คำว่า Safe Haven (เซฟ ฮาเว่น) แปลความหมายตรงตัวตาม Cambridge dictionary ได้ว่า “a place where you are protected from harm or danger” หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็คือ “ที่หลบภัย” นั่นแหละครับ แต่พอมาเป็นศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน คำว่า Safe Haven จะให้ความหมายโดยอุปมาอุปไมยว่า
Safe Haven : an investment that keeps its value, especially when other investments are falling or may fall in value
เซฟ ฮาเว่น : การลงทุนที่สามารถคงมูลค่าของตัวเองเอาไว้ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่การลงทุนอื่น ๆ กำลังมีมูลค่าลดลง หรือมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าลดลง
ว่าที่จริงการลงทุนใด ๆ ก็สามารถเป็น “เซฟ ฮาเว่น” ได้ ถ้าหากมันสามารถรักษามูลค่าของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ลดลงในยามที่การลงทุนอื่น ๆ ร่วงลงระนาว แต่ทว่าตามประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอันยาวนานนั้น ดูเหมือนว่า “ทองคำ” จะได้รับการยกย่องให้เป็น Safe Haven ตัวจริงเสียงจริงที่นักลงทุนให้การยอมรับเสมอมา
หลักฐานการยอมรับทองคำเป็น Safe Haven เห็นได้จากการที่ผู้คนทั่วไปเชื่อมั่นว่าทองคำมีมูลค่าในตัวของมันเอง แม้แต่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ก็เก็บรักษาทองคำเอาไว้ โดยนับเป็น “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” นั่นเพราะประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกก็ยอมรับตรงกันว่าทองคำมีค่าเป็นเสมือนหลักประกันฐานะของประเทศได้เลยทีเดียว การยอมรับโดยรัฐบาลทั่วโลกยิ่งส่งผลย้อนไปให้น้ำหนักและความมั่นใจซ้ำ ๆ แก่ประชาชนทั่วไป ให้ซื้อทองคำเก็บไว้เป็น “ที่หลบภัย” ให้กับตัวเอง และเชื่อว่าทองคำจะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสขาดทุนในระยะยาวที่ไม่มากนัก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปีก็ตาม
อ่านถึงตรงนี้คงไม่มีใครสงสัยในเรื่องการยอมรับ “ทองคำ” จากผู้คนทั่วโลก แต่เราเคยสงสัยบ้างไหมว่า เพราะอะไรถึงต้องเป็น ทองคำ ? ทำไมไม่เป็น ทองแดง, ทองเหลือง หรือ ทองม้วน ? ทำไมต้องเป็น “ทองคำ” ?
คุณสมบัติทางเคมีของ “ทองคำ”
ทองคำ มีคุณสมบัติทางเคมีที่น่าทึ่งเนื่องจากมันเป็นแร่ธาตุที่ไม่มีอะไรทำลายมันให้เสื่อมสลายหายไปได้ สนิมไม่กินทองคำ ความร้อนสูง ๆ อาจหลอมทองคำให้เหลวได้ แต่เมื่อความร้อนจางไป ทองคำเหลว ๆ เหล่านั้นก็จะกลับมาแข็งตัวเป็นก้อนเหมือนเดิม แม้จะมี “กรดกัดทอง” หรือ Aqua Regia ที่สามารถย่อยสลายทองคำได้ แต่ทองคำในกรดนั้นก็ไม่ได้หายไปอย่างถาวรและยังสามารถกู้คืนกลับมาได้เช่นกัน
คุณสมบัติที่เกือบเรียกได้ว่า “อมตะ” แบบนี้ ทำให้เราสามารถเก็บรักษาทองคำไว้ได้อย่างยาวนานโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะเน่าเสียหรือเสื่อมสลายไป จะฝังดินก็ได้ไม่ต้องกลัวปลวกแทะ จะถ่วงน้ำไว้ก้นทะเลสาบส่วนตัวที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวสนิมกิน ต่างกับเงินกระดาษ หรือ แร่อื่น ๆ อย่าง เหล็ก ทองเหลือง ทองแดง ฯลฯ ที่ถึงแม้จะมีความคงทนถาวรในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เทียบเท่า “ทองคำ”
