ที่ MenDetails เราชื่นชอบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของผู้ชายที่มีลักษณะ “ไร้กาลเวลา” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Timeless” กล่าวคือไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ เราเองเชื่อว่าเครื่องใช้เหล่านี้จะยังคงความเข้มขลัง และยังสามารถหยิบนำมาใช้ได้เรื่อยๆ โดยไม่ตกยุคตกสมัย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด MenDetail’s Style Icon ที่รวบรวมเครื่องแต่งกายอันเป็น Iconic หรือเป็นความคลาสสิกอย่างที่สุดสำหรับผู้ชาย และหนึ่งในรายชื่อนั้นก็คือ “The Barbour Jacket” หรือ “เสื้อแจ็กเก็ตบาร์เบอร์” เสื้อแจ็กเก็ตเดินป่าที่เปรียบเสมือนของขวัญจากสก็อตแลนด์สู่สไตล์ของผู้ชายทั่วโลก
ผู้อ่าน MenDetails ที่ติดตามเรามาตลอดคงได้ผ่านตาไปกับ รีวิวแจ็กเก็ตจาก Barbour ในรุ่น Bedale กันไปแล้ว แต่ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่ถือเป็นรุ่น Signature ของ Barbour ควบแข่งกันมากับรุ่น Bedale นั่นก็คือรุ่นที่มีชื่อว่า Beaufort (โบฟอร์ หรือ โบฟอร์ท ก็ได้แล้วแต่ถนัดเรียก) วันนี้ MenDetails ถือโอกาสหยิบเอาเสื้อแจ็กเก็ต Barbour ‘Beaufort’ มารีวิวและเปรียบเทียบให้ได้ทราบกันว่า สองรุ่นสุดคลาสสิกนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
Barbour ‘Beaufort’
ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ได้ทราบกันว่า Barbour ‘Beaufort’ ตัวนี้เป็นของเก่า ดังนั้นรายละเอียดบางอย่างจะแตกต่างจากตัวที่ผลิตใหม่ เช่น ลักษณะของป้ายภายในตัวเสื้อ รวมถึงรอยเฝดของ Wax ด้านนอกที่เกิดจากการใช้งาน (คล้ายรอยเฝดของสีในกางเกงยีนส์ผ้าดิบ) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเสื้อแจ็กเก็ตประเภทนี้
Beaufort ตัวนี้มีขนาด ‘C36’ เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีรอบอกประมาณ 92 เซ็นติเมตรขึ้นไปแต่ไม่ควรเกิน 97 เซ็นติเมตร เพราะจะเริ่มคับเกินไป และไม่มีที่ว่างเหลือพอสำหรับใส่เสื้อตัวอื่นๆเป็น Layer ด้านใน ทรงของเสื้อแจ็กเก็ตได้รับการออกแบบมาอย่างอนุรักษ์นิยม คือเป็นทรงตรงที่ไม่มีการเข้าเอวให้ดู Slim fit แต่อย่างใด ระบบการปิดเสื้อใช้ 2 วิธีคือแบบกลัดกระดุมและแบบรูดซิป แล้วแต่ว่าจะชอบแบบไหน คอเสื้อทำด้วยผ้าลูกฟูก หรือ Corduroy ทั้งนี้เพื่อเผื่อสำหรับการยกคอเสื้อขึ้นสำหรับการกันลมและน้ำเข้าทางลำคอหรือที่เรียกว่า ‘Storm Flap’ ผ้าลูกฟูกนิ่มๆ นี้จะไม่ระคายเคืองผิวเมื่อแนบกับลำคอของเราครับ
ป้ายตราสินค้าของ Barbour ‘Beaufort’ ยังคงมีตรา Royal Warrant ติดอยู่ครบทั้ง 3 ตรา และระบุชัดเจนว่า ‘Made in England’ แต่สิ่งที่บอกถึงต้นกำเนิดของเสื้อแจ็กเก็ตตัวนี้ว่ามาจากสก๊อตแลนด์จริงๆ นั่นก็คือลายตาราง Tartan หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า “ลายสก๊อต” ซึ่งลวดลายนี้ภายในเสื้อแจ็กเก็ต Barbour แต่ละรุ่นก็จะแตกต่างกันไป โดย Barbour ใช้ลายที่เรียกว่า ‘Ancient Tartan’ สำหรับรุ่น Beaufort ตัวนี้ครับ
