Sean Connery ผู้วางรากฐานต้นกำเนิด “เจมส์ บอนด์”
ทักซิโด้ เจมส์ บอนด์ เป็นภาพที่คุ้นตาแน่นอนสำหรับคอภาพยนตร์ แม้ว่าจะไม่ใช่คอหนังสายลับก็ตาม แต่ก็คงต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อสายลับ 007 เป็นแน่ นอกจากรถสปอร์ต วอลเธอร์พีพีเค ภารกิจสุดระห่ำ วอดก้ามาร์ตินี่เขย่าแต่ไม่คน ทักซิโด้ สุดเนี๊ยบ เปรียบเสมือน เครื่องแบบของเจมส์ บอนด์ ที่ทำให้แฟนๆ จดจำมาตลอดตั้งแต่ฉากเปิดตัวในภาคแรกอย่าง Dr. No ที่ออกฉายในปี 1962 นำแสดงโดย Sean Connery พร้อมกับประโยคแนะนำตัวสุดคลาสสิคว่า Bond, James Bond จนมาถึงทุกวันนี้ ผ่านมากว่า 25 ภาคตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ก็ยังคงมีฉากที่เจมส์ บอนด์สวมชุดเนี๊ยบๆ แนะนำตัวแก่สาว ๆ เช่นกัน และมันดูจะไม่มีอะไรมาก แต่สำหรับคอคลาสสิคแล้ว MenDetails ก็อดที่จะนำเสนอความ Iconic ของฉากเล็กๆนี้ไม่ได้ครับ
สายลับ 007 กับลุคอันร้อนแรงในฉากแรกที่ผู้คนต่างจดจำ
MenDetails ขอพาทุกท่านย้อนกลับไปถึงผู้วางรากฐานของตัวละครเจมส์ บอนด์คนแรกอย่าง Sir Sean Connery ผู้รับบทบอนด์ถึง 5 ภาคครับ เปิดตัวมาภาคแรกอย่าง Dr. No กับฉากในคาสิโนที่บอนด์กำลังเล่นบัคคาร่าอยู่ และสามารถเอาชนะสาวสวยท่านหนึ่งได้จนสาวผู้นั้นถึงกับต้องเอ่ย “ชื่นชมในความดวงดีของคุณ ….” และพระเอกบอนด์ ก็ได้พูดแนะนำชื่อตัวเองไปกลับไปว่า “Bond, James Bond” ซึ่งมาดของบอนด์เป็นมาดหนุ่มใหญ่ กำลังจุดบุหรี่ ที่สำคัญที่สุดเขาสวมชุดทักซิโด้ดินเนอร์แจ็กเก็ต หรือหูกระต่ายดำ ในช็อตแรกนี้เราจะได้เห็นถึงดีเทลช่วงบนของชุดทักซิโด้ของเจมส์ บอนด์เราได้อย่างชัดเจน เป็นเสื้อดินเนอร์แจ็กเก็ตที่มีปกเป็นปกกล้วยหอม หรือทรงปกโค้งยาวตลอดไร้รอยต่อ มีความสลิมของปกพอประมาณ ตามแบบฉบับทักซิโด้ในยุค 1960 แน่นอนว่าความเป็นดินเนอร์แจ็กเก็ตที่ถูกต้อง ต้องมีการฉาบเงา หรือ เย็บ Trim บริเวณรอบทั้งปกด้วยผ้าอย่างผ้าซาติน ซึ่งบอนด์ของเราได้ใช้เป็นผ้าซาตินสี Midnight Blue ที่มีความเข้มสูงมากครับ แต่ยังคงความเงามันวาว สะท้อนแสงอย่างถูกต้องครับ ถัดมาคือบริเวณไหล่ของแจ็กเก็ต ปกติแล้ว ในสไตล์การตัดสูทแบบอังกฤษ จะมีการเสริมโครงสร้างที่เรียกว่า Padding บริเวณไหล่ค่อนข้างชัดเจน เรียบ ตรง มีความแข็ง แต่หรูหรา แต่กรณีชุดทักซิโด้ของพระเอกบอนด์ บ่าของแจ็กเก็ตนั้นเป็นแบบเสริมโครงสร้างที่มีความบางกว่าปกติแทน