The Godfather เป็นภาพยนตร์แนวมาเฟีย อาชญากรรมชื่อก้องโลกที่แทบทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี และในปี 2022 นี้ก็เป็นปีครบรอบ 50 ปีจากการฉายครั้งแรกของ The Godfather ภาคแรกในปี 1972 MenDetails จึงอยากที่จะแนะนำสไตล์เด็ด ๆ สุดไอคอนิคที่ทุกคนจดจำได้ดีจากภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะชื่อเดอะก็อดฟาเธอร์นอกจากที่ทุกคนจะรู้ได้ถึงความเข้มข้นและความโหดร้ายในโลกของมาเฟียหรือผู้มิอิทธิพลเชื้อสายอิตาลีในดินแดนสหรัฐช่วงปี 1950 หนังเรื่องงนี้ยังถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นถึงความพิถีพิถันและอิทธิพลของแฟชั่นสูทจากชาวยุโรปที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามายังดินแดนสหรัฐและพัฒนากลายเป็นรากฐานสไตล์ที่สำคัญกับบทความ สไตล์จาก The Godfather
ฉากเปิดตัวสุดคลาสสิค กับวลีเด็ด และ สไตล์จาก The Godfather ตัวจริง
“I’m gonna make him an offer he can’t refuse.” เป็นประโยคที่ดอนวีโต้ คอลีโอเน่กล่าวขึ้นหลังจากที่มีคนมาขอความช่วยเหลือให้ท่านดอนใช้อิทธิพลแทนเมื่อกฎหมายไม่เป็นธรรม และสำหรับสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้วลีเด็ดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นนั้น คือ ชุดทักซิโด้ในฉากที่ดอนวีโต้สวมใส่ในงานแต่งงานของลูกสาว โดยพื้นฐานแล้วการใส่ทักซิโด้ที่ใกล้เคียงกับเจ้าบ่าวในธรรมเนียมงานแต่งอาจจะเป็นสิ่งที่ยากเพราะจะไปดึงดูดความน่าสนใจมากเกินไป แต่สำหรับดอนวีโต้ในเดอะก็อดฟาเธอร์นั้น เขาเลือกใส่ทักซิโดสามชิ้นสีดำ ในแบบ Continental Cut หรือ ที่ดูแล้วเน้นความสบายในการสวมใส่มากกว่าความเข้ารูปโดยเฉพาะช่วงเอวและสะโพก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โคร่งจนเกินไป ซึ่งดอนวีโต้นั้นเลือกปกแบบ Notch lapel ที่ค่อนข้างกว้าง มีการฉาบเงาอยางถูกต้องตามหลักที่เรียกว่า Trim และถือเป็นตัวเลือกแบบที่หาได้ยากของปก Tuxedo Jacket ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Peak และ Shawl lapel มากกว่าครับ
ในพาร์ทของกางเกงนั้น ดอนวีโต้ คอเลโอเน่ เลือกที่จะแมทช์กางเกงของเขากับแจ็กเกตได้อย่างดี และถือเป็นทรงมาตรฐานสำหรับในยุคช่วง 1930-1950 ที่นิยมใส่กางเกงแบบ Full Break และไม่เข้ารูป ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งการใส่ทักซิโด้โดยปกติที่จะต้องใส่คู่กับเสื้อ Tuxedo Shirt แบบ Wing Collar หรือปกคอปีกนก ซึ่งจะมีการพับปลายปกลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้การผูกหูกระต่ายนั้นโดดเด่น และเข้าคู่กันดีกับปลายแขนแบบ French Cuff ที่ดอนคอเลโอเน่ใช้ สุดท้าย Don Vito Corleone เลือกที่จะจบลุคด้วยรองเท้าหนัง Black Calf Oxford Shoes อันเป็นไอเท็มมาตรฐานสำหรับงานกลางคืน หรืองานที่เน้นความเป็นทางการสูงนั่นเอง
Silk Suit ใน Business Casual ของ Michael Corleone
