มักจะเป็นปัญหาอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยครับ? เวลาเราเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่แว่นตา มักจะมีสินค้าบางประเภทที่มาในรูปแบบเดียวกัน แต่ Finishing ไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นลักษณะ “มันวาว” กับ “แบบด้าน” หรือที่ต่างชาติเรียกว่า “Gloss” และ “Matte” และมันก็จะตามมาด้วยคำถามที่ว่า “แบบไหนดีกว่ากัน”
ถ้าให้ตอบตามสไตล์แบบ MenDetails แล้วนั้น คงจะพูดได้ว่า สิ่งสำคัญมากกว่าคือ “คุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน” แต่ก็นั่นละครับ ด้วยผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน มันย่อมมีคุณสมบัติที่ต่างกันอยู่บ้าง และขั้นตอนในการทำที่ใส่ใจรายละเอียดไม่เท่ากัน วันนี้เราเลยขอแนะนำด้วยรายละเอียดที่พอเข้าใจได้ ให้ทุกท่านได้รู้จักกันครับว่า Finishing แบบไหน ให้ Effect แบบใด
ความแข็งแรงเหมือนกันหรือไม่?
-TVR® Arnel Collection นั้นผลิตจากวัสดุโบราณอย่าง Celluloid เป็นต้น-
กล่าวกันเลยครับว่า การทำ Finishing นั้นคือขั้นตอนจบงาน (ตามชื่อ) ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น วัสดุที่นำมาใช้ผลิตตัวแว่นตาจะเป็นตัวเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าความแข็งแรงคงทนจะแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ถึงแม้ว่าวัสดุบางประเภทเช่น Acetate กับ Celluloid จะมีความแกร่งและความยืดหยุ่นไม่เหมือนกันก็ตามที แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำ Finishing อยู่ดีนั่นเอง
ดังนั้นเรื่องความแข็งแรงจึงถือว่าไม่มีผลครับ ทั้งคู่แข็งแรงเหมือนกัน เพราะความด้านหรือมัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากวัสดุ แต่เป็นการทำ Finishing ด้วยการขัดผิวของวัสดุเป็นหลักครับ
ผิวสัมผัสแบบใด ใช้กระบวนการผลิตยาวนานกว่ากัน
โดยปกติแล้วนั้น การทำผิวสัมผัสต่างๆ ถือเป็นขั้นตอนท้ายๆ ของการทำแว่น ซึ่งโรงงานส่วนมากมักจะนิยมทำ Finishing แบบ Gloss หรือมันวาวก่อนเสมอ โดยการนำเอาตัวแว่นที่ประกอบเสร็จแล้ว เข้าเครื่องขัดละเอียดปัดให้ชั้นผิวมันวาวปรากฏขึ้น นั่นหมายความว่า การทำ Gloss Finishes มีกระบวนการที่น้อยกว่า เพราะหลังจากได้ Gloss Finishes แล้ว ทางโรงงานแว่นจะนำไปเข้าเครื่องขัดอีกรอบ เพื่อให้ได้ Matte Texture ตามรูปแบบของทรงแว่น อีกทั้งการทำขั้นตอนนี้ทีหลัง จะช่วยให้ช่างเห็นรายละเอียดในส่วนที่ยังไม่ได้ขัดได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Gloss Finishes ถือเป็นแว่นพื้นฐาน
-นอกเหนือจาก Finishing แล้ว ยังมีเรื่องทรงและสีให้ตัดสินใจอีกนะครับ ในรูปคือ TVR® 512 JD Collection-
อ่านมาถึงจุดนี้ เริ่มจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยครับว่า ทำไมร้านแว่นส่วนมากจึงไม่ค่อยมีผิวสัมผัสแบบ Matte Finishes ให้ทุกท่านได้เลือกซื้อกัน เนื่องจากขั้นตอนที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ดังนั้น แว่นพื้นฐานส่วนมากในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม มักนิยมผลิตแบบ Gloss Finishes เป็นหลัก ซึ่งผิวสัมผัสดังกล่าวก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ในตัว
หากคุณกำลังตามหาแว่นสักอันที่สามารถสร้าง Statement ให้กับตัวเอง การหยิบทรงแว่นดีๆ ที่จบด้วย Gloss Finishes ก็ถือเป็นการดึงความสนใจมาที่ใบหน้าและดวงตาได้ดีเยี่ยมทีเดียว
Matte Finishes นั้นสำหรับคนที่ Sophisticated สักหน่อย
นอกจากจะทำยากกว่าแล้ว ตัวแว่นยังมี Texture ในแบบของตัวเองอีกด้วย ไม่ตะโกนดังออกมาจากใบหน้า การเลือกใส่แว่นตาที่ผิวสัมผัสเป็นแบบ Matte Finishes จึงดูจะเหมาะกับผู้ชายที่ Sophisticated สักหน่อย เพราะทราบดีว่า แว่นแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ในท้องตลาดนั่นเอง
ข้อดีอีกอย่างของผิวสัมผัสแบบด้านก็คือ ตัวแว่นจะไม่สะท้อนแสงแดดแล้วแยงเข้าตาในบางองศา ทำให้การมองเห็นั้นสบายตาขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ที่ยากยิ่งกว่าคือการนำเอาผิวสัมผัสทั้ง 2 มารวมกันในแว่นตาอันเดียว
-TVR® JD 504 DuoMatte Collection ที่มาพร้อมผิว Gloss ด้านนอก และ Matte ด้านใน-
เนื่องจากผิวแบบ Gloss Finishes นั้นดีต่อการสร้าง Statement Eyeglasses แต่ด้านในหากเป็น Gloss Finishes แล้วนั้น อาจมีคุณสมบัติสู้ Matte Finishes ไม่ได้ ซึ่งขั้นตอนในการผลิตก็จะยิ่งทำได้ยากเข้าไปอีก เพราะต้องจบด้วยขั้นตอนขัดให้เป็นเม็ดทรายละเอียด ซึ่งถ้าพลาดนิดเดียวก็จะทำให้ Effect เปลี่ยนไปทั้งชิ้นงาน ซึ่งเราเชื่อว่า ในตลาดแว่นตานั้น น่าจะหาได้ยากมากๆ แล้วสำหรับการทำ Finishing ทั้ง 2 แบบในอันเดียว
โดยส่วนมากแล้ว คนส่วนใหญ่มักสรุปกันว่า แว่นแบบ Matte Finishes นั้นเหมาะสำหรับการออกกำลังกายหรือออกแดดเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะการสะท้อนของแสงที่จะวิ่งเข้าตานั้นน้อยกว่าแบบ Gloss Finishes ค่อนข้างมาก แต่ถ้าต้องการ Statement Eyewear สักอัน แนะนำ Gloss Finishes ไปเลยครับ ดีต่อภาพลักษณ์แน่นอน