MenDetails ได้เคยอธิบายถึง การคำนวณค่าใช้จ่ายในการขับรถไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นวิธีคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อนและอาจสร้างความมึนงงให้กับคนที่ไม่เก่งเรื่องตัวเลขและการคิดคำนวณเท่าไหร่นัก ในบทความนี้ทางเราจึงขอเสนอ สูตรคำนวณค่าใช้จ่ายการขับรถยนต์ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถคิดได้อย่างรวดเร็วว่า ถ้าจะ ซื้อรถ สัก 1 คัน เราจะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนในการขับรถคันนั้นเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ต่อเดือนกันแน่?
สูตรคำนวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนในการขับรถยนต์
สูตรคำนวณค่าใช้จ่ายการขับรถยนต์
(ราคารถยนต์ x 2) หารด้วย 60
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ “ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน” ในการ ซื้อรถ แล้วขับรถยนต์คันนี้เป็นเวลา 5 ปี ที่ระยะทางรวมประมาณ 150,000 กิโลเมตร
ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการซื้อรถยนต์ 1 คันที่มีราคา 480,000 บาท ให้เรานำตัวเลข 480,000 คูณด้วย 2 เท่ากับ 960,000 บาท จากนั้นเอาไปหารด้วย 60 จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 16,000 บาท เป็นตัวเลขค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนที่คุณต้องเสียไป (ซึ่งไม่เท่ากับค่าผ่อนรถนะครับ) แลกกับการขับรถคันนี้เป็นเวลา 5 ปี โดยขับสม่ำเสมอเฉลี่ยประมาณ 30,000 กิโลเมตรต่อปี รวมเป็นระยะทางราว 150,000 กิโลเมตร
ประโยชน์ของสูตรคำนวณนี้ เมื่ออยาก ซื้อรถ
ประโยชน์อย่างแรกสุดของ สูตรคำนวณค่าใช้จ่ายการขับรถยนต์ ดังกล่าว นั่นคือการ “ดึงสติ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังอยากจะซื้อรถมาขับเอง ทำให้เราถามตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะซื้อรถในฝันว่า “แน่ใจไหมว่าจะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้จริง ๆ” ในความเป็นจริงนั้นรถราคา 480,000 บาท อาจมีเงินงวดในการผ่อนซื้อรถราวเดือนละ 8,000-10,000 บาทเท่านั้นเอง นั่นจึงทำให้หลายคนเชื่อว่า “ผ่อนไหว” แต่ความเป็นจริงการซื้อรถยนต์มีเรื่องของค่าเสื่อมราคา และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไป กลายเป็นที่มาของการซื้อรถเมื่อไม่พร้อม เป็นการใช้เงินเกินตัวจนไม่มีเงินเหลือเก็บไปลงทุนสร้างฐานะให้ตัวเองเสียที และได้แต่สงสัยกับตัวเองว่า “เงินเราไปไหนหมด”
จุดอ่อนของ สูตรคำนวณค่าใช้จ่ายการ ซื้อรถ สักคันขับ
สูตรคำนวณดังกล่าว เป็นการคำนวณหาตัวเลข “คร่าว ๆ” เท่านั้น ไม่สามารถคาดหวังความแม่นยำอย่างสมบูรณ์แบบ 100% ได้ และอาจไม่สามารถใช้ได้กับการ ซื้อรถยนต์ในบางกรณี เช่น รถซูเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้านบาท ซึ่งมีที่มาจากภาษีนำเข้าที่สูงมากของประเทศไทย หรือการซื้อรถประเภท “รถสะสม” ซึ่งหลายครั้งรถยนต์ประเภทนี้มักจะมีราคาที่สูงขึ้นตามความหายากของมัน และสุดท้ายหากคุณมีข้อได้เปรียบในการประหยัดเงินบางกรณี เช่น เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน หรือผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเองได้ หรือสามารถซ่อมบำรุงรถยนต์ด้วยตัวเอง ก็อาจทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายหลายอย่างได้เช่นกัน
แต่ถ้าเราเป็นผู้ชายที่กำลังจะซื้อรถธรรมดาทั่วไป ราคาประมาณ 500,000-2,000,000 บาท ไม่ได้เป็นรถสุดเท่โดนใจนักสะสม และโดยพื้นฐานแล้วเราเองก็ไม่ได้มีทักษะเรื่องช่างระดับสูงที่จะมาซ่อมรถเอง เปลี่ยนยางรถยนต์เอง หรือ ซ่อมเครื่องยนต์เองได้ ฯลฯ การเอาสูตร “ราคารถ x 2 แล้วหารด้วย 60” ไปใช้จะช่วยให้เราเล็งเห็นถึงค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของการมีรถยนต์ 1 คัน และถามตัวเองอีกสักครั้งว่า “ไหวจริงหรือเปล่า?”