หนึ่งสิ่งที่เรามองหาสำหรับกระเป๋าสตางค์สำหรับสุภาพบุรุษเลยก็คือ “ต้องสามารถใส่บัตรได้จำนวนหนึ่ง” เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า เมืองไทยเป็นเมืองแห่งบัตร ไม่ได้ว่าจะเป็นบัตรร้านค้า / บัตรโดยสาร / บัตรเครดิต / บัตรพนักงาน ฯลฯ ทำให้การหากระเป๋าสตางค์สักใบที่ถูกจริต เป็นเรื่องยากมากทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดเราก็พบกับกระเป๋า Bi-Fold ที่ Design ออกมาเรียบง่าย จุบัตรได้เยอะ (สูงสุดถึง 10 ใบ) นั่นคือ Bellroy Note Sleeve ‘RFID’ (อ่าน First Impression ได้ที่นี่เลย)
เราเลือกใช้ Bellroy ใบนี้เป็นกระเป๋าสตางค์หลัก และใช้ทุกวันเป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็มๆ เพื่อจะได้เขียนรายละเอียด “สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ” ได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
ถ้าคุณตามอ่านมาได้สักพัก จะพอทราบครับว่า “เราเป็นพวก Minimalism” ถ้าพูดถึงกระเป๋าสตางค์ การใช้ Bellroy เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม จึงเป็นเวลาที่พอเหมาะพอดี ที่จะกลับมาเขียนให้ทุกท่านได้ทราบว่า “อะไรคือสิ่งที่เจ๋ง และอะไรคือข้อสังเกต” ว่าแล้วก็ตามมาเลยครับ
ความแข็งแรงทนทาน
-ใส่กระเป๋าไว้ในกระเป๋าหน้าของกางเกงยีนส์ ก็ยังคงรูปได้ดีพอตัวเลยครับ-
ถือเป็นข้อแรกๆ ในการตัดสินใจซื้อของใครหลายๆ คน “กระเป๋าสตางค์ควรแข็งแรง” ไม่ใช่ว่าต้องทนการฉีกขาดได้ดีหรืออะไรนะครับ แต่ต้องทนต่อเหงื่อ / น้ำ และสามารถคงสภาพได้ดี ไม่บิดเบี้ยวแบบไร้ทิศทาง ซึ่งเจ้า Bellroy Note Sleeve ใบนี้ถือว่าสอบผ่านเลยแหละ เนื่องจากว่าเจ้า Bellroy นั้นอยู่เกือบทุกกิจกรรมครับ ไม่ว่าจะออกแดด / ถ่ายรูป / เดินทางโดยรถไฟฟ้า หรือแม้แต่เดินไปประชุมที่ต่างๆ บอกเลยว่าทนเหงื่อได้ดี และที่สำคัญ ไม่ส่งกลิ่นเหม็นอีกด้วย (ภายในบุด้วยผ้าด้านใน ทำให้หนังไม่ดูดกลิ่นของธนบัตร) และถ้าดูจากสภาพโดยรวม มันยังคงรูปร่างสวยงาม ไม่แพ้จากวันแรกที่เราแกะกล่องเลย
คุณภาพของวัสดุและการตัดเย็บ
หนึ่งเดือนถือเป็นจุดที่ชี้วัดอะไรได้ไม่มากก็จริง แต่ถ้ากระเป๋าสตางค์นั้นตัดเย็บออกมาไม่ดี จุดที่เย็บต่างๆ คงหลุดออกมาเรียบร้อยแล้วหล่ะครับ เพราะเราหยิบใช้มากกว่าครั้งเดียวต่อวันแน่นอน ส่วนเรื่องคุณภาพหนัง ถือว่าสอบผ่านแบบหายห่วง แต่ต้องเรียนแจ้งก่อนเลยว่า “ตัวกระเป๋าง่ายต่อการเกิดรอยเป็นอย่างยิ่ง” เนื่องจากคุณภาพที่ดีเยี่ยม กับความบางระดับนี้ ทำให้ตัวหนังเกิดรอยได้ง่าย ฉะนั้นถ้าคุณอยากได้กระเป๋าที่เป็นรอยยาก อาจต้องโบกมือลา Bellroy ได้เลย
จุบัตรได้เยอะจนน่าตกใจ แถมยังได้ความ Slim ที่ดูดี