ในภาคสองด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและการดับเนินเรื่องที่สลับ Timeline ระหว่างสองช่วงนั้น เราจะได้เห็นผู้มารับอำนาจต่อในการเป็น The Godfather โดยตัวละคร Michael ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของท่านดอน Vito นั้น ความโดดเด่นของดอนไมเคิลที่มารับช่วงต่อนั้น ถือได้ว่าบทบาทและอิทธิพลความโหดเหี้ยมไม่เป็นสองรองใครในการมารับช่วงหัวเรือใหญ่ธุรกิจประจำตระกูล นอกจากนั้นในการไปเคลียร์ปัญหาทางธุรกิจที่คิวบาตามท้องเรื่อง จนถึงการกลับมาบริหารกิจการที่ลาสเวกัส เราจะได้เห็น Michael Corleone ใส่สูท Dupioni สีเทาอ่อน ซึ่งเผยให้เห็นถึงลายและความมีคราบจุดขาวและดำเล็ก ๆ อันเป็นจุดเด่นของเนื้อผ้าประเภทนี้ครับ
ส่วนของโครงสร้างสูท ถือได้ว่าไม่ได้หนีจากความเป็นอิตาเลียนเท่าไหร่ ด้วยความเป็น 3 roll 2 suit มีกระดุมด้านหน้า 3 เม็ด และกระดุมที่ปลายแขนทั้งสองข้าง ข้างละ 3 เม็ดเช่นกัน และไม่มีการผ่าบริเวณชายด้านหลัง ซึ่ง MenDetails อยากให้เราพิจารณาดูดี ๆ ว่าสูทที่ไมเคิลใส่นั้น ไม่ได้เป็นแบบ Neapolitan หรือ Florentine ที่ชัดเจนมาก หากแต่ว่าเป็นการผสมผสานหลายรูปแบบไว้ด้วยกัน เช่น Flap pocket ที่สะโพกบนแจ็กเกต ก็เป็นดีเทลของสูทสไตล์อังกฤษครับ โดยไมเคิลใส่แจ็กเกตนี้ค่อนข้างที่จะบ่อยในเรื่อง ใส่คู่กับกางเกง double backward pleated และเข็มขัดซึ่งถือว่าเป็นปกติของแฟชั่นที่นิยมใส่ในสหรัฐ
Power Suit ของ The Godfather
สูทตัวโปรด หรือสูทที่ใส่แล้วดูดี น่าเชื่อถือ มีอำนาจและภูมิฐานมากที่สุด ที่เรียกกันว่า Power Suit ในภาคสองเช่นเดียวกันนี้ Michael ได้เลือกสวมสูทกับฉากอมตะหลังจากงานศพของแม่เขา เป็นสูทสีดำ 3 ชิ้นหรือ Black Three-piece suit ที่แม้ว่าตัวสูทจะเป็นสีดำทั้งสามชิ้น ไม่มีลวดลายหรือลูกเล่นอะไรโดดเด่น แต่นั่นทำให้เราได้เห็นว่า Michael Corleone นั้นใส่ใจกับเรื่องของชุดให้มีความเข้ากับพิธีการต่าง ๆ เป็นอย่างดี และงานศพเป็นงานที่ต้องการความเป็นทางการสูงสุด การใส่สูทสีดำเข้มสนิทที่ไม่มีลวดลายจึงเป็นอะไรที่เหมาะสมแล้ว และเพิ่มระดับความเป็นทางการด้วย Vest ปกปิดบริเวณช่วงเอวได้อย่างดี และอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในชุดนี้ คือ ผ้า ไมเคิลเลือกใส่เป็นสูทที่ตัดจากผ้าวูลผสมโมแฮร์ อันเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในช่วงยุค 1950 – 1960 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมันเงาให้กับสีสันของชุด ดูไม่เรียบจนเกินไป อีกทั้งผ้าวูลที่ผสมโมแฮร์นั้น จะมีความเบาสบาย แต่อยู่ทรงและทิ้งตัวไม่ยับได้อย่างดีเลยครับ
แม้ว่า The Godfather จะเป็นภาพยนตร์ที่มีอายุมาแล้วกว่า 50 ปี แต่ด้วยสไตล์และอิทธิพลบวกกับความใส่ใจของแฟชั่นในวงการ Hollywood ยุคนั้น ก็ถือได้ว่าสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ออกมาอย่างลงตัวและสุดยอด ทั้งในเรื่องของเนื้อหา การแสดงแล้ว ยังรวมไปถึงการเก็บดีเทลในส่วนของแฟชั่นให้มีความเข้ากับบทบาท เนื้อเรื่องและเชื้อชาติธรรมเนียมการใส่สูทตามเนื้อหาอีกด้วยครับ