หากพูดถึงองค์ประกอบในการประสบความสำเร็จ MenDetails เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรมีคือ “ความกล้าหาญ” ในการที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง เพื่อทำตามความตั้งใจ แม้จะรู้ดีว่าความเสี่ยงและความล้มเหลวเกิดขึ้นได้เสมอก็ตาม เหมือนกับเรื่องราวของแบรนด์นาฬิกา Hublot ที่แม้ไม่ได้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นร้อยปีเหมือนใคร ๆ แต่ “อูโบลท์” ใช้ความกล้าหาญ ในการตัดสินใจ “ปฏิวัติ” วงการนาฬิกาด้วย Hublot Classic Original จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ Sport Luxury Watch ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
The Origin of Hublot
จุดกำเนิดของ นาฬิกา Hublot เริ่มขึ้นโดยชายชาวอิตาเลี่ยนนามว่า คาร์โล ครอโค่ (Carlo Croco) จากความกล้าหาญในการเดินตามความฝันด้วยการตัดสินใจลาออกจากบริษัทนาฬิกายักษ์ใหญ่ของอิตาลีอย่าง Binda Group ในปี 1976 แล้วย้ายที่อยู่ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อปลุกปั้นแบรนด์นาฬิกาของตัวเอง เขาใช้ประสบการณ์ที่มีในอุตสาหกรรมนาฬิกาบวกกับความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้อยู่นานหลายปี จนกระทั่งในปี 1980 จึงสามารถเปิดตัวแบรนด์นาฬิกา Hublot ได้ในที่สุด ซึ่งคำว่า Hublot เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึงช่องหน้าต่างด้านข้างเรือ (Porthole) ที่ คาร์โล ครอโค่ ตั้งชื่อมาจากความชื่นชอบในท้องทะเลและเรือยอชท์ของเขา
นาฬิกา Hublot Classic Original
จุดเริ่มต้นของ Hublot มาพร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกา Hublot รุ่นแรก ในงาน Basel Watch Fair ปี 1980 ที่ใช้ชื่อว่า “Hublot Classic Original” ที่ปฏิวัติวงการนาฬิกาหรูในยุคดังกล่าวด้วยการนำตัวเรือนนาฬิกาทองคำขนาด 36 มิลลิเมตร ที่เป็นเหมือนตัวแทนของความหรูหรา (Luxury) มาจับคู่กับสายยางสีดำสนิทเพื่อแสดงถึงความสปอร์ตทะมัดทะแมง (Sport) ถือเป็นงานดีไซน์ที่สวนกระแสงานออกแบบนาฬิกาหรูในช่วงเวลานั้นซึ่งร้อยทั้งร้อยจะจับคู่ตัวเรือนนาฬิกากับสายโลหะหรือสายหนังเป็นสำคัญ
ความกล้าหาญในการแหวกขนบธรรมเนียมภายใต้แนวคิด “Art of Fusion” หรือศิลปะในการผสมผสานหลากหลายวัสดุเข้าด้วยกัน ทำให้ Hublot Classic Original ในฐานะ Sport Luxury Watch รุ่นแรก ๆ ของโลก สามารถชนะใจกลุ่มคนรักนาฬิกาข้อมือที่กำลังเบื่อหน่ายในบุคลิกอันจำเจของนาฬิกาหรูในยุคดังกล่าว และมองหางานดีไซน์ที่โดดเด่นและแตกต่างมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ Hublot เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว
ก้าวเข้าสู่อาณาจักร LVMH
จากจุดเริ่มต้นในปี 1980 สู่การก้าวเข้าสู่อาณาจักรของบริษัทผู้เป็นมหาอำนาจในสินค้ากลุ่ม Luxury อย่าง LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton ในปี 2008 ด้วยเป้าหมายในการพัฒนานาฬิกา Hublot ให้แพร่หลายและยิ่งใหญ่ขึ้นอีก เริ่มตั้งแต่การลงทุนขยายโรงงานผลิตนาฬิกาครั้งใหญ่ มีการทุ่มทุนให้กับงานวิจัยวัสดุใหม่ ๆ มากมายเพื่อต่อยอดแนวคิด “Art of Fusion” ให้หลากหลายขึ้นไปกว่าเดิม ผนวกกับการสนับสนุนมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่กาตาร์ ทั้งหมดนี้ทำให้ นาฬิกา Hublot สามารถเปลี่ยนผ่านสู่แบรนด์นาฬิการะดับหรูที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นในเวทีโลก ทั้งในด้านของภาพลักษณ์และตัวเลขของผลประกอบการ
Hublot Classic Fusion Original 2023
ในปี 2023 นี้เองที่ทาง Hublot หยิบเอา Classic Original จากปี 1980 มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Hublot Classic Fusion Original โดยยังคงแนวคิด “Art of Fusion” ด้วยตัวเรือนที่ทำจากวัสดุหรูหราอย่างเช่น ทองคำ นำมาจับคู่กับสายยางสีดำสนิทตามสไตล์ของ Sport Luxury Watch พร้อมทั้งหน้าปัดสีดำเรียบหรูของนาฬิกาที่ไม่มีดัชนีหรือตัวเลขบอกเวลาใด ๆ กำกับทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเอกลักษณ์ที่ได้จาก Classic Original รุ่นดั้งเดิมในปี 1980 ไม่มีผิดเพี้ยน
ส่วนของรายละเอียดอื่น ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง เช่นการเพิ่มขนาดของเข็มนาฬิกาให้ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเวลา รวมถึงขอบของตัวเรือนจะมีการขันหมุดจำนวน 6 หมุด ซึ่งลดลงจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่มีจำนวน 12 หมุด ในขณะที่รูปร่างของโลโก้และตัวอักษร HUBLOT มีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดตามสมัยนิยม พร้อมทั้งช่องบอกวันที่ที่ปรับไปใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นสีดำ แทนการใช้ตัวเลขสีดำบนพื้นสีขาวแบบรุ่นดั้งเดิม ซึ่งจุดนี้ทำให้หน้าปัดโดยรวมยิ่งดูกลมกลืนน่ามองและเรียบหรูมากขึ้นกว่าเดิมอีกในความคิดเห็นของเรา
Hublot Classic Fusion Original จะมีมาให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงินเทไทเนี่ยม, สีดำเซรามิค และ สีทองเยลโล่โกลด์ซึ่งทำจากทองคำแท้ 18 กะรัต โดยทั้งสามสีจะมาในขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร, 38 มิลลิเมตร และ 33 มิลลิเมตร ให้เลือกแยกย่อยไปอีก โดยในขนาด 42 และ 38 จะใช้กลไกเดินเข็มขึ้นลานอัตโนมัติ (Automatic) ส่วนขนาดเล็ก 33 มิลลิเมตร จะเป็นระบบเดินเข็มแบบควอตซ์ (Quartz) และนาฬิการุ่นนี้จะมีวางขายจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนเท่านั้น หากใครสนใจก็ต้องรีบจับจองกันให้เร็วหน่อยที่ PMT The Hour Glass ทุกสาขาในประเทศไทยครับ