เสื้อทหารกระเป๋าเฉียง ถือเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่น่าสนใจ ด้วยความบางเบาและใส่สบายพอสมควร ทำให้การแต่งตัวด้วยเสื้อแจ็คเก็ตทหารชนิดนี้ในเมืองไทย สามารถทำได้สะดวกกว่า เสื้อแจ็กเก็ตหนา ๆ อย่าง M-65 เป็นต้น โดยเสื้อทหารสัญชาติสหรัฐอเมริกา รุ่นนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Tropical Combat Jacket (เสื้อแจ็คเก็ตสำหรับการสู้รบในภูมิอากาศเขตร้อน) ซึ่งถือเป็นเสื้อที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยเป็นพิเศษ เพราะเป็น เสื้อที่ทหารอเมริกันนำมาใช้ในสมรภูมิสงครามเวียดนาม ซึ่งในขณะนั้นทางสหรัฐฯก็มีการวางฐานทัพในเมืองไทยเช่นกัน ทำให้เสื้อชนิดนี้มีหลงเหลืออยู่ในเมืองไทย เป็นของวินเทจที่ยังพอหาได้สำหรับผู้ชายที่ชอบแต่งกายแนว Military Wear แต่เสื้อ Tropical Combat Jacket เองก็มีหลากหลายรุ่น (Pattern) การทำความเข้าใจเพื่อเปรียบเทียบกับของที่หาได้ จะทำให้รู้ว่าเราเจอเสื้อรุ่นไหน ผลิตในปีใดกันแน่
Tropical Combat Jacket ‘The 1st Pattern’
ในปี ค.ศ.1962 ศูนย์วิจัยทางการทหารสหรัฐฯ Natick Labs ได้ผลิตเสื้อทหาร Tropical Combat Jacket รุ่นแรก โดยคำสั่งของ Army Material Command ผลิตจากผ้าฝ้ายป๊อปปลิ้นกันลม หนัก 5.1 ออนซ์ ในสีเขียวมะกอกรหัส 107 (OG-107) โดยมีลักษณะเด่นที่สำคัญดังต่อไปนี้
- ที่บ่าเสื้อมีอินทร์ธนูประดับอยู่
- สาบเสื้อด้านหน้า 3 ชั้น (Gas Flap) และมีกระดุมสำหรับกลัดจำนวน 5 เม็ด (ไม่รวมกระดุมคอ)
- กระเป๋าตรงอกเสื้อเป็นแบบเฉียง จำนวน 2 ใบ และมีช่องเสียบปากกาทั้ง 2 ใบ
- กระเป๋าตรงด้านล่างของตัวเสื้อเป็นแบบตรง จำนวน 2 ใบ
- กระเป๋าบนตัวเสื้อจะมีการเจาะรูขนาดเล็กจำนวน 2 รู อยู่ด้านใน สำหรับระบายน้ำ
- กระเป๋าแต่ละใบจะมีกระดุมกลัดอยู่ใบละ 2 เม็ด มองเห็นได้จากด้านนอก
- ด้านข้างของตัวเสื้อมีแถบกระดุมสำหรับปรับเอวเสื้อให้กระชับขึ้น
- ไม่มีรอยเย็บคาดด้านหลังตัวเสื้อ (Back Yoke)
- ปลายแขนเสื้อแบบกว้าง เย็บแบบ Gussets จะมองเห็นรอยเย็บเป็นตัว “V คว่ำ” ที่ปลายแขน
Tropical Combat Jacket ได้รับการออกแบบเพื่อใช้ในสมรภูมิรบที่มีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นหลัก ด้วยตัวเสื้อมีน้ำหนักบางเบาลง และแห้งไวขึ้น อย่างไรก็ดีภายหลังจากการใช้งานจริงพบว่า กระดุมที่ติดอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อมักจะไปเกี่ยวถูกต้นไม้จนใช้งานไม่สะดวก จึงได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนา Tropical Combat Jacket ในเวลาต่อมา
The 2nd Pattern
เดือนมกราคม ปี ค.ศ.1965 เสื้อทหารกระเป๋าเฉียง หรือ Tropical Combat Jacket ได้รับการพัฒนา โดยปรับให้กระดุมตรงกระเป๋าเสื้อทั้งหมดกลายเป็นกระดุมซ่อน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระดุมกระเป๋าเกี่ยวกับต้นไม้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังลดจำนวนกระดุมบนสาบเสื้อด้านหน้าจาก 5 เม็ด เหลือเพียง 4 เม็ด (ไม่นับกระดุมคอ) โดยเว้นระยะห่างของกระดุมแต่ละเม็ดให้ห่างกันมากขึ้นกว่ารุ่นแรก ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังคงไว้เช่นเดิม
The 2nd Pattern Variant