มนุษย์พยายามยังไงก็หาทองคำมาเพิ่มได้ยาก
ยามใดที่มีสิ่งใดได้รับการยอมรับว่ามีมูลค่าจากผู้คนมากมาย ความโลภจะกระตุ้นให้มนุษย์ออกไปตามหาสิ่งนั้นมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ลูกปัดของชนเผ่าในแอฟริกา, หินปูนของชาวแยป หรือแร่เงิน (silver) ที่มนุษย์จะออกไปตามหามาทุ่มใส่ตลาดแบบไม่อั้นจนทำให้มูลค่าของมันจำเป็นต้องลดลง เพราะสิ่งเหล่านั้นถูกความโลภของมนุษย์พิสูจน์ได้ว่า “มันไม่ได้หายากอย่างที่คิด”
แต่ ทองคำ นั้นต่างออกไป เพราะไม่ว่ามนุษย์จะใช้ความพยายามขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเสาะหาแร่ทองคำออกมาจากธรรมชาติได้มากพอที่จะทุ่มใส่ตลาดเป็นปริมาณมาก ๆ จนทำให้มูลค่าของมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเวลาอันรวดเร็วได้ สิ่งนี้คือ “ความหายากของทองคำ” ที่แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหักล้างความจริงข้อนี้ได้
ลองจินตนาการว่า หากในอนาคตเกิดมีการค้นพบแหล่งทองคำจำนวนมหาศาลที่จะเพิ่มปริมาณทองคำบนโลกนี้ได้อีกหลายเท่าตัว นั่นจะกลายเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้มูลค่าของทองคำที่เรามีอยู่นั้นลดลงจนสูญเสียฉายา Safe Haven ได้ในที่สุด แต่ทุกวันนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น และอาจไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยด้วย “ทองคำ” จึงยังคง “อมตะที่สุด” และ “หายากที่สุด” เท่าที่ความสามารถของมนุษย์จะพิสูจน์ได้ เหตุผลเหล่านี้ทำให้มูลค่าของทองคำนั้นคงทนไม่หวั่นไหวและทำให้มันได้รับฉายา Safe Haven มาจนถึงทุกวันนี้
สภาพคล่องจากการยอมรับที่แพร่หลาย
นอกจากจะอมตะและหายากแล้ว ทองคำยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่วัตถุอื่นไม่มี นั่นคือการสะสมชื่อเสียงและคุณค่าของมันมานานหลายพันปีจนได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ส่งผลให้ทองคำมีสภาพคล่องที่สูงมาก มีตลาดระดับโลกเป็นของตัวเอง ซื้อก็ง่าย ขายก็คล่อง ยิ่งคนยอมรับมากเท่าไหร่ ก็ทำให้คุณสมบัติข้อนี้ของทองคำแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากสิ่งอื่นที่แม้อาจจะมีความอมตะและหายากเช่นกัน แต่ความแพร่หลายในการยอมรับของมันไม่สูงเท่าทองคำ ทำให้นักลงทุนไม่ได้จัดให้สิ่งเหล่านั้นเป็น Safe Haven แบบทองคำ
สิ่งที่ทำให้ ทองคำ สามารถคงมูลค่าของตัวเองได้หลายพันปี ไม่ใช่เพราะมันเป็นโลหะสีเหลืองเรืองรองที่คนเอามาทำเป็นเครื่องประดับ แต่เป็นเพราะคุณสมบัติทางเคมีที่เกือบเรียกได้ว่า “อมตะ” คงทนเก็บไว้ได้นานเป็นพัน ๆ ปี บวกกับความเป็นแร่ธาตุที่ “หายากมาก” ที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้ว่าความหายากของมันเป็นเรื่องหลอกลวง คุณสมบัติเหล่านี้ต่างหากที่อยู่เบื้องหลังการยอมรับว่าทองคำนั้น “ปลอดภัย” และเป็นหลักประกันฐานะอันมั่นคง ไม่ว่าสำหรับบุคคลทั่วไปหรือระดับประเทศก็ตาม นับเป็น Safe Haven ที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะเป็นเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ จนกว่ามนุษย์จะค้นพบสิ่งใดที่ “ดีกว่าทองคำ” นั่นแหละครับ