ด้วยความที่รูปลักษณ์ของคอนเนอรี่เป็นคนที่มีหุ่นสมบูรณ์ อวบใหญ่ ทำให้การเสริมบ่านั้นไม่จำเป็นครับ นอกจากส่วนบ่าแล้ว ผู้ชมยังสามารถเห็นเอกลักษณ์ การเข้าแขนที่เรียกว่า Roped Shoulder ที่บริเวณรอบต่อของแขน กับช่วงไหลของสูท โดยหัวแขนของแจ็กเก็ตจะมีการยกเหนือขึ้นจากไหล่เล็กน้อยก่อนจะม้วนลงทิ้งตัวมาเป็นแขนอย่างสวยงามซึ่งเป็นพิมพ์นิยมของการตัดชุดสไตล์อังกฤษครับ
จุดเด่นของทักซิโด้ ของบอนด์ ในแบบ Sean Connery
นอกจากมาดการคีบบุหรี่แล้ว ถ้ามองที่ปลายแขนดินเนอร์แจ็กเก็ตของบอนด์ ก็จะพบว่ามีการฉาบเงาเช่นกัน ซึ่งเรียกว่า Gauntlet cuffs หมายถึง การทบพับปลายแขนขึ้นมาแล้วฉาบด้วยผ้าซาติน และที่หุ้มกระดุมแขนแบบเรียงชิดติดกัน 4 เม็ดครับ ยังรวมไปถึงมีการหุ้มผ้าซาตินในบริเวณกระดุมหน้า ซึ่งมีเม็ดเดียวตาม แบบฉบับดั้งเดิมของตัวแจ็กเก็ตอีกด้วย และแน่นอนว่าบทบาทสายลับ ทำให้ดินเนอร์แจ็คเก็ตนี้จึงต้องมีการผ่าหลังสองข้างครับ ต่อมาในฉากที่บอนด์ของเรากลับเข้าไปออฟฟิศ เพื่อรับทราบภารกิจและรับอาวุธคู่กายอย่างปืนวอลเธอร์พีพีเค ที่หนุ่มบอนด์ได้มีการถอดเสื้อดินเนอร์แจ็กเก็ตออก เผยให้เห็นถึงกางเกงที่เขาสวมใส่ ซึ่งเป็นแบบบริติชเทเลอร์ริ่ง มีความเอวสูงค่อนข้างมากตามหุ่นของคอนเนอรี่ และยุคสมัยนั้นซึ่งนิยมกางเกงเอวสูงมาก มีการแต่งจีบแบบกลับ 2 จีบเพื่อเพิ่มความคล่องตัว บริเวณรอบเอวไม่มีรูเข็มขัด แต่เป็นการใช้แถบปรับความพอดีด้วยกระดุมด้านข้างแทนครับ ในส่วนของคัตติ้งกางเกงที่คอนเนอรี่สวมใส่เป็นแบบเข้ารูป (Tapered) ไม่รัดรูปจนเกินไป ซึ่งจัดว่ามีความสวยงามมาก ด้วยสัดส่วนที่ตัดอย่างลงตัว ปลายขากางเกงเป็นแบบไม่พับเบิ้ลซึ่งถูกต้องตามหลักการใส่ทักซิโด้ครับ และยังมีการแต่งแถบรอยตะเข็บข้างของกางเกงด้วยผ้าไหมซาตินลักษณะเดียวกับที่ปกของเสื้อครับเพื่อเป็นการระบุว่า กางเกงตัวนี้เป็นกางเกงตัดขึ้น สำหรับคู่กับดินเนอร์แจ็กเก็ตเป็นครบชุดเท่านั้นครับ
ทว่า บอนด์ คือพระเอกที่ผสมผสานสไตล์การแต่งตัวด้วยเขาเอง จึงไม่เห็นเขาสวมใส่ Cummerbund หรือ Waistcoat ด้วยความที่บอนด์ใส่กางเกงเอวสูงมากอยู่แล้ว การที่ปกปิดเสื้อเชิ้ตจึงไม่มีความจำเป็นครับ เช่นเดียวกับเชิ้ตที่เขาสวมใส่ บอนด์ใส่เสื้อเชิ้ตแบบ Double Cuff สำหรับใส่คัฟลิ้งค์ เพื่อเพิ่มความหรูหรา และมีความเป็นทางการสูงบริเวณอกเสื้อเชิ้ตก็มีการตีเกล็ด เพื่อความโอ่อ่า