ทุกท่านเคยสงสัยกันไหมครับว่า กางเกงยีนส์ที่เรากันทุกวันนี้ ไปจนถึงเสื้อแจ็คเก็ต กระเป๋าต่าง ๆ ทำไมบ้างครับถึงเรียกว่ายีนส์ บางครั้งเรียกเดนิม ตกลงเรียกอย่างไหนถูก หรือสรุปแล้วมันคืออย่างเดียวกัน เรียกสลับ ๆ กันไปน่าจะไม่เป็นไร แต่ถ้าจะให้ MenDetails ตอบ จริง ๆ แล้ว ยีนส์ กับ เดนิม มีความต่างกันอยู่ครับ และต่างกันตั้งแต่เรื่องต้นกำเนิดเลยก็ว่าได้
บทความนี้ของเรา จึงจะเป็นการตอบข้อสงสัย หรือความเข้าใจผิดของหลาย ๆ คนว่า สรุปแล้ว ยีนส์ กับ เดนิม ต่างกันอย่างไร และทั้งสองอย่างมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน รับรองว่าอ่านจบแล้วข้อสงสัยนี้จะกระจ่างแน่นอนครับ
ต้นกำเนิดของ เดนิม มีที่มาจากฝรั่งเศส
ระหว่างเดนิม กับ ยีนส์ หลายคนน่าจะสงสัยว่า ถ้าเราบอกว่าต้นกำเนิดของทั้งสองอย่างไม่เหมือนกัน แล้วอะไรเกิดก่อนกันแน่ คำตอบก็คือ เดนิม ครับ โดยมีต้นกำเนิดย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว
เดนิมนั้น จริง ๆ คือ ผ้าชนิดหนึ่งที่ใช้ผ้าฝ้ายมาทอให้เกิดความแข็งแรง ทนทาน ซึ่งเดนิมมีผ้าที่มีลักษณะคล้ายกัน และถูกหลายคนมองว่าเป็นรุ่นพี่ ก็คือผ้าที่เรียกว่า Dungaree เป็นผ้าที่ทางอินเดียผลิตมาเป็นร้อยปี ในขณะที่เดนิมที่เรารู้จักกันในปัจจุบันมีต้นกำเนิดจากเมือง Nîmes ในจังหวัด Gard แคว้น Occitanie ทางใต้ของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานย้อนไปได้ถึงสมัยโรมัน
โดยคำว่าเดนิม ที่เราใช้เรียกผ้าชนิดนี้นั้น ก็มาจากคำภาษาฝรั่งเศสว่า Serge de Nîmes หรือ ผ้า Serge จากเมือง Nîmes จนกลายมาเป็นชื่อที่ภาษาอังกฤษของมันว่า Denim นั่นเองครับ ซึ่งผ้า Serge นี้ ก็คือผ้าที่ใช้วิธีการทอแบบ Twill แบบเดียวกับเดนิมนั่นเองครับ แต่ในสมัยนั่นยังไม่มีคำว่าเดนิมเกิดขึ้น ก็เลยเป็นผ้า Serge จากเมือง Nîmes แทน
ซึ่งผ้าเดนิมนี้ สีที่ใช้ในการย้อมปกติ คือ สีคราม (Indigo) แต่ผู้ผลิตเดนิมแต่ละรายก็จะมีการฟอกสี หรือขั้นตอนต่าง ๆ ทำให้เกิดผ้าเดนิมสีฟ้าเฉดต่าง ๆ ให้ผู้ซื้อได้เลือกอย่างในปัจจุบัน และในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตเดนิมยังใส่วัสดุอื่น ๆ ลงไปในขั้นตอนการผลิตและทอผ้าร่วมกับใยฝ้าย เช่น เส้นด้ายอีลาสเทน (Elastane) สแปนเด็กซ์ (Spandex) หรือ ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เพื่อให้ได้ผ้าเดนิมที่มีความยิดหยุ่นมากขึ้น รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้อมสีอื่น ๆ เพื่อให้ได้เดนิมสีดำ สีขาว เป็นต้น
ในช่วงศตวรรษที่ 20 ผ้าเดนิมถือเป็นผ้าที่มีความทนทาน ทำให้ถูกทำมาเป็นชุดทำงานที่ต้องลุยสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างในฝรั่งเศสก็มีการออกชุดที่ทำจากเดนิมสำหรับพนักงาน French national railways โดยเฉพาะ และความนิยมของผ้าเดนิมก็แพร่ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน ที่เราจะพบเห็นสินค้าที่ใช้ผ้าเดนิมเป็นส่วนประกอบได้ ตั้งแต่เสื้อผ้าที่มีราคาถูก ไปจนถึงราคาแพงที่ใช้ขั้นตอนการทอที่ซับซ้อน กระเป๋า เครื่องประดับ งานศิลปะ
