พูดถึงการแต่งกายแบบผู้ดี หลายคนต้องนึกถึงอังกฤษที่ในยุค Victorian อันยิ่งใหญ่ที่อังกฤษขยายอำนาจไปทั่วโลกได้ฝากอิทธิพลการแต่งกายแบบผู้ดีอังกฤษเอาไว้ แต่จริงแล้ว ๆ ก่อนที่จะมาเป็นการแต่งกายแบบผู้ดีที่เราเคยเห็นจากเอกสารในยุค Victorian มันก็ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากยุค Regency era (1811 – 1820) ที่ศิลปะและวัฒนธรรมอังกฤษเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก และหนึ่งในชื่อที่มีสร้างรอยประทับไว้ให้กับโลกการแต่งกายจนถึงปัจจุบันแม้เวลาจะผ่านมาราว 200 ปีแล้ว ต้องมีชื่อของ Beau Brummell
ผู้ชายคนนี้คือใคร มาจากไหน และทำไม MenDetails ถึงบอกว่าเขาคือ ชายที่เป็นต้นตำรับการแต่งตัว Menswear คนแรกของโลก มาหาคำตอบในบทความนี้ครับ
จากชนชั้นกลาง สู่ชายที่ได้รับความนิยมที่สุดใน London
George Bryan “Beau” Brummell มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1778 – 1840 ถือเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ (และแฟชั่น) ที่มีอิทธิพลอย่างมาก ในยุค Regency era หรือยุคเปลี่ยนผ่านแผ่นดิน ที่ถือเป็นยุคทองของวัฒนธรรมอังกฤษ และยังเป็นการเริ่มเข้าสู่ ยุค Modern ของอังกฤษด้วย โดยช่วงเวลานี้เริ่มต้นจากการล้มป่วยของกษัตริย์ George III ทำให้ลูกชายคนโตที่ดำรงตำแหน่ง Prince of Wales ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ก่อนขึ้นครองบัลลังก์เป็น George IV ในปี 1820 หลังพระบิดาสิ้นพระชนม์ และหลังจากนั้นเมื่อมาถึงปี 1837 ก็เป็นยุคของสมเด็จพระราชินีนาถ Victoria และเข้าสู่ยุค Victoria Era อันยาวนาน
Brummell เกิดในกรุง London ในครอบครัวชนชั้นกลาง แต่พ่อของเขา William Brummell อยากให้ลูกได้เป็นผู้ดี จึงเลี้ยงลูกมาแบบนั้น เขาได้รับการศึกษาที่ดีจาก Eton College ที่เขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงเซนส์ทางแฟชั่นแบบผู้ดี ทำให้ได้รับความนิยมจากเพื่อน ๆ โดยเฉพาะใส่หัวเข็มขัดทองที่ทำให้เขาได้ฉายา Buck Brummell และเมื่อเข้าศึกษาต่อที่ Oriel College เขาก็ยังคงเป็นผู้นำด้านการแต่งตัวเช่นเคย แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ ที่เขาศึกษาที่นั่นก็ตาม
Brummell รู้จักสนิทสนมจนเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทของ Prince of Wales (ที่ต่อมาเป็น George IV) และเป็นคนพิเศษขนาดที่ว่าแม้จะไม่ใช่เชื้อสายขุนนาง ชนชั้นสูงที่มีเงินมากมายอะไรแต่ก็ได้เข้ามาอยู่ในกองพันส่วนตัวของ Prince of Wales และมีสิทธิ์พิเศษหลายอย่าง ยังไม่พอในเวลาแค่ 3 ปี เขาก็ได้รับตำแหน่งใหญ่ในกองพันจนทหารอาวุโสในกองพันไม่พอใจ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นเขาจะขอปลดประจำการก็ตาม
หลังจากกลับมาเป็นพลเรือน แต่ด้วยความสัมพันธ์พิเศษรวมถึงอิทธิพลด้านแฟชั่นที่เขาเขามีกับ Prince of Wales ยังไม่หายไป เขาอาศัยอยู่ที่บ้านใน Chesterfield Street ในย่าน Mayfair และกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นที่คนชนชั้นสูงมากมายต้องมาถามความเห็นเขาในการแต่งตัวไปจนถึงการดูแลตัวเองให้ออกมาเนี้ยบที่สุด มีบันทึกว่าเขาใช้เวลาไปกับการดูแลตัวเองวันละ 5 ชั่วโมง ขัดรองเท้าให้เงาวับด้วยแชมเปญ (ซึ่งว่ากันว่ามีนัยทางการเมืองเพราะในตอนนั้นอังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ถูกกันอย่างแรง) แถมยังแปรงฟันสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาในยุคนั้นแม้แต่ในแวดวงสังคมคนชั้นสูงของอังกฤษ โดยบ่อยครั้ง Prince of Wales ก็จะมาหาคนสนิทของเขาที่บ้านแล้วใช้เวลาร่วมกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น
