นาฬิกา ถือเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งของสุภาพบุรุษครับ ซึ่งเราควรให้ความใส่ใจในรายละเอียดให้มาก เนื่องจากการเลือกนาฬิกา ก็เหมือนการหยิบเอารองเท้าคู่โปรดออกมาสวมใส่ จะหยิบรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าหนัง ย่อมสร้างภาพลักษณ์ และสไตล์ที่ชัดเจนได้ในทันที ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบัน เส้นแบ่ง ประเภท ของ นาฬิกา จะบางลงก็ตาม แต่หากคุณเรียนรู้และทำความเข้าใจในรายละเอียดของนาฬิกาแต่ละประเภทแล้ว คุณจะรู้จักและให้ค่าแก่นาฬิกาเรือนนั้น ๆ มากกว่ามูลค่าเพิ่มที่คาดหวังหลังจากซื้อนั่นเอง
Aviation Watches : นาฬิกานักบิน
นาฬิกา ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญ ที่อาจช่วยชีวิตนักบิน ให้รอดพ้นจากหลากหลายปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น การคำนวนระยะบินจากน้ำมันเชื้อเพลิง กำลังเครื่องยนต์ จุดนัดหมายและระยะทางที่กำหนด Aviation Watches จึงถือกำหนดขึ้น และถึงแม้ว่า ประวัติศาสตร์อาจไม่ชัดเจนนัก ว่าใครกันแน่เป็นผู้เริ่มต้นผลิต นาฬิกานักบิน เป็นรายแรก แต่เชื่อกันว่า ในปี ค.ศ. ชายผู้มีชื่อว่า Louis Cartier ได้ออกแบบนาฬิกาสำหรับนักบินเรือนแรกขึ้น โดยออกแบบให้กับเพื่อนของเขานาม Albert Santos-Dumont นั่นเอง
เอกลักษณ์ที่เห็นได้เด่นชัดคือ ตัวเลขที่ใหญ่ เข็มบอกเวลาที่เห็นได้ชัดเจนในระยะช่วงแขน รวมถึงเม็ดมะยมที่ใหญ่กว่าปกติ เนื่องจากเหล่านักบินในสมัยก่อน จำเป็นต้องใส่ถุงมือไว้ตลอดเวลา และในช่วงหลังมานี้ นาฬิกาแนว Aviation Watches จะมีขนาดหน้าปัดที่ใหญ่ ซึ่งตัวเลขอาจวิ่งไปถึงขนาดหน้าปัด 55mm เลยทีเดียว
การจะหยิบนาฬิกาแนวนี้มาใส่ในชีวิตประจำวัน อาจต้องมองไปที่แนว Casual เป็นหลักครับ เพราะด้วยความใหญ่ของหน้าปัด และรายละเอียดอื่น ๆ อย่างขนาดของเม็ดมะยม อาจไม่เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบอื่น แต่ถ้าความใหญ่ของตัวเรือน เป็นสิ่งที่คุณตามหาอยู่ Aviation Watches น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว
Diving Watches : นาฬิกา สำหรับนักดำน้ำ
นาฬิกาเรือนแรก ที่ถูกผลิตขึ้นและได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกา Diving Watch แท้ ๆ คือ Omega Marine ที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1939 บ้างอาจกล่าวถึงแบรนด์ Rolex รุ่น Oyster อันโด่งดังในปี ค.ศ. 1926 ที่สวมใส่โดยหญิงสาวนาม Mercedes Gleitze โดยเธอใส่นาฬิกา Rolex Oyster ไว้ที่คอ ก่อนจะว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษนั่นเอง แต่ Rolex Oyster ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็น Diving Watch ซึ่งบางท่านอาจพูดถึง Blancpain Fifty Fathoms ซึ่งวางขายในปี ค.ศ. 1953 จากตัวเลขปีที่ผลิต Omega Marine ถือเป็นเรือนแรกบนโลกใบนี้แน่นอนครับ
จุดเด่นของนาฬิกา Diving Watches ณ ปัจจุบันคือ มีวงแหวนบอกนาที (Bezel) รอบตัวเรือนที่บอกจำนวนนาทีได้อย่างชัดเจน / สามารถบอกเวลาในที่มืดสนิทได้ในระยะ 25cm / สามารถกันน้ำได้ลึก 100 เมตรเป็นอย่างน้อย และต้องแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทกและคลื่นแม่เหล็กได้ เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของนาฬิกา
ต้องขอบคุณสายลับ 007 เป็นอย่างยิ่งครับ ที่ทำให้ Diving Watches นั้น สามารถใส่ขึ้นข้อมือร่วมกับเสื้อสูทได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องไม่เหมาะสมสักเท่าใดนัก ส่งผลให้ Diving Watches นั้น สามารถหยิบมาแต่งตัวได้หลากหลาย ตั้งแต่ Formal ไปจนถึง Casual ได้ในเรือนเดียว
Military Watches : นาฬิกาของกองทัพบก
นาฬิกา Military Watches เกิดขึ้นเพื่อให้เหล่าทหารบก สามารถเคลื่อนที่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจาก “เวลา” ถือเป็นเครื่องชี้เป็นชี้ตายของเหล่าทหารเดินเท้าเลยก็ว่าได้ สิ่งที่สำคัญของ นาฬิกา ประเภท นี้คือ ความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่ใจเรื่อง “ผุพัง เสียหาย” และต้องไม่เป็นที่เตะตาในยามค่ำคืน เพราะจะทำให้ข้าศึกเห็นตำแหน่งของเราได้ในระยะไกลนั่นเอง ตัวอย่างของ Military Watches ก็ต้องยกให้ Hamilton Khaki Field Mechanical โดยเฉพาะเลย
นาฬิกา Military Watches ส่วนใหญ่ จะมีหน้าปัดสีดำสนิท ตัวเรือนเป็นโลหะผิวด้าน เพื่อไม่ให้สะท้อนแสงได้ง่าย เห็นตัวเลขได้ชัดเจน มีพรายน้ำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และมักนิยมเป็นระบบไขลาน เนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอร์รี่ของตัวนาฬิกาครับ
สายนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ชื่นชอบสไตล์ Rugged เส้นเสื้อ Jacket ทหาร ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ รองเท้า Combat รวมไปถึงเสื้อผ้าล่าสัตว์แนว Hunting Jacket อาจหยิบมาใส่คู่กับเสื้อผ้าแนว Smart Casual ได้บ้างนะครับ เรียกว่าครบเครื่องเช่นเดียวกัน
Chronograph Watches : นาฬิกานักแข่ง
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ยังไม่มีนาฬิกาเรือนใดสามารถจับเวลาได้เลือกสักเรือนเดียว นี่จึงเป็นที่มาของงานวิจัยที่ใช้เวลาอันยาวนาน ก่อนจะพัฒนามาเป็น Chronograph Watches อย่างที่พวกเราเห็นกันในนาฬิกาอย่าง Rolex Daytona / OMEGA Speedmaster เป็นต้น เนื่องด้วยกลไกที่สลับซับซ้อนเป็นพิเศษ ทำให้ตัวเรือนเวลา Chronograph ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในสังคม อีกทั้งยังถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบเฉพาะเจาะจง จนเมื่อ Paul Newman หยิบเอา Rolex Daytona มาใส่นี่แหละ ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
ลักษณะของนาฬิกา Chronograph นั้น มักมีเข็มเล็ก ๆ วางอยู่ในหน้าปัดอีก 2-3 วง เพื่อให้เป็นตัวจับเวลา ในรูปแบบวินาที / นาที หรือเวลาต่อรอบ ซึ่งถือเป็นระบบที่ทำได้ยากกว่านาฬิกาทั่ว ๆ ไปค่อนข้างมาก อีกทั้งขนาดหน้าปัดจะค่อนข้างใหญ่กว่านาฬิกาทั่ว ๆ ไปด้วยเช่นเดียวกัน
นาฬิกา Chronograph นั้น มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องความเร็วเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งรถ / แข่งเรือ หรือแม้แต่ การขึ้นไปบนอวกาศ หยิบมาแต่งตัวแนวไหนก็ได้ครับที่ไม่ Formal เชื่อเถอะว่า ไม่มีใครเหมือนแน่นอน
Dress Watches : นาฬิกาใส่ออกงาน