เสื้อแจ็กเก็ต Barbour รุ่น ‘Beaufort’ แบบนี้จะเป็นเสื้อที่เคลือบแว็กซ์กันน้ำ หรือที่เรียกว่า Wax Jacket ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีอายุร้อยกว่าปีแล้ว แต่ Barbour ก็ยังคงอนุรักษ์ความคลาสสิกนี้ไว้ ข้อเสียของ Wax Jacket คือต้องระวังในเรื่องการทำความสะอาดอย่างยิ่ง Barbour เตือนว่า “ห้ามซักเด็ดขาด” เมื่อเสื้อเกิดรอยเลอะเทอะก็ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ค่อยๆ เช็ดออกแทน และเมื่อใช้งานไปนานหลายปี แว็กซ์ที่เคลือบอยู่ก็จะค่อยๆ หลุดหายไป จึงต้องทำการลงแว็กซ์ใหม่ (Rewax) ฟังดูยุ่งยากก็จริง แต่ถ้าเราใช้งานและดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เสื้อ Barbour Wax Jacket แบบนี้จะอยู่กับเราไปได้หลายสิบปีถึงรุ่นลูกเลยทีเดียว
Beaufort VS Bedale
หากเปรียบเทียบกับ Barbour รุ่น Bedale ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือความยาวของตัวเสื้อ โดยที่เสื้อขนาด C36 เท่ากันนั้น รุ่น Beaufort จะยาวกว่า Bedale อยู่ประมาณ 2 นิ้ว ความยาวนี่เองที่ทำให้แฟชั่นผู้ชายสาย Sartorialist ในต่างประเทศมักนำรุ่น Beaufort ไปสวมทับเสื้อแจ็กเก็ตสูท หรือเบลเซอร์ มากกว่า Bedale เพราะความยาวที่มากกว่าทำให้มั่นใจได้ว่าเสื้อแจ็กเก็ต Barbour จะยาวเลยเสื้อเบลเซอร์ตัวในที่เขาใส่อยู่
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือปลายแขนเสื้อด้านใน ซึ่งรุ่น Bedale จะเป็น “แขนจั๊มป์” ที่กระชับเข้ากับข้อมือเพื่อกันลม แต่สำหรับ Beaufort จะเป็นปลายแขนที่ใช้การปรับด้วยแผ่น เวลโครเทป หรือที่คนไทยเรียกว่า ‘ตีนตุ๊กแก’ แทน ตรงนี้คือจุดที่ทำให้ Beaufort ดูด้อยกว่าเล็กน้อยในเรื่องของรายละเอียดการตัดเย็บ แต่สำหรับผู้ชายที่ชอบใส่กับเสื้อเบลเซอร์ด้านในก็จะพอใจกับรุ่น Beaufort มากกว่า เนื่องจากปลายแขนเสื้อจะไม่ไปรัดปลายแขนเบลเซอร์ตัวในของเขาเหมือน Bedale ครับ
และจุดสุดท้ายที่น่าจะเป็นข้อแตกต่างที่มีประโยชน์ที่สุดของ Beaufort นั่นก็คือ ช่องกระเป๋าขนาดใหญ่ด้านหลังตัวเสื้อที่คุณสามารถรูดซิปเปิดเพื่อเข้าถึงได้ทั้งทางซ้ายและขวา Barbour เรียกช่องกระเป๋านี้ว่า ‘Game Pocket’ เพราะมีไว้เพื่อใส่ลูกกระสุนปืนสำหรับล่าสัตว์ตั้งแต่สมัยที่กิจกรรมดังกล่าวเปรียบเสมือน “เกมส์” ที่คนอังกฤษนิยมทำเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
ปัจจุบันกระเป๋าช่องนี้อาจไม่ได้ใช้ใส่กระสุนปืนเพื่อล่าสัตว์เล่นอีกต่อไปแล้ว แต่ Barbour และแฟนๆ ของแจ็กเก็ตรุ่นนี้ก็ยังคงเรียกว่า Game Pocket อยู่ และปรับการใช้สอยโดยการเอาไปใส่สัมภาระอย่างอื่นแทน ทำให้เสื้อตัวนี้มีประโยชน์มากเมื่อใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว เพราะ Game Pocket มีขนาดที่ใหญ่ราวกับกระเป๋าเป้ใบย่อมๆ ให้คุณสามารถใส่พาสปอร์ต, กระเป๋าตังค์, หนังสือหรือโบรชัวร์นำเที่ยว, ขวดน้ำ หรือแม้แต่ iPad ก็ยัดได้สบายมาก (ถ้าคุณต้องการ)
