ใครที่กำลังเจอปัญหา เก็บเงิน ไม่อยู่ เราแนะนำให้เลิกเรียกสิ่งที่ทำอยู่ว่าการ “เก็บเงิน” หรือ “ออมเงิน” แล้วเปลี่ยนไปเรียกว่าการ “ซื้อเวลาให้ตัวเอง” MenDetails เชื่อว่าจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้เรา สร้างฐานะยังไง ให้มั่นคงและยาวนานกว่า มาลองดูกันครับว่าเพราะอะไรและเราจะบอกวิธีคร่าว ๆ ในการคำนวณให้ด้วยว่า เวลา 1 วัน ของคุณมีมูลค่ากี่บาทกันแน่
จะรู้วิธี สร้างฐานะยังไง ไปทำไม
มีเงินก็ต้องเอาไปซื้อความสุขสิ
เมื่อเราพยายามบอกตัวเองว่าเราจะต้อง “เก็บเงิน” คำว่า เก็บ จะสร้างความรู้สึกว่ามันกำลังจะไม่มีประโยชน์ เงินจะอยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ และไม่ได้สร้างความสุขใด ๆ ให้กับเรา ทั้ง ๆ ที่เราทำงานแทบเป็นแทบตายเพื่อให้ได้มันมา ดังนั้นคนเรามักจะสะดวกใจที่จะเอาเงินไป “ซื้อ” เพื่อสร้างความสุขให้ตัวเองมากกว่าที่จะเอามา “เก็บ” ว่าที่จริงเงินถูกออกแบบมาให้มีอำนาจในการเป็นตัวกลางในการ “ซื้อ” สิ่งต่าง ๆ ด้วยซ้ำไป ดังนั้น การพูดว่า “เก็บเงิน” เป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติในความคิดของเราส่วนใหญ่ เพราะสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมีแต่จะกระตุ้นให้เราคิดว่า “เมื่อมีเงินก็ต้อง ‘ซื้อ’ สิ!”
เวลา 1 ชั่วโมงของเรา มีราคาเท่าไหร่?
คำว่า “เงินซื้อเวลาไม่ได้” อาจถูกต้องในบางบริบท แต่มันไม่จริงเสมอไป MenDetails ขอเสนอว่าเราสามารถหา “ราคา” ของเวลาส่วนตัวของเราเองได้ด้วยวิธีการดังนี้ครับ
- ค้นหาให้ได้ก่อน ว่าเรามี ‘รายจ่ายต่อเดือน’ เท่ากับเท่าไหร่?
- นำรายจ่ายต่อเดือนของเราไปหารด้วยจำนวนชั่วโมงต่อเดือน ซึ่งเท่ากับ 730 ชั่วโมง
- นำผลลัพธ์ที่ได้จากข้อ 2 ไปหารด้วย 0.04 ตามกฎ 4% Rule
- ผลลัพธ์ที่ได้ คือ “ราคาเวลา 1 ชั่วโมงของเราเอง”
ยกตัวอย่างการคำนวณ เช่น หากเราติดตามรายจ่ายของเราแล้วพบว่าเรามีรายจ่ายประมาณ 35,000 บาท/เดือน เมื่อ 35,000 ไปหารด้วย 730 ชั่วโมง จะได้ประมาณ 48 บาท/ชั่วโมง จากนั้นนำตัวเลข 48 ไปหารด้วย 0.04 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 1,200 บาท นั่นหมายความว่า เราสามารถ “ซื้อเวลา” ให้กับตัวเราเองในอนาคตได้ 1 ชั่วโมง ด้วยเงินจำนวน 1,200 บาทนั่นเอง
หรือถ้าใครมองว่าวิธีคำนวณข้างต้นซับซ้อนเกินไป สามารถเอารายจ่ายต่อเดือนของเราไปหารด้วยตัวเลข 29 ได้เลย ซึ่งจะได้คำตอบที่ใกล้เคียงกัน และง่ายกว่าในการคำนวณครับ ตัวอย่างเช่น รายจ่าย 35,000 บาท/เดือน หารด้วย 29 เท่ากับ 1,207 บาท เป็นต้น
เอาเงินไปซื้อเวลา แทนการซื้อสิ่งของ
ราคาของเวลาสำหรับแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน คนที่มีรายจ่าย 50,000 บาท/เดือน ก็จะมีราคาเวลา 1 ชั่วโมง ประมาณ 1,715 บาท แต่ถ้าเพิ่มเป็น 70,000 บาท/เดือน ก็จะเท่ากับประมาณ 2,400 บาท เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนก็ต้องค้นหาความต้องการบนความพอดีของตัวเองว่าจะใช้จ่ายเท่าไหร่ในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ดี ถ้าเราเป็นคนที่มีรายจ่ายราว 35,000 บาท/เดือนตามตัวอย่าง ซึ่งจะทำให้เวลาของเรามีราคาประมาณ 1,200 บาท/ชั่วโมง เช่นนั้นแล้วต่อไปเวลาเราอยากจะซื้ออะไรก็ตาม ให้ฉุกคิดว่าเราสามารถเอาเงินไป “ซื้อเวลา” ให้ตัวเองในอนาคตได้อย่างถาวรในราคาชั่วโมงละ 1,200 บาท
“อาหารมื้อใหญ่ ราคา 1,200 บาท กับเวลาว่าง 1 ชั่วโมงที่เราจะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต เราจะเลือกอะไร?”
