สำหรับใครที่ชื่นชอบในการสะสมน้ำหอม เทียนหอม หรือหลงใหลเครื่องหอมดี ๆ ชื่อ diptyque ต้องเป็นหนึ่งในชื่อที่คุ้นหูอย่างแน่นอน ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ประหนึ่งงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราว ทำให้แบรนด์ น้ำหอม diptyque จากฝรั่งเศสแบรนด์นี้ ครองใจคนจำนวนไม่น้อย รวมถึงทีมงาน MenDetails ด้วย
หลายคนอาจจะคิดว่า diptyque เป็นแบรนด์เครื่องหอมและน้ำหอมสำหรับสุภาพสตรี แต่ความเป็นจริงนั้น กลิ่นของ diptyque นั้นมีความ “ไร้เพศ” หรือ Unisex และจะว่าไป หลายกลิ่นก็เหมาะกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำไป แต่กว่าจะมาเป็นแบรนด์เครื่องหอมที่เรารู้จักกันในวันนี้ diptyque เริ่มขึ้นที่ไหน ผ่านอะไรมา เราอยากจะพาทุกท่านย้อนเวลาเดินทางกลับไปเมื่อสัก 60 ปีที่แล้ว และไปรู้จักกับ ประวัติ diptyque ขอเชิญทุกท่านทำตัวตามสบาย เพราะเราจะออกเดินทางกันแล้ว…
ประวัติ diptyque บนถนน 34 Boulevard Saint-Germain และการพบกันของสามสหาย
ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฝรั่งเศส ในปี 1961 บนถนน Boulevard Saint-Germain (บูเลอวาร์ แซ็งต์-แฌร์แม็งค์) หนึ่งในถนนสายหลักของมหานครปารีส ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ และแน่นอน น้ำหอม
ในยุคสมัยนั้น Boulevard Saint-Germain เป็นถนนที่ได้ชื่อว่า คึกคักทั้งชีวิตกลางคืน คาเฟ่ และนักเรียน นักศึกษา เป็นสถานที่ตั้งของคาเฟ่เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอย่าง Les Deux Magots ที่ช่วงนั้นเป็นสถานที่นัดพบปะแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับนักคิด และชนชั้นสูง โดยเฉพาะนักคิดสาย Existentialism (อัตถิภาวนิยม) ทั้ง Jean-Paul Sartre, Simone de Beauvoir แม้กระทั่ง Ernest Hemingway ก็ยังเคยมาที่นี่ และร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในกรุง Paris อย่าง Café de Flore ก็ตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน
Boulevard Saint-Germain จึงถือเป็นถนนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย และบรรยากาศของความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ แรงบันดาลใจ เรียกได้ว่าไม่มีที่ไหนจะเหมาะสำหรับการกำเนิดของ Diptyque มากไปกว่านี้อีกแล้ว
diptyque เกิดขึ้นจากการพบกันของคนสามคน คือ Christiane Gautrot นักออกแบบภายใน Desmond Knox-Leet จิตกร และ Yves Coueslant ผู้ออกแบบฉากในโรงละคร ทั้งสามคนรู้จักกันผ่านเพื่อนของเพื่อน และกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่แยกจากกันไม่ขาด
ทั้งสามคนตัดสินใจเปิดร้านร่วมกันในบ้านเลขที่ 34 Boulevard Saint-Germain โดยมีจุดประสงค์คือทำในสิ่งตัวเองรักและหลงใหล นำไปสู่จุดเริ่มต้นของตำนานแบรนด์เครื่องหอมในเวลาต่อมา…
ประวัติ Diptyque ชื่อนี้มีที่มา
ก่อนที่เราจะเข้าไปชมในตัวร้านว่าในยุคเริ่มแรกนั้น สินค้าของร้านมีอะไรบ้าง หลายคนน่าจะมีคำถามว่า คำว่า “diptyque” ที่เป็นชื่อแบรนด์มาจากอะไรกันแน่
คำว่า diptyque เป็นการสะกดแบบฝรั่งเศส ของคำว่า Diptych จากภาษากรีกโบราณ เป็นศัพท์ในการวาดภาพและงานประติมากรรมต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นช่องสองช่องต่อกัน และหากเรามองที่ตัวร้าน หน้าร้านที่หันหน้าเข้าหาถนนนั้น มีลักษณะเป็นช่องต่อกันเหมือนภาพวาด ทั้งสามคนที่มีความชื่นชอบและเชี่ยวชาญในด้านศิลปะอยู่แล้ว บวกเข้ากับต้องการให้ชื่อร้านมีความน่าค้นหา ไม่เหมือนใคร และแฝงความเป็นศิลปะ ชื่อ diptyque จึงกลายมาเป็นชื่อของร้าน
ต่อไปก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย เราจะพาทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชมในร้านกันครับ
Diptyque, the store of wonder
หากทุกท่านมาเยือนที่แห่งนี้ในปี 1961 หรือ 1962 โดยต้องการซื้อเทียนหอม หรือน้ำหอมแบบที่ขายในปัจจุบัน อาจจะต้องผิดหวังสักหน่อย เพราะในช่วงแรกที่เปิดร้าน สิ่งที่ทั้งสามขาย คือ ผ้าลวดลายศิลปะที่ทั้งสามคนออกแบบ ภาพวาด งานศิลป์ ก่อนจะตามมาด้วยของต่าง ๆ ที่ทั้งสามคนพบเจอในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแถบยุโรป จนถึงเอเชีย และซื้อกลับมา
สิ่งเหล่านี้ทำให้ร้านมีบรรยากาศพิเศษที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ที่งานศิลปะ วัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ มาบรรจบกัน ทำให้ร้านเริ่มเป็นที่พูดถึง และเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมในเวลาต่อมา
