จากโลก Analog มาเป็น Digital นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งหนึ่ง เมื่อ Internet เข้าถึงง่าย ชีวิตของคนเราก็ง่ายขึ้น การติดต่อสื่อสารข้ามประเทศทำได้ว่องไวอย่างที่คนในอดีตคงนึกไม่ถึงมาก่อน ไปจนถึงการที่ย่อโลกขนาดย่อมมาไว้บนสมาร์ทโฟน แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะมนุษย์เรายังคงไม่หยุดที่จะพัฒนา แม้แต่เรื่องเงินก็ยังมีสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาแล้ว และมีโอกาสที่จะขยายไปยังเรื่องการเป็นเจ้าของพื้นที่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว วันนี้ MenDetails จะมาพูดเรื่องพื้นที่เสมือนที่ ‘อาจจะ’ เป็นโลกอนาคตที่เรากำลังจะก้าวไป ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า Metaverse คือ อะไร
แรงบันดาลใจจากนิยายสู่โลก Metaverse
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีคำถามว่า แล้วสิ่งที่เรียกว่า Metaverse นั้นคืออะไร? ปกติแล้วในโลกวรรณกรรม Verse นั้นย่อมาจากคำว่า Universe เป็นการแบ่งประเภทนิยายแฟนตาซีต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้เราได้รู้ Concept ว่านิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร มีขอบเขตเรื่องราวประมาณไหน และ Metaverse ก็เป็นคำที่เกิดขึ้นจานิยายเช่นกัน จาก Snow Crash นิยาย Sci-Fi ผลงานของ Neal Stephenson เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกในอนาคต ยุคต่อจากยุคการใช้อินเตอร์เน็ตที่ผู้คนจะมี Avatar เป็นของตัวเองอยู่บนโลกเสมือน และสามารถใช้ชีวิตในโลก Metaverse นั้นได้เหมือนชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ซื้อของ วิ่งเล่น หรือ Entertainment ต่าง ๆ
แน่นอนว่าในยุค 90s โลก Metaverse ดูเป็นสิ่งแฟนตาซีและไกลตัวจากผู้คนในสมัยนั้น แต่เมื่อหยิบมาพูดถึง Concept ของมันในตอนนี้แล้วก็ดูเหมือนว่าโลกกำลังพัฒนาไปในทิศทางนั้นเลยล่ะ ฉะนั้นหากทำความเข้าใจอย่างง่ายที่สุด Metaverse คือ การใช้เทคโนโลยีในการสร้างโลกเสมือนขึ้นมา อาจจะเป็นโลกที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนโลกจริงหรือแตกต่างกันก็ได้ และเราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยในโลกเสมือนนี้ได้ผ่านการเชื่อมต่อทางเทคโนโลยี AR และ VR เป็นตัวตนแบบดิจิทัลนั่นเอง
การก้าวเข้าสู่โลกของ Metaverse ในปัจจุบัน
ในส่วนของการเข้าสู่โลก Metaverse ที่น่าจะเป็นไปได้นั้น หากพิจารณาจากเทคโนโลยีในปัจจุบัน ก็จะต้องเป็นการเข้าไปโดยเชื่อมโยงผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่าง Augmented Reality (AR) ก็จะเป็นเทคโนโลยีที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน โดยการสร้างภาพ 3D ขึ้นมาบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งมีการนำไปใช้งานในเกม Pokemon GO ใช้โปรโมตสื่อโฆษณาต่าง ๆ อย่าง AR Card ของศิลปินเกาหลี เป็นต้น ในขณะที่ Virtual Reality (VR) นั้น เป็นเทคโนโลยีที่จำลองสถานที่ขึ้นมาให้เป็นโลกเสมือน จะตัดขาดจากโลกความเป็นจริงโดยเชื่อมต่อโลกเสมือนผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น แว่นตา จอประมวลผล ซึ่งมีการใช้งาน VR ในโลกของการเล่นเกมไปจนถึงการจำลองการขับเครื่องบินเลยทีเดียว
หากในอนาคต Metaverse จะกลายเป็นอีกจักรวาลหนึ่งที่คนทุกคนมีพื้นที่อยู่บนโลกเสมือนนี้จริง ๆ ก็คงต้องบอกว่านี่ยังเป็นเพียง Stage แรก ๆ ของการก้าวเข้าไปสู่ยุคใหม่เท่านั้น
เพราะโลก Metaverse นั้นมีพื้นฐานมาจากอินเตอร์เน็ต จะเป็นโลกดิจิทัลแบบสมบูรณ์ เท่ากับการจะเข้าสู่โลกแห่งใหม่นี้ได้ต้องอยู่ในพื้นที่ที่สามารถประมวลผลได้เสถียรและว่องไว ลองนึกภาพว่าเรากำลังจะยกประชากรทั่วโลก Copy แล้ว Paste ไปยังอีกจักรวาลหนึ่ง แปลว่า จะมีจำนวนข้อมูลมหาศาลถูกย้ายไปอีกแห่ง ยิ่งมีคนเข้าใช้จำนวนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพัฒนาและรักษาเสถียรภาพได้ยากขึ้นเท่านั้น กว่าจะพัฒนาไปถึงจุดที่เรามีโลก Metaverse ได้คงต้องพึ่งพาคนและเทคโนโลยีอีกมากทีเดียว แต่ด้วยปัจจุบันที่โลกอินเตอร์เน็ตเป็น 5G นี่ก็ไม่ใช่เพียงเรื่องเพ้อฝันหรือเรื่องแต่งในนวนิยายอีกต่อไป เพราะมีร่องที่โลกใบใหม่นี้สามารถเติบโตไปได้จริงอย่างแน่นอน
ตอนนี้มีอะไรอยู่บน Metaverse แล้วบ้าง?
