วิกฤติเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกยุคทุกสมัย นั่นเป็นเพราะธรรมชาติของระบบที่เอื้ออำนวยให้เกิดการ “เก็งกำไร” และกระตุ้นความอยากได้อยากมีอันเป็นสัญชาติญาณที่มีอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ปุถุชนแทบทุกคน และเป็นกันหมดในทุกยุคทุกสมัย
และถ้าหากจะให้พูดถึงเหตุการณ์ที่คลาสสิกที่สุดของวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากความบ้าคลั่ง, ความโลภ และความขาดสติของมนุษย์ เห็นทีจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่มีชื่อว่า ‘Tulip Mania’ หรือ ‘ความบ้าคลั่งในดอกทิวลิป’ MenDetails เชื่อว่าผู้ชายหลายคนที่สนใจเรื่องเงินทองและการลงทุนน่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแต่อาจจะไม่ละเอียดนัก วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันว่า ‘Tulip Mania’ มีที่มาที่ไปและเป็นบทเรียนอย่างไรกับเราได้บ้าง
ภาพวาด ‘The Tulip Folly’ โดย Jean Leon Gerome
‘Tulip Mania’ ความบรรลัยของคนโลภ
เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในราวปีค.ศ. 1593 เมื่อศาสตราจารย์ทางด้านพฤกษศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์กลุ่มหนึ่ง ได้นำเอากลุ่มพืชพรรณแปลกตาจากประเทศตุรกี มาให้ชาวเนเธอร์แลนด์ได้รู้จัก หนึ่งในนั้นคือดอกทิวลิปซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชาวเมืองพอสมควร แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง การตกแต่งสวนด้วยดอกทิวลิปจึงมีอยู่อย่างจำกัด แต่แล้วคืนหนึ่งบ้านของศาสตราจารย์ท่านนี้ถูกโจรยกเค้า โดยโจรได้ขโมยเอาหน่อของดอกทิวลิปออกมาด้วย ต่อมาจึงมีการเพาะเลี้ยงดอกทิวลิปกันทั่วไปจนทำให้ดอกไม้ชนิดนี้มีราคาถูกลง
ภาพ Allegory of Flora’s Wagon of Fools ของ Hendrik Gerritsz Pot เสียดสีบรรดาพ่อค้าผู้มั่งมีที่พาผู้คน “ลงทะเล” วายป่วงกันไปหมด
เวลาผ่านไปนับ 10 ปี ดอกทิวลิปของชาวเนเธอร์แลนด์เกิดไปติดโรคพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โมเสค (Mosaic) ซึ่งโรคนี้ไม่ได้ทำให้ดอกไม้ตาย แต่กลับไปสร้างแถบสีคล้าย “เปลวเพลิง” บนดอกทิวลิป ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวเนเธอร์แลนด์เป็นอย่างมาก เจ้าเปลวเพลิงที่เกิดจากเชื้อไวรัสนี้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความบ้าคลั่งอย่างช้าๆ
พ่อค้าดอกทิวลิปจะพยายามพยากรณ์ว่า ลายเปลวเพลิงแบบไหนที่จะเป็นลายที่ได้รับความนิยมในปีนั้น จากนั้นก็จะไปกว้านซื้อดอกทิวลิปลายดังกล่าวกักตุนไว้เป็นจำนวนมาก แน่นอนเมื่อดอกทิวลิปเกิดขาดตลาดขึ้นมา ย่อมทำให้ราคาของดอกทิวลิปลายเปลวเพลิงเริ่มสูงขึ้น ข่าวของราคาดอกทิวลิปที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้นได้ไปกระตุ้นให้ผู้คนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจ และมองดอกทิวลิปเป็น “การลงทุนชนิดหนึ่ง” และเชื่อว่ากระแสความนิยมในดอกทิวลิปลายเปลวเพลิงนั้นจะยั่งยืนไม่รู้จบ
ภาพตัวอย่างของดอกทิวลิปที่ติดเชื้อไวรัส Mosaic จนเกิดลวดลายคล้าย “เปลวเพลิง” บนตัวกลีบดอกไม้
