แอพพลิเคชั่นสำหรับการเดินทางอย่าง ‘Uber’ ถือเป็นรูปแบบการให้บริการขนส่งที่เข้ามาปฏิวัติวงการรถแท็กซี่ดั้งเดิมอย่างแท้จริง ยิ่งโดยเฉพาะในเมืองไทยที่แท็กซี่นั้นเอาแน่เอานอนไม่เคยได้ เรียกไปไหนก็ไม่ค่อยจะไป Uber จึงสามารถเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
แม้เราจะเอาใจช่วยให้มี Uber ต่อไปนานๆ แต่ Uber เองก็ประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งในเรื่องข้อกฎหมายของประเทศต่างๆที่ส่วนใหญ่ยังมองว่า Uber เป็นการให้บริการที่ผิดกฎหมาย และรวมไปถึงผลประกอบการของบริษัท Uber เองที่ก็ส่งสัญญาณไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2016 มีการประกาศผลประกอบการของ Uber ออกมา ก็พบว่าขาดทุนไปแล้วกว่า 1,270 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 44,000 ล้านบาท โดยสาเหตุส่วนใหญ่คือการจ่ายเงินส่วนต่างชดเชยให้แก่คนขับรถ Uber ที่เกิดจาก promotion การลดแลกแจกแถมให้ผู้ใช้บริการปกติที่ Uber มีออกมาเป็นระยะๆนั่นเอง
Travis Kalanick CEO ของ Uber (photo : inc.com)
อย่างไรก็ตามยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง นั่นก็คือรายได้ของ Uber ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงจำนวนครั้งของการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียกแท็กซี่แบบปกติ แล้วหันมาเรียกใช้รถของ Uber มากขึ้นเรื่อยๆ
คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่าหนึ่งในกิจการ Start-Up ที่โด่งดังที่สุดของโลกอย่าง Uber จะสามารถพลิกตัวเลขขาดทุนมาเป็นกำไรได้หรือไม่ และจะทำได้เมื่อไหร่
MenDetails ขอเอาใจช่วยให้ Uber ทำสำเร็จและอยู่กับเราไปนานๆครับ เพราะเราเบื่อเรียกรถแท็กซี่ปกติในกรุงเทพแบบสุดๆจริงๆ