ยีนส์ คือ ชื่อของกางเกงที่กำเนิดในอเมริกา
รู้จักกับผ้าเดนิมไปแล้ว ต่อไปก็มาดูทางฝั่งยีนส์กันบ้างครับ ยีนส์ที่หลายคนเข้าใจน่าจะหมายถึงประเภทผ้าชนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว ยีนส์ หรือ Jeans ไม่ใช่ชื่อเรียกประเภทผ้า แต่คือชื่อเรียกประเภทกางเกงครับ และเป็นกางเกงที่ทำมาจากผ้าเดนิม ดังนั้นหากจะกล่าวว่ากางเกงยีนส์ เป็นหนึ่งในสายย่อยของผ้าเดนิมก็คงไม่ผิดนัก
นิยามของคำว่า ยีนส์ เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ด้วยฝีมือของชายสองคน คือ Levi Strauss ผู้ก่อตั้งบริษัท Levi Strauss & Co. กับ Jacob W. Davis ที่เป็นช่างตัดเสื้อผ้าหุ้นส่วนของ Levi ทำการคิดค้น ประดิษฐ์กางเกงชนิดนี้ขึ้นมา แต่มันได้รับความนิยมมาก จน Jacob ต้องไปอาศัยฐานการผลิตของ Levi นำไปสู่การจดสิทธิบัตรในวันที่ 20 พฤษภาคม 1873 แต่ในความจริงก่อนที่จะมีการจดสิทธิบัตร คนอเมริกันก็มีการใช้นิยามของยีนส์อยู่ก่อนแล้ว เป็นการเรียกเสื้อผ้าสีฟ้าที่ทำมาจากผ้าเดนิมโดยรวม และเป็นชื่อเรียกของผ้าที่มีความทนทาน คนงานเหมืองหรืองานที่ต้องลุยหนัก ๆ มักจะสวมใส่กัน
เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ยีนส์ก็ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น กลายเป็นกางเกงที่ใช้ใส่แบบ Casual และกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แสดงความหัวขบถของวัยรุ่นในสมัยนั้น ในเวลาต่อมาก็กลายเป็นกางเกงที่นิยมสวมใส่ของคนทุกเพศทุกวัย เป็นสัญลักษณ์และมรดกของฝั่งอเมริกาไปในที่สุด
สรุปความแตกต่างของ ยีนส์ กับ เดนิม
ตอนนี้ทุกท่านก็รู้จักทั้งที่มาของเดนิม และยันส์กันไปแล้ว เราจะมาสรุปชัด ๆ ถึงความเหมือน และความต่างของทั้งสองอย่างกันครับ
สรุปคือ ยีนส์ทั้งหมดทำมาจากเดนิม แต่ผ้าเดนิมทั้งหมดไม่ได้ใช้ในการผลิตกางเกงยีนส์เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ผลิตเสื้อผ้าอื่น ๆ ด้วย ในขณะที่ยีนส์จะมีความหมายถึงกางเกงเท่านั้น ในขณะที่ผ้าเดนิมที่ต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส แต่นิยามของยีนส์นั้นกำเนิดขึ้นในอเมริกาครับ โดยมี Levi เป็นเจ้าแรก เราไม่สามารถบอกว่าฝรั่งเศสคิดค้นยีนส์ได้
แต่ในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าทั้งสองอย่างมันคืออย่างเดียวกัน การเรียกสลับกันไปมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องที่ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ถ้าเรารู้ถึงความแตกต่างไว้เพื่อให้เรียกได้ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่ดีครับ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นการตอบข้อสงสัยคาใจของใครหลาย ๆ คน ที่สงสัยถึงความต่าง และที่มาของยีนส์ กับ เดนิม ได้ และหวังว่าเมื่อรู้ความต่างของมันแล้วเราจะสามารถเรียกชื่อของมันได้ถูกต้องนะครับ