ถ้าคุณมองย้อนกลับไปยังกางเกงยีนส์ผ้าดิบตัวแรกของคุณ MDs เชื่อว่า “คุณต้องค้นหาข้อมูลมากที่เดียวก่อนซื้อ” ว่าแบรนด์นี้ดียังไง เจ๋งยังไง ต้องใส่ตัวไหนที่ใครๆ เขาก็ใส่กัน แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า “ไม่มีใครมาบอกคุณเรื่องทรงที่เหมาะสม” “ผ้าหนาไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป” จริงมั้ยครับ หัวข้อพวกนี้ไม่ค่อยมีใครมาพูดให้คุณฟัง เนื่องจากตัวเป็นประสบการณ์ที่คนเล่นกางเกงยีนส์มาจำนวนหนึ่งแล้วเท่านั้นที่จะพูดถึงกัน ว่าแล้วเราก็มาลองพูดกันถึง 4 ข้อเกี่ยวกับกางเกงยีนส์ผ้าดิบ ที่เราเคยอยากให้มีคนมาบอกเราก่อนเราตัดสินใจซื้อกัน
ผ้าหนาไม่ใช่เครื่องชี้วัดคุณภาพของตัวผ้า Denim
นักเลงกางเกงยีนส์หน้าใหม่ส่วนมากมักตัดสินความเจ๋งของคุณภาพกางเกงยีนส์ด้วยน้ำหนักผ้า ยิ่งตัวเลขมากเท่าไรแปลว่ากางเกงยีนส์ตัวนั้นคุณภาพสูง ซึ่งถ้าพูดว่าใช่ก็ไม่ผิด แต่มันไม่ใช่เครื่องชี้วัดเพียงอย่างเดียวสำหรับกางเกงยีนส์ครับ กล่าวคือ กางเกงยีนส์อย่าง Levi’s Vintage Clothing นั้นส่วนมากผลิตออกจากโรงงานมาด้วยน้ำหนักเพียง 12oz เอานั้น (หลังแช่จะฟูขึ้น รัดตัวแน่นขึ้นเป็น 14oz) ซึ่งแบรนด์ Levi’s เองถือเป็นแบรนด์แรกของโลกเลยด้วยซ้ำครับ มาตราฐานการผลิตย่อมดีที่สุดไม่เป็น 2 รองจากใคร ดังนั้นปัจจัยอื่นๆ อย่าง หมุดตอกยึดจุดต่างๆ บนตัวกางเกง / Zip-Fly / Button-Fly / Hidden Rivets และอื่นๆ อีกมากต่างหากที่เป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพ
ยิ่งน้ำหนักผ้าเยอะเท่าไร ยิ่งไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศอย่างบ้านเรานะครับ เต็มที่สำหรับบ้านเรานั้น MDs ให้ความหนาราวๆ 16oz-17oz ก็เต็มกลืนละ แต่ผ้าให้เหมาะที่สุดคงต้องราวๆ 12oz-14.5oz เนี่ย ใส่สบายเลยครับ ดังนั้นอย่าได้ตกหลุมพรางดังกล่าว ระวัง “ซื้อมาไม่ได้ใส่เพราะร้อนเกินนะครับ”
ไซส์มันไม่มีวันเท่ากันทุกแบรนด์ (รวมถึงทรงด้วย)
