ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่าน ไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า Work From Home กับการทำงานหรือนั่งเรียนอยู่ที่บ้าน ด้วยชุดที่ใส่สบายที่สุด ใส่ง่ายที่สุด จนบ่อยครั้ง เราอาจเลือกทำงานในชุดนอนเลยก็มี หากแต่ในปีนี้อาจมีใครหลาย ๆ คน ต้องเดินทางไปทำงานบ่อยขึ้น มีการเข้าบริษัทมากขึ้น การหยิบจับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายตัวโปรดออกมา แต่งตัว ไป ทำงาน อาจเป็นสิ่งที่กลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง บางองค์กรอาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น Tech Company ทั้งหลาย หรือบริษัท Start Up ก็มักมี Dress Code อันเป็นที่รู้กัน อย่างเช่น เสื้อ Hoodie สวมทับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ กับรองเท้าผ้าใบคู่โปรด หรือบริษัทบางแห่ง ก็ยังคงเลือกที่จะให้พนักงานแต่งตัวแนว Smart Casual มาทำงาน
โดยความคิดเห็นส่วนตัวของเรานั้น ถึงแม้ว่ากฏระเบียบต่าง ๆ อาจเปลี่ยนแปลงไป การเลือกแต่งตัวอาจเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลและปัจจัยอื่น ๆ ทว่า การเลือกใส่เสื้อผ้าที่เสริมความมั่นใจ และทำให้คุณดูดีในทุก ๆ วันที่ได้แต่งตัวไปทำงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังเป็นการให้เกียรติเพื่อนร่วมงานและบุคคลอื่นในสังคมอีกดัวย วันนี้ MenDetails จึงขอแนะนำการแต่งตัวเรียบง่าย แต่ใส่ได้เกือบทุกโอกาสและทุกสถานการณ์ มาให้ทุกท่านได้เลือกหยิบไป แต่งตัว เพื่อเริ่มต้นวัน ทำงาน ในปีใหม่นี้กันครับ
Shacket Style
ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา คำว่า Overshirt ถือเป็นคำที่เรามักได้ยินติดหูอยู่บ่อย ๆ ครับ เนื่องจากการแต่งตัวแบบมี Layering เพิ่มอีกสัก 1 ชิ้น จะช่วยให้ Look โดยรวมของคุณดูดีขึ้นได้จริง นำเทรนด์สไตล์ดีโดยซีรีย์เกาหลีที่มักให้นักแสดงเลือกแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยเสื้อยืดพอดีตัวด้านใน จับคู่กับกางเกง Chinos หรือ Jeans ทรงสวยสักตัวหนึ่ง ก่อนจะจบ Total Look ด้วยเสื้อ Overshirt หรือ Shacket ทับอีก 1 ชั้น เพื่อเพิ่ม Layer ให้กับการแต่งตัว เรียกว่าใส่หน่อย แต่ได้มาก
ถึงแม้ว่าสไตล์ลักษณะนี้ จะมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับ Streewear ค่อนข้างสูง แต่การเลือกใส่เสื้อที่มีโลโก้ชัด ๆ เด่น ๆ อาจไม่คงทนและ Timeless สักเท่าไร แนะนำเป็นเสื้อผ้าเรียบ ๆ หรือโลโก้เล็ก ๆ เป็นสำคัญ อาจเพิ่มสีสันให้น่าสนใจมากกว่าแค่สีขาว / เทา / ดำ ก็ช่วยเพิ่มรายละเอียดในการแต่งตัวได้ละครับ ตบท้ายด้วย Classic Sneakers อย่าง New Balance / Nike Killshot 2 / adidas Stan Smith / Sperry Boat Shoes ก็เป็นอันครบถ้วน เรียกว่าง่าย แต่ดูดีแน่นอนครับ