ในปี 1963 ทั้งสามคนเกิดความคิดที่จะทำเทียนหอมให้เข้ากับผ้าที่พวกเขาออกแบบ หลังจากการลองผสมส่วนผสมต่าง ๆ จึงเกิดเป็นเทียนหอม 3 กลิ่นแรก คือ Aubépine, Cannelle และ Thé ผลคือ มันประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในฐานะงานศิลป์ที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่นหอม เทียนหอมทั้งหมดถูกทำขึ้น ในห้องทำงานของ Desmond ชั้นบนของร้าน diptyque ร้านแรก
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป 5 ปี ในปี 1968 หากทุกท่านมาเยือนร้านในช่วงปีนี้เป็นต้นไป ท่านจะสามารถซื้อได้ทั้งเทียนหอมที่ได้รับความนิยม และน้ำหอมตัวแรกของ diptyque นั่นคือ eau de toilette ที่มีชื่อว่า “L’Eau”
eau de toilette ตัวแรกของ diptyque ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรการทำ potpourri (ดอกไม้แห้งผสมเครื่องเทศให้มีกลิ่นหอม) ของศตวรรษที่ 16 และกลิ่นลูกหอม (pomanders) เมื่อมันวางขาย แน่นอนว่าได้รับความนิยมไม่แพ้เทียนหอมเลย
ด้วยการเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่นของเทียนและน้ำหอม ทำให้ diptyque กลายเป็นที่เลื่องลือ ขยายกิจการและเปิดสาขาทั่วโลก อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน
นอกจากเทียนและน้ำหอม ปัจจุบันนี้ diptyque ก็ยังผลิตเครื่องหอมในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาตีตลาดอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ น้ำหอมระเหย น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งสินค้าของ diptyque นั้น เป็นสินค้าที่ทำมาให้ใช้ได้แบบ unisex ผู้ชายใช้ได้ ผู้หญิงใช้ดี
บันทึกความทรงจำของสถานที่และช่วงเวลาผ่านกลิ่นหอม
แม้การเดินทางไปเรียนรู้ ประวัติ diptyque จะจบลงไปแล้ว แต่ถ้าเราไม่แนะนำของขึ้นชื่อเสียหน่อย ก็คงจะไม่ได้ สำหรับใครที่อยากจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไป
เทียนหอม และ น้ำหอม diptyque มักได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทาง สถานที่ต่าง ๆ จากตะวันตก ถึงตะวันออก รวมถึงกลิ่นของดอกไม้ต่าง ๆ ที่ผลิบานอยู่ในแถบนั้น การจุดเทียนหอม หรือการฉีดน้ำหอม diptyque จึงเป็นเหมือนการออกเดินทางไปสู่สถานที่นั้น ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ diptyque จับกลิ่นอาย ความรู้สึกในช่วงเวลานั้น มาใส่ในเทียนและขวดน้ำหอม
สำหรับกลิ่นที่ได้รับความนิยมตลอดกาลของ diptyque คือน้ำหอมที่มีชื่อว่า L’Ombre dans L’Eau เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1983 และได้รับความนิยมเรื่อยมา จนเรียกได้ว่าเป็น Signature ของทางแบรนด์ไปแล้ว มันเป็นกลิ่นที่จะพาเราเดินเล่นไปตามสวนเลียบแม่น้ำที่นิ่งสงบ ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นชวนฝันในฤดูร้อน ใต้เงาต้นหลิวของอังกฤษ ที่หอมอบอวลด้วยกลิ่มหอมของดอก Bulgarian rose และ Blackcurrant ให้ความรู้สึกหอมไม่เหมือนใคร ทั้งอโรม่าและความฟรุตตี้เล็ก ๆ ของกลิ่น
ส่วนอีกกลิ่นที่เราอยากแนะนำ เพราะกำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ คือ Tempo Eau de Parfum กลิ่นนี้จะเหมาะกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยกลิ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงยุค 60s ด้วยกลิ่นของใบพิมเสน ให้ความรู้สึกที่สุขุม และเย็น ผ่อนคลายแต่มีบรรยากาศที่น่าโหยหา น้ำหอมกลอ่นนี้ยังการันตีความนิยมด้วยรางวัล น้ำหอมผู้ชายยอดเยี่ยม จาก The Fragrance Foundation Awards London ด้วยครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้สังเกต คือ ฉลากของน้ำหอม ครับ ถ้าสังเกตดู น้ำหอม diptyque แต่ละกลิ่นจะมีภาพบนฉลากที่แตกต่างกันออกไป ตามแรงบันดาลใจ สถานที่ หรือดอกไม้ที่ต่างกันในแต่ละกลิ่น ทำให้นอกจากได้เล่าเรื่องราวผ่านกลิ่นแล้ว งานศิลป์ประกอบกลิ่นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
diptyque จึงไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องหอมธรรมดา แต่เป็น Parfumerie Masion หรือแบรนด์เครื่องหอมโดยเฉพาะ ที่เกิดจากความหลงใหลในศิลปะ ความต้องการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านมนต์เสน่ห์ของ “กลิ่น” ให้เราร่วมเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นพร้อมกับกลิ่นที่ได้สัมผัส หากทุกท่านอยากร่วมออกเดินทางไปกับกลิ่นหอมของ diptyque ก็อยากรอช้า ไปลองสัมผัสเทียนหอม และน้ำหอมของแบรนด์นี้ด้วยตัวเองกันได้ครับ