หากคุณกำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงหน้าหนาวนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบยุโรปหรือเอเชีย ที่มีอุณหภูมิอยู่ที่เลขเดียวหรือหลัก 10 ต้นๆ นอกจาก Jacket ตัวนอกที่ต้องกันลมกันฝนแล้ว หลายๆ ท่านมักลืมนึกถึงเสื้อผ้าชิ้นสำคัญที่ซ่อนอยู่ด้านในสุดอย่าง Base Layer เพราะนี่ถือเป็นด่านสำคัญที่ทำหน้าที่กักเก็บความร้อนให้อยู่กับตัวให้ได้มากที่สุด วันนี้เรามาลองทำความรู้จักกับ Base Layers จริงๆ กันสักครั้งครับ ก่อนที่จะไปเรียนรู้เรื่อง Layering ที่เราเคยกล่าวไป
Base Layer คืออะไร?
ในขณะที่คุณกำลังนั่งคิดถึงเสื้อยืดหลากสี / Hoodie ตัวหนา หรือ Sweater ผ้า Cotton แต่เสื้อผ้าชิ้นที่อยู่ติดตัวคุณทั้งวันเลยก็คือ Base Layer ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บความร้อนไว้ให้ใกล้ตัวที่สุด เสื้อผ้าชิ้นนี้จึงทำหน้าที่เหมือนเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 ให้กับร่างกายเพื่อสู้กับอากาศหนาวๆ ข้างนอก และนอกจากจะต้องกักเก็บความร้อนแล้ว ยังต้องผลักเอาเหงื่อและน้ำออกจากตัวผ้าให้ได้เร็วที่สุด
Base Layer นั้นถูกคิดค้นและผลิตด้วยวัสดุที่หลากหลายครับ ดังนั้นคุณอาจต้องเลือกสักหน่อย เพราะถ้ายิ่ง Base Layer ให้ความสบายกับร่างกายของคุณมากเท่าใด ความต้องการชั้น Insulated ก็อาจจะไม่มากอย่างที่คิดนั่นเอง
ควรซื้อแบบหลวม หรือรัดแน่น?
ขึ้นชื่อว่า Base Layer ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผิวชั้นที่ 2 ของร่างกายเรา Base Layer ที่ดีจึงควรรัดตัวหน่อยๆ เพื่อกักเก็บความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ไม่ควรใส่หลวม แต่ก็ไม่ควรใส่จนแน่นอึดอัดนะครับ แน่นแต่ขยับได้สะดวก อาจทำความเข้าใจยากสักหน่อย และยิ่งส่วนใหญ่แล้ว Base Layer ไม่ค่อยมีให้ลอง (นอกจากบางร้าน) แนะนำให้วัดรอบอกก่อนค่อยเลือกซื้อจะดีที่สุด
Base Layer ที่ดีต้องดึงเอาเหงื่อและน้ำออกจากผิวให้เร็วที่สุด
ในสภาพอากาศที่หนาว สิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งคือเหงื่อที่ร่างกายผลิตออกมาขณะขยับตัว หากชั้น Base Layer ไม่สามารถผลักเอาเหงื่อดังกล่าวออกจากผิวให้ได้เร็วที่สุด ตัวเหงื่อจะเย็นขึ้นตามความเย็นของสภาพอากาศ และทำให้ผิวของคุณต้องเผชิญกับความเย็นโดยตรง ดังนั้น Base Layer ที่ดี ต้องมีคุณสมบัติในการผลักน้ำออก หรือที่บริษัทหรือผู้จัดจำหน่ายมักใช้คำว่า Wicking นั่นเอง
ผลิตจาก Natural Fibre หรือ Synthetic
สำหรับวัสดุทางธรรมชาติที่นิยมนำมาทำเป็น Base Layer นั้น จะเป็นผ้า Merino Wool หรือขนจากแกะ Merino นั่นเอง ซึ่งเหมาะกับคนที่ผิว Sensitive และด้วยขนแกะ Merino มีการกักอากาศอยู่ภายในตัวขน ทำให้สามารถกัดความร้อนกระจายตัวออกได้ดี แถมมี Anti-Bacteria ในตัวอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ Merino Wool มักมีราคาแพง และแห้งช้ากว่าผ้าใยสังเคราะห์
สำหรับวัสดุสังเคราะห์นั้น จะสามารถดึงความชื้นออกจากผิวได้เร็วกว่าวัสดุทางธรรมชาติมาก แถมยังสามารถใส่เทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมายไว้บนผิวผ้า เช่น Omni-Heat 3D Technology จากแบรนด์ Columbia ที่หยิบเอาเทคโนโลยีจากองค์การนาซ่ามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเป็นต้น
สิ่งสำคัญที่คุณควรให้ความสำคัญก็คือ Base Layer มีความหนาที่หลากหลายครับ ซึ่งเหมาะสมกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ Light / Med และ Heavy Weight ดังนั้นคุณควรศึกษาสภาพอากาศของประเทศที่คุณกำลังจะเดินทางไปเสียก่อน ก่อนจะเลือกซื้อ Base Layer มาใช้งาน