Hybrid Worker
เชื่อว่ามีหลาย ๆ ท่านที่ติดใจการแต่งตัวแบบสบาย ๆ ใส่อะไรง่าย ๆ และหลวมสักหน่อย การเลือกเดินเข้าที่ทำงานแบบใส่ชุดจัดเต็ม ณ ตอนนี้ จึงยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เราจึงขอแนะนำสไตล์ลูกผสมที่น่าจะสอดรับเข้ากับความต้องการของคุณได้บ้าง นั่นก็คือการเลือกใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างโปร่งสบาย แนะนำลองเป็นเสื้อโปโลผ้า Knit ที่ช่วยระบายอากาศได้ดี แถมยังได้ความนุ่มที่ไม่เป็นรองเสื้อยืดแต่อย่างใด จับคู่กับกางเกงทรงหลวมก็ได้ หรือจะ Trousers ทรงทรงก็เท่เช่นกัน
หรือจะเน้นความสบายขั้นสุด ด้วยเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้ยืดหยุ่นได้สูงอย่างกางเกง HOMME PLISSE ISSEY MIYAKE ก็ได้เช่นกัน ถือเป็นตัวเลือกที่นำมาปรับให้เข้ากับการแต่งตัวได้หลากหลายมาก ๆ จนเราอยากบอกต่อครับ ปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสักคู่หนึ่ง แค่นี้ก็ดูดีแล้วครับ แถมยังได้ความสบายผูกติดไปด้วยตลอดทั้งวัน
American Preppy
ถือเป็นสไตล์ที่ยืดหยัดมาได้อย่างยาวนานกับ American Preppy Style ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต Oxford Cloth Button Down หรือ Navy Blazer สักหนึ่งตัว จับคู่กับกางเกง Khaki Chinos เอวสูงสักหน่อย เสริมด้วยเข็มขัดสักเส้นหนึ่ง พร้อมใส่คู่กับ Penny Loafers บอกเลยครับว่า สไตล์นี้ยังไงก็ไม่มีตกยุค Classic และ Timeless สุด ๆ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรให้มากมายเสียด้วยซ้ำไป เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีเสื้อผ้าเหล่านี้ให้เลือกซื้อหาได้อย่างไม่ขาดมือ
ความง่ายและสนุกของสไตล์นี้คือ คุณสามารถปรับได้เยอะครับ จะเอา Jacket ออก ใส่แค่เสื้อเชิ้ตอย่างเดียวไปทำงาน ผูกหรือไม่ผูก Necktie ก็ได้ เปลี่ยนจากรองเท้าหนังเป็นผ้าใบก็ได้ เรียกว่าปรับให้ Smart Causal หรือ Casual Wear ได้ทั้ง 2 อย่างเลยครับ ตัวเลือกที่สำคัญคงหนีไม่พ้นเสื้อเชิ้ตที่พอดีตัว และ Cutting สวยงามโดยเฉพาะช่วงปกที่โค้งสวยเป็นรูปตัว S อย่างแบรนด์ Kamakura Shirts น่าจะช่วยทำให้ Total Look ดูดีขึ้นได้ง่าย ๆ ไม่ต้องปรับอะไรมากครับ
ทั้งหมดที่กล่าวมา ถือเป็น 3 สไตล์ง่าย ๆ ที่คุณสามารถหยิบขึ้นมาใส่ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานได้อย่างสนุกมือ และปรับให้ตัวเองใส่เสื้อผ้าได้นานขึ้น ไม่เปลี่ยนตามเทรนด์มากจนเกินไป เน้นความ Classic ใส่ได้นาน ๆ เพราะช่วง Pandemic ที่ผ่านมา หลาย ๆ ท่านน่าจะเริ่มเห็นแล้วว่า มีเสื้อผ้ามากมายแค่ไหนที่เราไม่ได้หยิบออกมาใช้งานสักครั้งเดียว หรือไม่ก็ใส่แบบนับครั้งได้ ปีนี้ลองเริ่มใหม่ครับ ลองหยิบมาใส่ให้บ่อยจนขาดไปข้างหนึ่ง แบบนั้นจึงถือเป็นการลงทุนซื้อที่คุ้มค่ากว่าเป็นไหน ๆ จริงมั้ยครับ