ยกตัวอย่างเช่น บางแบรนด์เราเลือกใส่เอว 32 นิ้วเนื่องจากใส่แล้วรัดพอดีๆ เผื่อยืด แต่บางแบรนด์และบางทรงอย่าง Indigoskin V4 เรากลับต้องหยิบเป็นไซส์ 31 นิ้ว และยิ่งเลือกยากเข้าไปอีกเมื่อไปลอง Indigoskin S-Series 2 ตัวนั้นเราถึงขั้นต้องจัดที่ไซส์ 34 นิ้วเลยด้วยซ้ำไป พูดอย่างงี้ละกันครับว่า แต่ละแบรนด์ ย่อมมีขนาดและสัดส่วนเฉพาะของแต่ละแบรนด์ ขนาดทรงแต่ละทรงยังมีตัวเลข Size Chart ที่ไม่ตรงกันเลยด้วยซ้ำไป ดังนั้น “คุณต้องไปลองด้วยตัวเองเท่านั้นครับ” อย่าได้เชื่อสัญชาตญาณดิบในตัวว่า “ครั้งที่แล้วก็สั่งไซส์นี้ ครั้งก็ไซส์เดิมแหละ” มันไม่มีวันเป็นแบบนั้นแน่นอน
ถ้าคุณซื้อยีนส์แบบ Unsanforized คุณต้องแช่น้ำก่อนใส่
ย้ำอีกทีครับว่า ต้องแช่ก่อนใส่ ถ้าคุณอยากให้กางเกงยีนส์ตัวนี้อยู่กับคุณไปอีกนานแสนนาน เนื่องจากกางเกงยีนส์ผ้าดิบส่วนมาก มักไม่ผ่านกระบวนการป้องกันการหดตัวของตัวผ้า ซึ่งนั่นทำให้โครงสร้างของเนื้อผ้ายังคงหลวมอยู่บ้าง ดังนั้นคุณควรแช่น้ำเพื่อให้ผ้าหดตัวลงซึ่งโครงสร้างของเนื้อผ้าก็จะแข็งแรงขึ้นเช่นเดียวกัน บางสำนักจะบอกให้คุณซื้อกางเกงยีนส์แบบพอดีหรือไม่ก็ใหญ่ขึ้น 1-2 นิ้ว แล้วให้ใส่ขณะแช่ไปด้วย ตัวกางเกงยีนส์ก็จะ Form เข้ากับรูปร่างคุณได้ดีมากยิ่งขึ้น “แต่ยังไงก็ต้องแช่ก่อนใส่ครับ”
หากคุณไม่แช่ ใส่กางเกงยีนส์ผ้าดิบลุยเลย อาจประสบปัญหาคือ “รอยเฟดเลื่อน” หรือไม่ก็ “ผ้าขาดก่อนวัยอันควร” หากไม่ชอบมานั่งแช่เอง ตากเองให้ลำบาก แนะนำซื้อแบบ One-Washed ไปเลยครับ สบายใจสุด
กฏ 6 เดือนมันเป็นแค่คำแนะนำ ไม่ต้องทำตามก็ได้
เอาเข้าจริง มันอยู่ที่ความพอใจของเจ้าของกางเกงยีนส์ครับ หลายคนบอกว่าถ้าไม่ครบ 6 เดือนจะไม่ซัก ทั้งๆ ที่กางเกงยีนส์ตัวโปรดของคุณตัวนั้นส่งกลิ่นจนเพื่อนๆ ต่างหันหนีกันหมด ยิ่งอยู่ในลิฟท์ที่มีคนแน่นๆ นี่ยิ่งไปกันใหญ่ บวกกับอากาศบ้านเราที่แสนจะร้อนและชื้น แค่นึกภาพก็เหนียวลงคอละครับ ดังนั้นถ้ามันไม่ไหวจริงๆ “ซักไปเลย อย่าไปกลัว” เราเคยเห็น Fade โหดๆ ที่ผ่านการซักมาเยอะมากๆ ก็มี อย่าไปยึดกฏ 6 เดือนมากจนเกินไป ในอีกกรณีหนึ่งก็คือ ใส่มา 6 เดือนแล้ว เฟดยังไม่มาเลย อาจเป็นเพราะกิจกรรมแบบออฟฟิศแอร์เย็นๆ อันนี้ก็สามารถใส่ต่อได้ครับ แต่ให้ระวังเป้าให้ดีแค่นั้นเอง
นี่คือ 4 ข้อที่ MDs อยากจะแนะนำให้ทุกท่านลองอ่านกันดูก่อน หลายๆ คนที่ชอบค้นหาข้อมูลอยู่แล้ว 4 ข้อนี้อาจดูกระจอกสำหรับพวกคุณเราก็เข้าใจครับ แต่ถ้าคุณเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวลงสนามแข่งแห่งนี้ นี่คือ 4 ข้อที่คุณควรจำไว้บ้างครับ รับรองว่าการใส่กางเกงยีนส์ของคุณจะสนุกขึ้นแน่นอน