ตอนนี้ Metaverse ยังไม่ได้ถูกเชื่อมต่อเป็นโลกใบเดียวกัน เพียงแต่ว่าหลาย ๆ บริษัทกำลังพัฒนาการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกนี้ในรูปแบบของตัวเองอยู่ โดยสิ่งที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ที่ดูจะใกล้เคียงกับการเข้าสู่โลกเสมือนนั้นจะมีเกมสาย NTF (หรือชื่อเต็ม Non-Fungible Token) อย่าง Decentraland, The Sandbox, Axie Infinity, Evolution Land เป็นต้น เป็นกลุ่มเกมที่ทำงานอยู่บนระบบ Blockchain และใช้ Cryptocurrency ในการซื้อขายสิ่งต่าง ๆ ในระบบ บางเกมก็มีการให้ซื้อที่ดินจำลอง (Virtual Land) ในโลกนั้น ๆ เพื่อเป็นเจ้าของ ซึ่งก็จะมีแนวคิดที่ใกล้เคียงกับโลก Metaverse นั่นเองครับ
โดยหนึ่งองค์ประกอบที่จะทำให้โลกเสมือนจะกลายเป็นโลกที่เหมือนโลกจริงมากขึ้น คือ ต้องมีการซื้อขาย แลกเปลี่ยน รวมถึงเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินประกอบอยู่ ซึ่งจุดประสงค์ของการซื้อขายที่ดินดิจิทัลบนตัวเกม NFT นั้น เกิดขึ้นเพื่อให้คนมาสร้างที่อยู่อาศัย เปิดร้านค้า ทำเกษตรกรรมต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถเอาตัวตนในโลกจริงลงไปอยู่ได้ แต่เมื่อมันมีความต้องการของคนเข้าไปอยู่รวมกันจำนวนมาก พื้นที่เหล่านั้นก็มีมูลค่าขึ้นมาและเกิดการในเชิงพาณิชย์ขึ้นในที่สุดนั่นเอง
นอกจากที่ดินในเกมแล้วก็ยังมีที่ดินดิจิทัลที่สร้างขึ้นให้เหมือนกับโลกจริง (ที่ดินเสมือน) และเปิดให้คนเข้าไปเป็นเจ้าของได้บน Metaverse Thailand อีกด้วย ซึ่งเริ่มต้นเปิดขายจากโซนทองหล่อ เอกมัยและสุขุมวิท 71 ก่อน ในอนาคตจะมีการขายพื้นที่ซื้อขายให้กว้างขึ้น โดยการเป็นเจ้าของพื้นดินดิจิทัลเหล่านี้ มีประโยชน์ตรงที่หากใครต้องการทำธุรกิจอะไรบนพื้นที่ส่วนที่เราเป็นเจ้าของก็ต้องเช่าพื้นที่จากเราไปนั่นเอง โดยอาจจะเป็นการโฆษณาสินค้า เป็นพื้นที่ซื้อขายของ เป็นต้น
Global Brand ที่มองเห็นความเป็นไปได้ของโลกเสมือนแห่งนี้
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า Metaverse มาแล้ว โดยเฉพาะคนที่ก้าวเข้าไปอยู่ในแวดวงของ Blockchain แต่ดูเหมือนว่าแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้คนไทยจำนวนมากหันมาสนใจเรื่องทิศทางของโลกใหม่จริง ๆ คือ ตอนที่ Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta นี่ล่ะครับ เนื่องจาก Facebook เป็น Social Network อันดับหนึ่งที่คนทั่วโลกใช้งานสูงที่สุด (อ้างอิงจากรายงาน Digital 2020 Global Digital Overview)
โดยเป้าหมายของบริษัท Meta คือ การนำโลก Metaverse นั้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ซึ่ง Mark Zuckerberg นั้นได้เล่าถึงแผนการในอนาคตว่านี่จะเป็นโลกออนไลน์ที่ผู้คนสามารถเล่นเกม ทำงาน และสื่อสารกันได้เหมือนที่ทำอยู่ในโลกจริง เมื่อสวมใส่แว่นตา VR หรือ AR แล้วเราก็จะสามารถท่องไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่บนโลก Metaverse ได้นั่นเอง