Wear Barbour ‘Beaufort’ with ‘Style’
เหมือนเป็นภาคบังคับหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ MenDetails มองว่าถ้าอยากจะได้ Waxed Jacket ยี่ห้อ Barbour ที่เป็นเวอร์ชั่น Original Classic จริงๆ แล้วล่ะก็ สีเขียว อย่างสี Sage หรือ สี Olive Green คือสีที่คุณควรค้นหามาเป็นเจ้าของกัน และสีเขียวเองนั้นช่วยเหลือได้มากในเรื่องของสไตล์สำหรับผู้ชายอีกด้วย
สีเขียวของ Barbour ‘Beaufort’ ตัวนี้ทำให้ดูเผินๆ คล้ายเสื้อแจ็กเก็ตทหารอย่าง M-59 หรือ M-65 ซึ่งโทนสีเขียวเข้ากันได้ดีกับสียอดฮิตของผู้ชายแทบทุกสี ไม่ว่าจะเป็น สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีน้ำเงิน ฯลฯ อีกทั้งยังตัดกับกางเกงยอดฮิตของผู้ชายไทยอย่างกางเกงยีนส์ได้เนียนตา ส่วนรองเท้าสามารถใส่ได้ทั้งรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้า Chelsea Boots ที่ให้อารมณ์คล้ายนักร้องนักดนตรีอย่าง Alex Turner แห่งวง Arctic Monkeys หรือแม้แต่รองเท้าทรง Derby อย่าง Norwegian Shoes คู่นี้ของ Carmina Shoemaker ที่ MenDetails เลือกสีเบอร์กันดีมาตัดกับสีน้ำเงินของกางเกงยีนส์ และไปกันได้ดีกับสีเขียวของ Barbour Beaufort ท่อนบนแบบไม่มีสะดุด
หากเดินทางไปยังประเทศหรือสถานที่ที่มีอากาศหนาวเย็น แจ็กเก็ต Barbour ‘Beaufort’ ตัวนี้สามารถเป็นเสื้อกันหนาวชั้นดีได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถกันลมและฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เราสามารถใส่เสื้อชั้นในสำหรับกันหนาว หรือที่เรียกว่า “ลองจอห์น” จากนั้นสวมเสื้อเชิ้ตหรือ Down Jacket นิ่มๆ ทับลงไป แล้วคลุมอีกชั้นด้วย Barbour Jacket เราพบว่าสามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นได้อย่างดี แม้ในอุณหภูมิที่ต่ำขนาด 0 องศาก็ไม่มีหวั่น แต่นั่นก็กลายเป็นข้อเสียข้อใหญ่ของแจ็กเก็ตตัวนี้เช่นกัน เพราะทำให้เราไม่สามารถใช้งาน Barbour ‘Beaufort’ ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยได้หลากหลายนัก
จากความเชื่อที่ว่า “คุณภาพ ย่อมดีกว่า ปริมาณ” การจะหาเสื้อแจ็กเก็ตสักตัวที่สามารถกันหนาว, กันลม และ กันฝน ได้ด้วย อีกทั้งมีความคลาสสิกด้วยคุณภาพการตัดเย็บที่ดี และสไตล์ที่ไร้กาลเวลา ชนิดที่คุณสามารถยกเป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานได้ (ถ้าไม่ใช้งานแบบทิ้งๆ ขว้างๆ) MenDetails เชื่อว่า Barbour ทั้งรุ่น Bedale และ Beaufort สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ไม่ยาก เป็น MDs’ Style Icons ที่เปรียบดังของขวัญจากชาวสก๊อตแลนด์สู่สไตล์ของผู้ชายทั่วทุกมุมโลกตลอดไป