ยามใดก็ตามที่เราเริ่มเห็นว่า ราคาสินค้าต่าง ๆ มีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน คำว่า เงินเฟ้อ จะกลายเป็นคำฮิตติดปากที่นักวิเคราะห์การเงินทั้งหลายจะหยิบมาพูดคุยกันไม่เว้นวัน ในครั้งนี้ MenDetails จะขอหยิบเอาเงินเฟ้อ 3 แบบมาให้ผู้อ่านทุกคนทำความรู้จักกัน เพื่อรู้เท่าทันและหาลู่ทางในการเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ครับ
เงินเฟ้อ ที่เกิดจากราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
เงินเฟ้อชนิดนี้ดูจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นตรง ๆ แบบเข้าใจได้ง่าย ๆ โดยเกิดจากปัญหาเรื่องอุปทาน หรือ “ของขาดตลาด” เป็นสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากสมมติมีประเทศ A ที่ผูกขาดการเป็นผู้ผลิตแร่สำคัญชนิดหนึ่งถึง 50% ของตลาดโลก อยู่มาวันหนึ่งประเทศ A มีปัญหาการเมืองภายในจนไม่สามารถผลิตแร่ชนิดนี้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าจะทำให้แร่ชนิดดังกล่าวขาดตลาดทันที และราคาของแร่นั้นรวมถึงสินค้าที่ต้องใช้แร่ดังกล่าวมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตย่อมสูงขึ้นทันทีเช่นกัน
เงินเฟ้อประเภทนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เรื่อย ๆ และการรับมือกับมันก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา คือพยายามเลือกใช้สินค้าที่ขาดตลาดดังกล่าวให้น้อยลง จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ หรือจนกว่าจะพบสินค้าชนิดอื่นที่สามารถนำมาใช้ทดแทนได้ในราคาที่ถูกกว่า
เงินเฟ้อที่เกิดจากการที่มีจำนวนเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น
เงินเฟ้อประเภทนี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นอีกนิด โดยเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่ไม่ได้เกิดจาก “สินค้ามีราคาสูงขึ้นอย่างตรงไปตรงมา” แต่เกิดจากการที่เงินของเรามีมูลค่าและอำนาจในการจับจ่ายลดลงต่างหาก ตัวอย่างเช่น หากสมมติมีประเทศ A ที่อยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการ “แจกเงิน” ผ่านโครงการของภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนนำเงินดังกล่าวออกมาใช้จ่าย โดยแจกเงินให้ทุกคน คนละ 10,000 เหรียญทันที ในแว็บแรกอาจฟังดูดีและได้ใจประชาชนมากมาย แต่การแจกเงินดังกล่าวจะส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะทำให้เงินแต่ละเหรียญในระบบมีมูลค่าและอำนาจในการจับจ่ายลดลง เนื่องจากเงินจำนวนมากขึ้นหมุนเวียนกลับมาซื้อของที่มีปริมาณเท่าเดิม
วิธีการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อแบบนี้ที่ต้นเหตุจะค่อนข้างยาก เพราะเป็นปัญหาที่เกิดจากการกำหนดนโยบายของผู้มีอำนาจควบคุมนโยบายทางด้านการเงินในแต่ละสังคม ทางเดียวที่ทำได้ คือ พยายามเอาชนะมันที่ปลายเหตุด้วยการ นำเงินไปลงทุนในสิ่งที่เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าและทดแทนการลดมูลค่าของเงินในกระเป๋าของเราในแต่ละปีให้ได้ นี่จึงเป็นที่มาของการบริหารเงินส่วนบุคคลที่แนะนำให้เราต้องซื้อกองทุนรวม, หุ้น หรือ อสังหาริมทรัพย์ แทนการออมเงินในธนาคารที่ไม่มีทางเอาชนะเงินเฟ้อได้นั่นเอง
เงินเฟ้อที่เกิดจากกิเลสส่วนตัว
เงินเฟ้ออีกหนึ่งประเภทเกิดจากกิเลสส่วนตัวหรือที่เรียกว่า “Lifestyle Inflation” อันเกิดจากสิ่งกระตุ้นหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องรายได้ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเราทำงานนานขึ้น ซึ่งทำให้เราเผลอใช้จ่ายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว รวมถึงโลกของ Social Media ในปัจจุบันที่ทำให้เราเห็นวิถีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าของดารานักแสดงคนดัง หรือบรรดาเพื่อน ๆ ของเราที่มักโพสต์รูปของใช้หรูหราและสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยกระตุ้นต่อมกิเลสให้เราอยากได้อยากมี จนกระทั่งเผลอใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
วิธีการแก้ไขเงินเฟ้อประภทนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบเรื่องเงินมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รู้จักหักห้ามใจ ควบคุมไม่ให้ Lifestyle Inflation ครอบงำ หันไปประหยัดอดออมเงินส่วนเกินเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์และการลงทุนประเภทต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้เงินงอกเงยไปต่อสู้กับเงินเฟ้อประเภทอื่น ๆ ต่อไป
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เรียกว่า “เงินเฟ้อ” นั้นมีหลายประเภท หลายระดับ และมีการจัดการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ยากง่ายต่างกันอยู่ที่ปัจจัยต่าง ๆ ที่ผู้ชายอย่างเราสามารถควบคุมได้ ใครก็ตามที่รู้เท่าทันและทำความเข้าใจได้ว่า เงินเฟ้อที่เรากำลังประสบปัญหาอยู่เป็นเงินเฟ้อประเภทไหน จะช่วยทำให้หาวิธีแก้ไขได้ตรงจุดยิ่งขึ้น และช่วยทำให้เราเป็นผู้ชายที่ฉลาดและมีความรับผิดชอบทางการเงินมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