ปกเป็นแบบ Spread collar เหมือนเชิ้ตปกติที่พบได้ทั่วไป บอนด์ใส่เชิ้ตของเขาคู่กับหูกระต่ายทรงสลิม ที่ผูกอย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม กระดุมเชิ้ตของบอนด์เป็นกระดุมธรรมดา ซึ่งลดความทางการลงไป แต่ก็ชดเชยได้จากวัสดุที่ดูแล้วแน่ใจได้ทันทีว่าเป็น ผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ผสมป่าน และมีการทออย่างบิดเกลียวละเอียด High Twisted จนเกิดเป็นการสะท้อนแสง ทำให้ดึงดูดสายตาครับ ต่อมากับฉากที่บอนด์ทราบข้อมูล และกำลังหันหลังออกจากห้องของหัวหน้าอย่าง M MenDetails อยากให้สังเกตที่บอนด์นั้นเดินไปที่ประตู และเป็นมุมที่เห็นว่าสวยที่สุดกับการที่เขาอยู่ในชุดทักซิโด้สีน้ำเงินเข้มกรมท่า เป็นการแต่งตัวของตัวเอง อย่างมีความครีเอทีฟ แต่ก็ยังคงความเป็นทางการสูง ฉบับดินเนอร์เมืองผู้ดีไว้ด้วยการไม่ลืมพก Pocket Square ผ้าลินินสีขาวนวลพับแบบ straight folded ไว้ที่กระเป๋าอกของแจ็กเก็ต และสวมใส่รองเท้าทางการสูงสุดของสุภาพบุรุษ นั่นคือรองเท้าหนังทรงออกซ์ฟอร์ดสีดำขัดเงา ที่มีการเย็บหัวแบบ cap toe ส้นสูงปกติที่ประมาณ 1.25 นิ้ว ตามยุคสมัยนั้น จากแบรนด์ John Lobb อันเป็นการให้เกียรติ กับชุดทักซิโด้ของเขาซึ่งสั่งตัดสุดพรีเมี่ยม จากแบรนด์ของช่างตัดเสื้อนามว่า Anthony Sinclair แห่งถนน Conduit Street
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลากว่า 60 ปีของภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ผ่านการรับบท 007 จากนักแสดงถึง 6 คน ครองใจคนทุกยุคสมัย แต่ละท่านที่รับบทนี้ ก็ต่างนำเสนอสไตล์ และการแต่งตัวสุดเนี๊ยบ ในชุดทักซิโด้ที่มีเอกลักษณ์ต่างกันไป ทั้งความชอบส่วนตัวของนักแสดง หุ่นสัดส่วน และอิทธิพลของแฟชั่นในแต่ละยุค แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงมีภาพติดตาเป็นภาพสุดคลาสสิค ในมาดหรูของนักแสดงชายชาวสก็อต สวมใส่ทักซิโด้ของเขา นามว่า Sir Thomas Sean Connery กับบท 007 คนแรกที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างหรูหรา มีบุคลิกที่ซับซ้อนดูผู้ดี จนได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของการแต่งตัว และยังเป็นผู้ที่ทำให้ภาพของชุดทักซิโด้ ในสีกรมท่า Midnight Blue ได้กลายเป็นเครื่องแบบเชิงสัญลักษณ์ของสายลับ 007 มาตลอดกาล กับวลีแรกสุดจับใจของเขา ในภาพยนตร์ว่า “Bond, James Bond”