ตอนจบที่ไม่สวยเหมือนนิยาย
แต่ทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง เมื่อในปี 1811 เริ่มเกิดรอยร้าวระหว่างเขากับ Prince of Wales เมื่อเขาต้องไปทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระบิดา นำไปสู่จุดแตกหักในปี 1813 เมื่อ Brummell อยู่กับสุภาพบุรุษชนชั้นสูงคนอื่น ๆ แล้ว Prince of Wales เดินมาพอดี เขาทักทายทุกคนแต่กลับเมิน Brummell ด้วยความปากแจ๋วเขาเลยถามหนึ่งในสมาชิกวงสนทนาว่า “เพื่อนตัวอ้วนของท่านคนนี้คือใคร” เท่านั้นล่ะครับ ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดจากกัน
ในช่วงท้ายของชีวิต เขามีหนี้ท่วมตัวจากการใช้ชีวิตหรูหราและการพนัน เมื่อไม่มีคนสนับสนุนเขาจึงต้องลี้ภัยไปฝรั่งเศสในปี 1816 และใช้ชีวิตแบบอาภัพ เขาไม่สนใจเรื่องแฟชั่นอีกต่อไป ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผมยาว หนวดเครารุงรัง ตัวเหม็นสาบ แม้ได้เพื่อนในวงสังคมจากอังกฤษช่วยเหลือด้านการเงิน แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ในที่สุดก็ถูกจับเข้าคุกเพาะหนี้ท่วมตัว พอได้รับความช่วยเหลือถูกปล่อยตัวออกมา ในปี 1840 เขาก็เสียชีวิตในวัย 61 ปี ไม่มีเงินติดตัว แถมเป็นบ้า ในโรงพยาบาลบ้านอกเมือง Caen
อิทธิพลด้านสไตล์
แม้ว่าช่วงท้ายของชีวิตจะจบไม่สวย แต่เรามาดูสิ่งที่เขาฝากเอาไว้ในจุดสูงสุดของชีวิตอย่างเรื่องสไตล์กันครับ เพราะการเป็นคนชอบการแต่งตัวและการนำแฟชั่นของเขา ทำให้เขาถูกยกเป็นตัวอย่างและผู้ให้กำเนิดของผู้ชายแบบ Dandy หรือ ผู้ชายสำรวย ที่เอาใจใส่กับการดูแลตัวเองและรูปลักษณ์ เป็นคนรสนิยมดี เลือกสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง
อิทธิพลด้านการแต่งกายของ Brummell ยังเผยแพร่ไปทั่วภาคพื้นทวีปยุโรปไปจนถึงประเทศอาณานิคมต่าง ๆ พร้อมกับยุคทองของอังกฤษที่มาถึงในอีกไม่กี่ทศวรรษต่อมา ทำให้ผู้ชายหันมาใส่ใจเรื่องสไตล์มากขึ้น เอาใจใส่ดูแลรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า น้ำหอม การดูแลตัวเอง ทำให้ชื่อของ Brummell กลายเป็นตัวแทนของผู้ชายที่ดูแลตัวเอง แต่งตัวดี มีสไตล์ ที่แม้กาลเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษก็ยังคงมีการหยิบเอาชื่อของเขามาใช้ในบทกวี การกล่าวถึงในหนังสือ ภาพยนตร์ ไปจนถึงเอามาตั้งเป็นชื่อสินค้าเพื่อสื่อสารว่านี่คือของที่ดีสำหรับผู้ชาย
เราอาจกล่าวได้ว่า Brummell เป็นเสมือนผู้วางรากฐานให้กับผู้ชายในยุคใหม่ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ตั้งแต่ในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตและอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่อาชีพ ในด้านการใส่ใจดูแลตัวเองให้เนี้ยบ แม้ไม่ต้องฉูดฉาด แต่ต้องเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ครบถ้วน จนอาจกล่าวได้ว่าเขาคือต้นตำรับการแต่งกาย Menswear ยุคแรกเริ่ม ก่อนที่มันค่อย ๆ พัฒนาไปตามยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน
และถ้าถามว่าอิทธิพลด้านแฟชั่นของเขาที่รับการยกย่องขนาดไหน ก็ตอบได้ว่าในโลกนี้คงมีคนไม่มากนัก ที่แม้จะตายไปเกือบ 200 ปี ก็ยังคงมีคนสร้างรูปปั้นเพื่อระลึกถึง ปัจจุบันรูปปั้นของเขาที่โด่งดังที่สุดตั้งอยู่ที่ Jermyn Street ถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้า Menswear นั่นล่ะครับ