ไม่ถึง 1 ปีหลังจากรุ่นที่ 2 ออกมา ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1965 นั้นเอง เสื้อ Tropical Combat Jacket โดนปรับแต่งอีกครั้ง กลายเป็นเวอร์ชั่น 2.5 หรือ “2nd Pattern Variant” คราวนี้ตัดเอาอินทร์ธนูที่บ่าออกทั้งสองข้าง เพราะห่วงของอินทร์ธนูชอบไปเกี่ยวถูกต้นไม้เวลาเดินป่า อีกทั้งตัวกระดุมของอินทร์ธนูมักไปกดที่ไหล่เวลาแบกสัมภาระ นอกจากนั้นยังตัดเอาแถบกระดุมปรับระดับเอวเสื้อออกไปด้วย เพราะแทบไม่ได้ใช้งาน อีกทั้งกระดุมยังกดถูกลำตัวเวลานอน ทำให้ไม่สบายตัว ทั้งสองส่วนนี้จึงโดนตัดออกในที่สุด
The 3rd Pattern
ในปี ค.ศ. 1966 มีการปรับแต่งอีกครั้งกลายเป็นรุ่นที่ 3 โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไปดังนี้
- เป็นรุ่นแรกที่มีการเย็บคาดแนวสะบักด้านหลังตัวเสื้อ (Back Yoke)
- เป็นรุ่นแรกที่ตัด Gas Flap ตรงสาบเสื้อด้านหน้าออกไป ทำให้สาบเสื้อบางลง
- เป็นรุ่นแรกที่มีการผลิตเสื้อในเวอร์ชั่นลายพราง (ERDL) ควบคู่กับ OG-107
- กระเป๋าเสื้อของรุ่นที่ 3 จะไม่มีการเจาะรูสองรูสำหรับระบายน้ำ
The 4th Pattern
การปรับแต่งเสื้อ Tropical Combat Jacket รุ่นที่ 4 มีรายละเอียดดังนี้
- รุ่นที่ 4 กลับมาเจาะรูระบายน้ำสองรูในกระเป๋าอีกครั้ง
- รุ่นที่ 4 เป็นรุ่นแรกที่จะมีช่องเสียบปากกาบนกระเป๋าข้างซ้ายเพียงข้างเดียว
- รุ่นที่ 4 เป็นรุ่นแรกที่เปลี่ยนเนื้อผ้าจากผ้าฝ้ายป๊อบปลิ้นที่ใช้ตั้งแต่รุ่นแรก กลายมาเป็นผ้าฝ้ายหยุดรอยฉีกขาด (Rip-Stop) สังเกตได้จากเนื้อผ้าจะมีลายตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตลอดตัวเสื้อ
- มีการผลิตเป็นเวอร์ชั่นลายพราง (ERDL) ควบคู่กับสีเขียวรหัส OG-107 เช่นกัน
The 5th Pattern
ปลายแขนเสื้อที่เย็บแบบ Gusset ซึ่งจะเห็นรอยเย็บเป็นรูปตัว V คว่ำหัวอยู่ที่ปลายแขนมาตั้งแต่รุ่นแรกสุด ได้ถูกตัดออกไปในรุ่นที่ 5 กลายเป็นปลายแขนเสื้อแบบธรรมดาที่ไม่มีรอยเย็บรูปตัว V คว่ำนี้อีกต่อไป ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนั้นจะเหมือนรุ่นที่ 4 ทั้งหมด โดยรุ่นที่ 5 นี้จะมีการผลิตเป็นสี OG-107 และเวอร์ชั่นลายพราง ERDL นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่ทำจากผ้าฝ้ายผสมไนล่อนหนัก 6.5 ออนซ์ เพื่อ “กันยุงกัด” โดยเฉพาะ แต่สุดท้ายไม่ได้เอามาใช้งานจริง เนื่องจากเนื้อผ้าที่หนาและใส่ไม่สบายเอาเสียเลยนั่นเอง
ข้อมูลข้างต้นทั้งหมดมาจากเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า Vietnamgear.com โดยในปัจจุบัน เสื้อทหารกระเป๋าเฉียง ของจริงแบบฉบับวินเทจจากยุคสงครามเวียดนามนั้น ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างในตลาดขายของวินเทจในเมืองไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น 4th Pattern หรือ 5th Pattern มากกว่า ในขณะที่ The 1st Pattern หรือรุ่นแรกสุด จะขึ้นชื่อว่าหายากที่สุดและมีลักษณะแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด จึงมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน ใครที่ชอบแต่งกายในสไตล์ Military Wear ลองออกไปหาซื้อกันดูได้ และลองเทียบกับข้อมูลข้างต้นที่ MenDetails นำฝากกันด้วยนะครับ ว่าเสื้อกระเป๋าเฉียงที่เจอนั้นเป็นรุ่นไหน แพทเทิร์นอะไร