คู่นี้คือ Black / Cement Grey
-1989: The OG-
คู่นี้ดังกล่าวถือเป็นคู่สี Original Colorway ที่ออกสู่สายตาประชาชนในปี 1989 โดยมีชีวิต Black / Cement Grey ไม่ได้ชื่อ ‘Bred’ อย่างที่หลายๆ สื่อกล่าวถึงครับ โดยตัว Michael Jordan นั้นเลือกหยิบเอารองเท้าคู่ดังกล่าวมาใส่ใน All Star Game ปี 1989 ซึ่งถือเป็นการจัดแข่งขันครั้งที่ 39th โดยผลการแข่งขันคือฝั่ง East Coast ชนะไปด้วยคะแนน 143 : 134 นอกจากนั้น Michael Jordan ยังใส่รองเท้าคู่ดังกล่าวในการแข่งขัน Playoff ใน Season 1988-1989 อีกด้วย ซึ่ง Chicago Bulls ตกรอบและก่อเกิด วลีเด็ดที่ขนานนามว่า Jordan Rules หรือวิธ๊การป้องกันและประกบ Michael Jordan ในแบบของ Detroit Pistons ที่ส่งให้ Bulls ตกรอบ Playoff ในปีนั้นนั่นเอง
“The Shot” เกิดขึ้นจากรองเท้าคู่นี้ในปี 1989
ถ้าคุณเป็นแฟน MJ จะพอทราบครับว่า Michael Jordan นั้นเป็นผู้เล่นที่มักได้รับโอกาสสุดท้ายในการทำแต้มเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในปี 1998 กับ ‘The Last Shot’ ซึ่งใน Season 1988-1989 Michael Jordan ก็ได้ชูตทำแต้มสุดท้าย ส่งให้ทีม Chicago Bulls ผ่านเข้าสู่ Playoff ชนะ Cleveland Cavaliers ถือเป็นรองเท้าคู่บุญอีกคู่ในชีวิตนักกีฬาของ Michael Jordan เลยทีเดียว
เป็นรองเท้ารุ่นที่ 2 ที่ใช้ Logo Jumpman (ต่อยอดจาก Jordan III)
อย่างที่หลายๆ ท่านทราบครับว่า Air Jordan I และ II นั้นไม่มี Logo Jumpman เป็นโลโก้หลักบนตัวรองเท้า แต่พอก้าวเข้าสู่ Air Jordan III ทุกอย่างก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยนักออกแบบนาม Tinker Hatfield ซึ่งรองเท้าคู่นี้ก็คือ DNA ที่ต่อยอดจาก Air Jordan III โดยสืบทอด Logo Jumpman วางไว้ที่ลิ้นรองเท้านั่นเอง
Retro ครั้งนี้ใช้โลโก้ Nike Air ที่ส้นเท้า
สำหรับรองเท้า Air Jordan IV Retro ปี 2019 ครั้งนี้ ทาง Nike เลือกหยิบเอาโลโก้ Nike Air มาไว้ตรงส้นเท้า เหมือนตัว Retro ที่ออกมาเมื่อปี 1999 ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ของรองเท้าโมเดลนี้ ถึงแม้ว่าจะเคยออกตัว Retro มาเมื่อปี 2008 และ 2012 ก่อนหน้านี้ แต่ทาง Nike กลับเลือกใส่ Logo Jumpman ลงที่ส้นเท้าแทน
นี่คือรายละเอียด 4 ข้อที่ทำให้ Retro ปี 2019 ครั้งนี้ คู่ควรแก่การเลือกซื้อมาไว้สะสม เพราะนอกเหนือจากจะเป็นสี OG แล้ว ตัวรองเท้าเองยังมีรายละเอียดและจุดเด่นคือสอดคล้องกับตัว Originals ค่อนข้างสูง และคาดว่าจะวางขายในบ้านเราเร็วๆ นี้ ยังไงติดตามรายละเอียดได้ที่ SEEK Thailand ได้เลยครับ