ถือแม้ว่าตัวกระเป๋าจะไม่ได้บางจนสามารถเป็นกระเป๋าสตางค์สำหรับกระเป๋าเสื้อเชิ้ตได้ก็ตาม แต่ Bellroy Note Sleeve นั้นบางมากพอ และจุบัตรได้เยอะ (เราใส่แบบเต็ม Max เลยคือ 10 ใบ) แต่ขนาดก็ไม่ได้หนาขึ้นมากขนาดนั้นครับ เหมือนตัวกระเป๋านั้นสามารถพรางตาให้เรารู้สึก “มันก็ไม่ได้ใหญ่เลยนี่”
จุดที่เราชื่นชอบมากๆ เลยคือ “การหยิบใช้บัตรที่ง่ายดายเสียเหลือเกิน” ด้วยการจัดเรียงรูปแบบการเก็บบัตรซึ่งทำออกมาได้ดีเยี่ยม เวลาเราเปิดกระเป๋าออกมาจะเจอกับช่องใส่บัตรทั้งหมด 3 ช่องที่ใช้งานบ่อยที่สุด (ด้านซ้าย 1 ช่อง ด้านขวาอีก 2 ช่อง) แถมการเลือกใช้วัสุด 2 สี ยิ่งทำให้การหยิบใช้งานง่ายขึ้นไปอีก
ความเจ๋งที่แท้จริงคือ “คุณสามารถปิดตาคลำ ก็สามารถหาบัตรที่คุณต้องการได้อยู่ดี” เนื่องจากระบบ Organized ที่ดีงามของกระเป๋าสตางค์ ทำให้เวลาไปธนาคาร หรือทำธุรกรรมต่างๆ โดยให้บัตร นั้นสามารถหยิบใช้ได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั้งบัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ ที่ใช้งานไม่บ่อย ก็สามารถจัดเรียงไว้ในช่อง Pull-Tab ทำให้สะดวกรวดเร็วมากแบบ “คูณ 2” เลยแหละ
ตัวกระเป๋ามีช่องลับด้วยนะครับ เอาไว้ใส่เหรียญ / Sim Card / กุญแจ หรือ Micro SD Card ก็ได้ แต่เราไม่ได้ค่อยได้ใช้มันสักเท่าไร เพราะถ้าใส่ของใส่ช่องนี้ จะเกิดรอยบนหนังด้านนอกของตัวกระเป๋า แต่ถือเป็นเรื่องดีอยู่ดีครับที่มีช่องดังกล่าวเป็น Option
ข้อสังเกตจริงๆ คงมีอยู่แค่ 2 อย่างเท่านั้น
หลังจากที่ลองใช้งานมาได้ 1 เดือนเต็ม เราพอจะสรุปสิ่งที่เราไม่ค่อยชอบ และเป็นข้อสังเกตได้ 2 ข้อดังนี้ครับ
- ตัวกระเป๋านั้นเป็นรอยง่ายมากทีเดียว กล่าวคือถ้าคุณมีเล็บ และไม่ระวังมากพอ เรารับประกันได้เลยว่า กระเป๋าสตางค์ของคุณจะเป็นรอยแน่นอน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแรงกดเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายอะไรครับ เพราะสำหรับเรา “กระเป๋าสตางค์ยิ่งเก่า ยิ่งเท่” แต่สำหรับบางคน “อาจเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้” เลยอยากเรียนแจ้งไว้ก่อน
- Note Sleeve ใบนี้ ใส่แบงค์พันแล้วยับนะ! ใช่ครับแบงค์ 1,000.- นี่แหละ เนื่องจากความยาวของกระเป๋านั้น ไม่ได้ยาวมากพอสำหรับขนาดของแบงค์พันบ้านเรา ทางแก้สำหรับเราเลยคือพับครึ่งแล้วเสียบไว้แทน ซึ่งถ้าท่านใดไม่ชอบให้แบงค์ 1,000.- ยับเวลาใส่กระเป๋าสตางค์แล้วหล่ะก็ Note Sleeve อาจไม่ใช่ทางครับ
ถ้า 2 ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราคิดว่า Bellroy Note Sleeve ใบนี้เหมาะกับคนที่ชอบแนว Minimal และชื่นชอบกระเป๋าที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพ ตัดเย็บดี และมาพร้อมเทคโนโลยี RFID ที่ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต ณ ปัจจุบันอีกด้วย มาในราคา 3,950.- เท่านั้น ท่านสามารถหาซื้อ Bellroy Note Sleeve ‘RFID’ ใบนี้ได้ที่ YWC หรือ Bellroy Thailand ได้เลยครับ