ขึ้นชื่อว่า “นาฬิกาใส่ออกงาน” นาฬิกา ประเภท นี้ เหมาะอย่างยิ่งที่จะหยิบมาใส่คู่กับเสื้อสูทแนว Formal Event ซึ่งไม่ต้องมีรายละเอียดให้ยุ่งยาก ไม่ต้องมีตัวเลขบอกเวลาขนาดใหญ่ หรือพรายน้ำที่สะท้อนแสงได้ดี แม้แต่กลไกก็ไม่ต้องใส่อะไรให้มากมาย เพราะนี่คือนาฬิกาที่ผู้ใส่ไม่ได้ใช้งาน Function อื่นใดนอกจาก “บอกเวลา” เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญของ Dress Watches เลยก็คือ ขนาดและความหนานั่นเอง
ความหนาคือปัจจัยสำคัญสำหรับ Dress Watches ครับ เพราะต้องบางมากพอที่จะสอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตได้ เพื่อให้ภาพรวมของชุดทั้งหมด ดูสะอาดตามากที่สุด และมักไม่มีลวดลายอะไรมากมายครับ เรียบง่ายที่สุดเป็นหลัก
อ่านมาถึงจุดนี้ ก็ขอแนะนำให้ลองสังเกตดูนาฬิกาที่ทุกท่านเลือกใส่ออกงานดูนะครับว่า ทุกท่านเลือกใส่แบบใด แต่งตัวแบบไหน เพราะหากเลือกที่จะใส่ชุดสูทออกงานแล้วหล่ะก็ Dress Watches คือสิ่งจำเป็นเลยครับ
Multi-Time Zone Watches : นาฬิกาบอกเวลาหลายประเทศในเรือนเดียว
นาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักเดินทางข้ามเส้นเวลาอยู่บ่อยครั้ง และไม่อยากมานั่งปรับเวลาบ่อย ๆ ในทุก ๆ ประเทศที่เดินทางไป ดังนั้น นาฬิกาแบบ Multi-Time Zone จึงถือกำเนิดขึ้นอย่าง Dual Timers ซึ่งสามารถบอกเวลาได้ 2 ประเทศในเรือนเดียว และ GMT ที่ออกแบบโดย Rolex ในปี ค.ศ. 1954 เพื่อให้สามารถบอกเวลาได้สูงสุดถึง 3 ประเทศในเรือนเดียว นอกจากนี้ ยังมีนาฬิกาที่สามารถบอกช่วงเวลาได้ครบถึง 37 Time Zones แต่คุณอาจจะไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน
นาฬิกา Rolex GMT ถือเป็นตัวอย่างที่สร้างประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในการใช้งานเพื่อบอกเวลาได้สูงถึง 3 Time Zones และยังคงหน้าตาแบบ Sport ไว้ครบครัน ซึ่งด้วยรูปร่างหน้าตาที่ไม่แตกต่างจาก Diving Watches สักเท่าไรนัก สามารถหยิบออกมาใส่ได้หลากหลายได้เช่นเดียวกัน
Smart Watches
ก้าวเข้าสู่โลกที่เปลี่ยนแปลงไป นาฬิกา ณ ปัจจุบันนั้น เป็นมากกว่าแค่เครื่องบอกเวลาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การจับชีพจรของผู้สวมใส่ / สามารถรับข้อความได้ทันทีบนข้อมือ / นับจำนวนก้าวที่เดินในแต่ละวัน รวมไปถึงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกรอบ ๆ ตัวได้อีกมากมาย สามารถสั่งการต่าง ๆ ได้ด้วยเสียงผ่านนาฬิกาได้ทันที ซึ่งรูปร่างหน้าตาของนาฬิกา Smart Watches ส่วนมาก จะมีความ Futuristic และต้องชาร์จไฟทุกวัน หรือทุกอาทิตย์ ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เลือกซื้อนั่นเอง
หลายท่านอาจบอกว่า Smart Watches มีความต่างกับ Activities Tracking อยู่บ้าง ซึ่งเราเข้าใจครับ แต่ถ้าอยู่ในรูปแบบนาฬิกาข้อมือ เราขอจับมาอยู่ในหมวดเดียวกันน่าจะเป็นการดีที่สุด ซึ่งถ้าคุณทำงานอยู่ในสายงานที่เกี่ยวกับไอที หรือเป็นแนว Programer เราคิดว่านาฬิกาแบบนี้ เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนั้นแล้ว เราขอแนะนำให้ใส่นาฬิกาแบบอื่นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ
นี่คือ 7 ประเภท นาฬิกา ที่ท่านทั้งหลายควรรู้จักครับ ส่วนตัว MenDetails อยากแนะนำให้ศึกษานาฬิกาที่ชอบจริง ๆ และลงลึกในรายละเอียดจริง ๆ มากกว่าการเลือกซื้อเพื่อหวังผลกำไร เพราะนี่คือเครื่องประดับที่บ่งบอกความเป็นคุณ มากกว่าเครื่องวัดฐานะทางสังคมนั่นเอง