หากเรารักการขยับร่างกาย โลก Metaverse ก็สามารถทำให้เราขึ้นไปอยู่บนเวที Boxing ได้ กระโดดเข้าไปวิ่งบนสนามบาสได้ ออกกำลังกายโดยที่มี Trainer หรือเพื่อนคนอื่นในคลาส ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราอยู่ในห้องตัวเองคนเดียวได้ สำหรับคนที่ต้องโฟกัสเรื่องการทำงานก็จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยติดต่อสื่อสารรวมถึงดูแบบแปลนต่าง ๆ เป็น 3D ประชุมเหมือนอยู่ในห้องเดียวกันทั้งที่อยู่คนละพื้นที่
หากคุณรักธรรมชาติก็จะสามารถมองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้เสมือนเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ แม้จะลงไปลึกถึงใต้มหาสมุทร หรือหากอยากมองเห็นดวงดาวอื่น ๆ ในจักรวาลในระยะเอื้อมถึงก็สามารถทำได้เช่นกัน และยังมีความน่าสนใจในทางการแพทย์ที่สามารถจำลองการผ่าตัดได้อีกด้วย ถ้าจะพูดไปแล้วก็คงมีพื้นฐานเดียวกันกับที่ Tony Stark ใช้งานในเรื่อง Iron Man นั่นล่ะครับ
ซึ่ง Facebook ถือเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดในตอนนี้ที่ก้าวเข้ามาเพื่อผลักดันให้เราได้เห็นโลกในอนาคตแห่งนี้ได้ไวขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังแบรนด์ผลิตเครื่องกีฬาอย่าง NIKE ก้าวเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน เริ่มต้นจากจดสิทธิบัตรเครื่องหมายทางการค้าและการขายสินค้าของแบรนด์บนโลกเสมือน รวมถึงมีการเปิดรับสมัครนักออกแบบสินค้าเสมือน
การเข้าร่วมของ NIKE น่าจะทำให้หลายคนมองเห็นภาพของโลกเสมือนได้ชัดเจนขึ้นครับเมื่อทุกคนต่างมี Avatar ที่เป็นตัวแทนของเราเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง แปลว่า เราก็ต้องซื้อเครื่องแต่งกายอย่างเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า Accessories ต่าง ๆ ด้วย และชุดกับ Sneaker จาก NIKE ก็จะเป็นหนึ่งตัวเลือกที่อยู่ในโลกเสมือนให้เราได้เลือกใส่กัน
สำหรับด้านชีวิตการทำงานก็มีบริษัท Microsoft เข้าร่วมอีกแห่งหนึ่ง โดยทางบริษัทกำลังมีแผนที่จะเพิ่ม Workplaces และ Avatar ในโลกเสมือนขึ้น เพื่อที่เวลาเข้าประชุมจะได้เลือกสถานที่และตัวแทนของตัวเองในการเข้าร่วมได้
การพูดถึงโลกภาพยนตร์อย่างเทคโนโลยีของ Iron Man หรือโลกของเกมจาก Ready Player One ในปี 2021 นี้ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเป็นไปไม่ได้แต่อย่างใด เนื่องจากโลกพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีกลุ่มคนที่พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้ก้าวไปยังโลกอนาคตที่ไร้พรมแดนอีกใบหนึ่งได้ ในฐานะที่อาจกลายเป็นประชากรอีกคนหนึ่งในโลกเสมือนก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าเราจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้ตอนไหนและควรเข้าไปเมื่อไหร่ นอกจากนั้นเรายังคาดเดาว่าต่อไปคงจะได้เห็น Global Brand หลายแห่งเข้าร่วมโลกใบใหม่นี้เพิ่มเติมแน่นอน