เหตุการณ์หนักข้อขึ้นถึงขนาดที่ในช่วงท้ายๆของความบ้าคลั่งนี้ ประมาณปีค.ศ. 1634-1637 บรรดาประชาชนผู้ละโมบโลภมากต่างพากันเดิมพันอย่างหนักหน่วงด้วยการยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งขายที่ทำกินและบ้านของตัวเอง เพื่อนำเงินไปซื้อดอกทิวลิปมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะมีราคาสูงแค่ไหนก็ตาม เพราะมั่นใจว่าราคาจะยังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด และในช่วงปลายปี 1636 ถึงเดือนมกราคมของปี 1637 ราคาของดอกทิวลิปพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งถึง 20 เท่าตัว แต่แล้วกลุ่มพ่อค้าที่ไหวตัวทันก็ได้ทำการขายดอกทิวลิปของเขาทั้งหมดออกมา ไม่นานคนอื่นๆก็เริ่มทำตามด้วยความตื่นตระหนกตกใจราวกับไฟลามทุ่ง สุดท้ายราคาของดอกทิวลิปดิ่งหัวลดลง 20 เท่าตัวในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกันนั้นเอง จนทำให้นักเก็งกำไรที่ขาดประสบการณ์ต้องพบกับหายนะ
กราฟแสดงราคาของดอกทิวลิปที่ร่วงลงมาจนแทบไม่ค่าใดๆเลยภายในเวลาแค่เดือนเดียวของต้นปี 1937
ช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวที่ทุกอย่างพังทลายลง ดอกทิวลิปแทบจะกลายเป็นของไร้ค่าที่ไม่มีใครต้องการ ไม่มีพ่อค้าคนไหนอยากรับซื้อดอกทิวลิปอีกต่อไป คนที่ขายไม่ทันก็ได้แต่นอนกอดดอกไม้เอาไว้โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความบรรลัยของคนโลภส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเนเธอร์แลนด์ เพราะวิกฤติดอกทิวลิปทำให้ประชาชนจำนวนมากสูญเสียเงินทองและสูญเสียอำนาจการใช้จ่ายแทบทั้งหมด การจับจ่ายเพื่อการบริโภคจึงหยุดชะงัก และทำให้ประเทศเนเธอร์แลนด์ต้องเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานนับทศวรรษเลยทีเดียว
จำไว้เป็นบทเรียน
เรื่องราวทำนองเดียวกันกับ Tulip Mania ที่ MenDetails นำมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้นั้น สามารถเกิดขึ้นใหม่ซ้ำได้อีกหลายครั้งในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นฟองสบู่ดอทคอมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย หรือแม้แต่ปรากฎการณ์ “จตุคามรามเทพ” ที่เกิดขึ้นในบ้านเราเองก็เช่นกัน ถึงแม้มันจะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างจนต้องจารึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์แบบเดียวกับ Tulip Mania ก็ตาม แต่ลักษณะการเกิดขึ้นและพังทลายลงนั้น ใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียว
บทเรียนจากเหตุการณ์แย่ๆเหล่านี้จะช่วยเตือนสติให้พวกเราในฐานะนักลงทุนสามารถหาทางเอาตัวรอดได้ในสภาวะที่เกิด “ความบ้าคลั่งอย่างไร้เหตุผล” ไม่ว่าจะกับสิ่งใดในอนาคต สิ่งที่ยากก็คือการพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตัวเองเข้าไปร่วมวงความบ้าคลั่งเหล่านั้นด้วย ไม่ว่าผลตอบแทนจะดูเย้ายวนใจแค่ไหนก็ตาม เพราะ MenDetails เชื่อว่าการประสบความสำเร็จในการลงทุน เกิดจากการได้รับผลตอบแทนที่ “สมเหตุสมผล” อย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่ใช่ผลตอบแทนก้อนใหญ่ในระยะเวลาสั้นๆครับ
ภาพวาด Allegory of Tulipomania โดย Jan Brueghel the Younger เสียดสีความบ้าคลั่งของคนในช่วงฟองสบู่ดอกทิวลิป