ถือเป็นรถที่อยู่ในวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนานครับ ตีคู่มากับแบรนด์อย่าง Chevrolet เลยก็ว่าได้ ซึ่งพอพูดถึง Ford Mustang แล้ว หนึ่งในฉากที่ตราตรึงใจใครหลาย ๆ คน น่าจะต้องมีฉากในภาพยนตร์เรื่อง Gone in 60 Seconds อยู่อย่างแน่นอน กับการขับเหินเวหา บนสะพาน Golden Gate Bridge ยิ่งล่าสุด มีภาพยนตร์อย่าง Ford vs Ferrari ยิ่งทำให้ไฟแห่งชนชาติอเมริกันลุกโชน เพราะนี่คือรถที่รวบรวม DNA แห่งความเป็น Ford ไว้มากที่สุดคันหนึ่ง รถที่ขับสนุก ไม่ค่อยเห็นบนท้องถนน และมาในราคาเพียง 4.89 ล้านบาทเท่านั้น ว่าแล้วก็ตาม รีวิว Ford Mustang ของเรามาได้เลยครับ
รถที่จะทำให้ใครหลาย ๆ คน หันมามอง
ต้องเรียกว่า Ford Mustang ยังไงก็คือ Mustang ครับ มองจากภายนอก คุณอาจไม่เห็นโลโก้แบรนด์ Ford เลยด้วยซ้ำ ทว่า รถคันนี้ไม่จำเป็นต้องมีโลโก้ นอกจากสัญลักษณ์ม้า Mustang เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม เส้นสายที่แฝงความดุดัน และที่สำคัญคือ เสียงเครื่องและท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ นุ่ม ๆ แต่ทรงพลัง เอาเป็นว่า ขับ Ford Mustang แล้ว มีแต่คนมองตามแน่นอนครับ ยิ่งจอดติดไฟแดง ยิ่งมีแต่คนหันมามอง
ขุมพลัง 5.0L Ti-VCT V8 ที่ให้แรงม้าสูงสุดที่ 460hps
หากรูปลักษณ์ยังทำให้คุณหันมาสนใจรถคันนี้ไม่ได้ MenDetails เชื่อ่วา ด้วยเครื่องยนต์ 5.0L Ti-VCT กับแรงม้าระดับ 460hps บอกเลยว่า เหยียบปุ๊บ หลังติดเบาะปั๊บ ยิ่งขับทางไกล ๆ ดึงระยะยาว ๆ ยิ่งแสดงศักยภาพของ Ford Mustang ได้มาก ชนิดที่ว่า ไม่อยากปล่อยพวงมาลัยเลยทีเดียว แน่นอนครับว่า ด้วยเครื่องยนต์ระดับนี้ คุณสามารถทำความเร็วจาก 0-100km/hr ได้ต่ำกว่า 5 วินาทีครับ เรียกว่าเร็วแบบสุด ๆ ไปเลย
ด้วยความเร็วระดับนี้ ช่วงล่างและจุดศูนย์ถ่วงจึงเป็นเรื่องสำคัญครับ และสำคัญเจ้า Ford Mustang คันนี้ ก็ทำจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถไว้ได้ดีเลยทีเดียว มีความใกล้กับพื้นถนนค่อนข้างมาก ทำให้เวลาเข้าโค้งแบบทำความเร็วนั้น ไม่รู้สึกถึงความสั่น หรือช่วงล่างที่ไม่เกาะถนนแต่อย่างใด กลับกัน มันยิ่งทำให้เราอยากลองเข้าโค้งในความเร็วที่สูงขึ้นไปอีก ทีละนิด ๆ
พวงมาลัยตอบสนองได้ดี เข้าโค้งได้คม
แต่ต้องขอเรียนแจ้งก่อนครับว่า หากรถยังอยู่ในความเร็วที่ช้า พวงมาลัยจะหนักกว่าปกติ ซึ่งน่าจะเป็น Character ของตัวรถอยู่แล้วเป็นทุนเดิม การหักเลี้ยวจึงทำได้ยากสักหน่อย หากเลือกขับในเมืองที่ต้องเปลี่ยนช่องทางการจราจรอยู่บ่อยครั้ง แต่พอทำความเร็วได้สักหน่อย พวงมาลัยก็จะเบาขึ้น และตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้น เข้าโค้งได้คม แถมยังมีน้ำหนักมากพอที่จะประคองตัวรถแบบคนขับไม่รู้สึกว่าพวงมาลัยเบา เหมือนรถจะลอย ๆ นั่นเองครับ เรียกว่า ตอบสนองได้ดีเมื่อทำความเร็วสูงสักหน่อย
สิ่งอำนวยความสะดวกมีค่อนข้างครบครับ ตั้งแต่ที่ชาร์จ USB / ที่ต่อสัญญาณ Bluetooth กับเครื่องเสียงในรถ / ชุดเครื่องเสียงจากแบรนด์ Bang & Olufsen ที่ให้คุณเลือกความเข้มเสียง จุดที่เสียงจะตกบนตัวรถ เรียกว่า Balance เสียงระดับเทพเลยก็ว่าได้ / หน้าจอ Multi-Media แบบ Touch Screen / มาตรวัดความเร็วเป็นจอ Digital เรียบร้อยเช่นเดียวกัน รวมถึงที่นั่งจากแบรนด์ Recaro ที่ตำแหน่งที่นั่งคนขับ สามารถปรับให้ดันหลังได้เพิ่มเติม พร้อมที่ปรับเบาะแบบไฟฟ้าเดินหน้า และขึ้นลง (เอียงปรับด้วยมือ)
รอบเครื่องทำได้ดีในการเร่งแซง
ความแรงของเครื่องยนต์นั้น มีผลแปรผันตรงกับชุดเกียร์ที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาครับ โดย Mustang ตัวนี้มีชุดเกียร์แบบ 10 Speeds ในจังหวะที่เร่งแซงนั้น สมองกลสามารถจับจังหวะและน้ำหนักที่กดลงบนคันเร่งได้ดีมากครับ ทำให้รถนั้นมีแรงผลักสูง แถมยังเป็นระบบแบบรอรอบเครื่องเพื่อเร่งแซงได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทว่า พอเป็นการขับขี่แบบนิ่มนวลในเมือง ชุดเกียร์เหมือนทำได้ไม่ค่อยดีนักครับ รู้สึกกระชาก ขับแล้วต้องระวังน้ำหนักที่กดที่แป้มคันเร่งมากพอสมควรเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้ว เรื่องจุดศูนย์ถ่วงที่ทำออกมาได้ดี และใกล้พื้นเป็นพิเศษ ก็ทำให้คนขับและผู้โดยสาร รับรู้ได้ถึงความกระด้างของพื้นถนนกรุงเทพฯ (หรือแม้แต่ทางหลวงเองก็ตาม) ลักษณะความแข็งของช่วงล่างนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์ของรถแนวนี้อยู่ก็จริง หากแต่ถ้าคุณเลือกขับในเมืองตลอดเวลา อาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้บ้างในบางครั้ง แต่ถ้าขับยาว ๆ ไกล ๆ ถือเป็นช่วงล่างที่มั่นใจได้แน่นอนครับ
แตกต่าง อย่างมีสไตล์ กับ Mustang
ถือเป็นรถยนต์ที่ครบเครื่องและให้มาแบบจัดเต็มจาก Ford ครับ ถึงแม้จะมีรายละเอียดบางจุดที่น่าจะให้มาได้มากกว่านี้เช่น เบาะปรับไฟฟ้าทั้งหมด / ระบบการล็อคสาย Safety Belt ที่น่าจะทำได้ดีกว่าการวางพาดบนเบาะที่นั่ง เป็นต้น นอกนั้นคือความเร้าใจที่ทางแบรนด์จัดมาให้สาวก Mustang แท้ ๆ ตั้งแต่รูปลักษณ์ / เสียงเครื่องยนต์ / ชุดเครื่องเสียง / อัตราเร่งของเครื่องยนต์ระดับ 5.0L พร้อมแรงม้า 460 ตัว และที่สำคัญ ขับแล้วไม่ค่อยซ้ำใครแน่นอนครับ เรียกว่า แตกต่าง อย่างมีชั้นเชิง
Ford Mustang 5.0L คันนี้ มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 4.89 ล้านบาทครับ เรียกว่าได้ DNA สายอเมริกันแบบเต็มรูปแบบ ใครสนใจอยากมีไว้ครอบครองสักคัน สามารถติดต่อไปที่ศูนย์ Ford ใกล้บ้านคุณได้เลยครับ ส่วนครั้งนี้ พวกเรา MDs ก็ขอจบการ รีวิว Ford Mustang ไว้แต่เพียงเท่านี้ แต่ความรู้สึกที่ได้ลองขับจะยังคงอยู่ในใจเราไปอีกนานแน่นอนครับ