“เสื้อผ้าสุดหรู ราคา 12,000 บาท กับเวลาว่าง 10 ชั่วโมงที่เราจะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต เราจะเลือกอะไร?”
“ดาวน์รถใหม่ 120,000 บาท กับเวลาว่าง 100 ชั่วโมงที่เราจะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต เราจะเลือกอะไร?”
หากเราเชื่อว่า เวลาว่างที่เราสามารถตัดสินใจทำอะไรก็ได้ เป็นของมีค่าและจะสร้างความสุขให้เราในอนาคต การเลือกนำเอาเงินไป “ซื้อเวลา” คือ คำท้าทายที่น่าตื่นเต้นกว่า และมีพลังขับเคลื่อนที่จะกระตุ้นไฟในตัวคุณได้มากกว่าการบอกตัวเองว่า “เราต้องรู้จักเก็บเงินได้แล้วนะ” หลายเท่าเลยทีเดียว
ต้องซื้อเวลาสะสมไว้เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ?
การคำนวณหาราคาของเวลาข้างต้นนั้น วางอยู่บนของทฤษฎี “กฎ 4%” อันเป็นคัมภีร์ของกลุ่ม FIRE Movement หรือ Financial Independence Retire Early ซึ่งระบุว่า
เราสามารถใช้จ่ายเงินจำนวน 4% ต่อปีจากเงินลงทุนที่เราได้ซื้อสะสมไว้ โดยที่เงินเหล่านั้นจะไม่หมดลง แต่มีข้อแม้ว่าเงินก้อนดังกล่าวจะต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง MenDetails ได้เคยทำโจทย์ตุ๊กตาเอาไว้ในบทความก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปสู่ตัวอย่างเดิมที่เรายกขึ้นมาในบทความนี้ หากเรามีค่าใช้จ่าย 35,000 บาท/เดือน ซึ่งเท่ากับ 420,000 บาท/ปี ซึ่งเท่ากับ 4% ของเงินก้อนจำนวน 10,500,000 บาทที่เราต้องมีเพื่อ “อิสรภาพทางการเงินของเราเอง” ตามกฎ 4% และเมื่อเรานำมาหารด้วย 1,200 บาท ก็จะได้เท่ากับ 8,750 ชั่วโมง เป็นจำนวนชั่วโมงที่เราต้องสะสมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบนั่นเอง
นำเงินไปลงทุน ช่วยลดจำนวนชั่วโมงที่เราต้องซื้อได้
อ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจกำลังคิดในใจว่า ต้องหาเงินมาซื้อเวลาตั้ง 8,750 ครั้ง กว่าจะพบอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งดูจะยาวนานเกินไป แต่ความจริงแล้วเราสามารถลดจำนวนชั่วโมงได้ด้วยการนำเงินเหล่านั้นไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน โดยผลตอบแทนที่เราคาดหวังนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องเยอะหรือสูงจนเกินจริง เพียงแค่ทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 7% ต่อปีขึ้นไป ก็จะช่วยลดชั่วโมงเวลาที่เราต้องออกเงินซื้อได้มากแล้วนั่นเอง ลองคลิกไปอ่านบทความเรื่องผลตอบแทน 7% เพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมนะครับ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดที่บทความนี้ต้องการนำเสนอนั่นก็คือ การเปลี่ยนความคิดและแรงผลักดันที่มีพลังน้อยอย่างคำว่า “เก็บเงิน” กลายเป็นการบอกตัวเองว่าเรากำลัง “ซื้อเวลา” ให้กับตัวเอง นั่นเพราะไม่มีใครปฏิเสธว่าเวลาคือของมีค่ายิ่งในชีวิตดังนั้นหากเรารู้ดีแก่ใจว่าเราสามารถ “ซื้อเวลา” เพื่อตัวเองในอนาคตได้ MenDetails เชื่อว่าจะเป็นพลังผลักดันในการสร้างฐานะให้ดีขึ้นและมั่นคงขึ้นในระยะยาวได้ดีกว่าแน่นอน
ด้วยวิธีคิดแบบซื้อเวลาให้ตัวเองนี้ ก็หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ทุกคน สร้างฐานะมั่นคง ได้ MenDetails ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยและมั่งคั่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมทุกคนนะครับ