วางแผนล่วงหน้า
ใครๆก็รู้อยู่แล้วว่าจะทำอะไรก็ต้องวางแผนล่วงหน้า แต่เอาเข้าจริงๆจะมีซักกี่คนที่นั่งวางแผนงานของตัวเองในแต่ละวันได้จริงๆ หลายคนอาจมีเป้าหมายในระยะ 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน แต่พวกเขาไม่ได้วางแผนว่าแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง สุดท้ายก็พบว่าตัวเองต้องนั่งปั่นงานหรือเร่งทำธุระให้บรรลุในช่วงท้ายๆก่อนที่จะถึงเส้นตาย กลายเป็นว่าช่วงนั้นก็จะยุ่งหัวหมุนไปเลย ดังนั้นคำว่า “วางแผนล่วงหน้า” ของเราในที่นี้คือ แตกออกเป็นแต่ละวันไปเลยว่าคุณจะทำอะไรบ้างเพื่องานสำเร็จลงได้ตามกำหนด เขียนแผนกิจวัตรของคุณให้ละเอียดและกระจายงานออกไปเป็นหน่วยย่อย ให้เราทำเพียงวันละนิดละหน่อย แล้วทำตามแผนอย่างเคร่งครัด รับรองว่างานใหญ่จะสำเร็จลงได้โดยที่คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองยุ่งจนเกินไปครับ
กำหนดเวลา
กำหนดเวลาที่ชัดเจน แล้วตั้งใจทำสมาธิให้จดจ่ออยู่กับงานที่เราวางแผนที่จะทำเอาไว้ให้เสร็จสิ้นให้ได้ ช่วงเวลาดังกล่าวจะต้องไม่มีสิ่งใดกวนใจทั้งนั้น ปิดโทรศัพท์มือถือไปเลยได้ก็ดีครับ และถ้างานของคุณไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต เราก็ขอแนะนำให้คุณปิดสัญญาณ แล้วก็ไม่ต้อง online เลยตลอดช่วงเวลาที่ตัวเรากำหนดเอาไว้ เชื่อเถอะว่าหากคุณตัดสิ่งยั่วยุที่จะมาคอยดึงความสนใจของคุณออกจากงานออกไปจนหมด แล้วทุ่มเทสมาธิทั้งหมดทำเฉพาะงานที่ตั้งใจทำให้เสร็จสิ้น คุณจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าความจริงงานต่างๆที่เราเคยใช้เวลาทำนานมากกว่าจะเสร็จ แท้ที่จริงมันทำให้เสร็จได้ภายในเวลาแค่อึดใจเดียวเท่านั้นเอง
เน้นเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆก่อน
งานการของบางคนอาจจะมีมากมายหลายอย่าง ทำยังไงก็ดูจะไม่จบสิ้นเสียที วิธีมีทางแก้ได้ด้วยการหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา ค่อยไล่เรียงลงไปว่างานที่เราต้องทำในปัจจุบันนั้นมีอะไรบ้าง จากนั้นจึงค่อยพิจารณาดูทีละอย่างว่า สิ่งใดที่มันสำคัญที่สุด ที่เราจำเป็นต้องทำ หากไม่ทำ หรือทำไม่ทันก็จะเกิดผลกระทบสูงที่สุด เมื่อไล่เรียงความสำคัญได้แล้วเราก็เริ่มต้นแบ่งเวลาเพื่อทำสิ่งนั้นให้เสร็จสิ้นไปทีละอย่าง การทำแบบนี้จะช่วยให้เราทำงานอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ไม่สะเปะสะปะ ส่งผลให้งานที่สำคัญนั้นเสร็จเร็วขึ้นอีกด้วยครับ
แบ่งงานให้คนอื่นจัดการบ้าง
เวลาของคนเรามี 24 ชม.เท่ากันทุกๆคน และแต่ละคนย่อมต้องมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป เมื่อเราจัดลำดับความสำคัญของงานของเราได้แล้ว เราควรที่จะพิจารณาว่างานที่มีความสำคัญในระดับรองๆลงไปในรายการของเรานั้น เราสามารถที่จะมอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้หรือไม่ เช่น การว่าจ้างพนักงานทำความสะอาดให้เข้าไปดูแลเก็บกวาดคอนโดของเราให้เรียบร้อยในขณะที่เราจำเป็นต้องออกไปรับรองลูกค้าสำคัญ หรือส่งเสื้อผ้าไปร้านซักรีด เพื่อให้เรามีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น จริงอยู่ที่หากคุณทำเองย่อมประหยัดเงินไปได้ แต่เวลาที่คุณเสียไปย่อมคิดเป็น “ต้นทุน” ได้เช่นเดียวกัน ลองแบ่งงานให้คนอื่นไปทำบ้างจะช่วยให้คุณมีเวลาพิเศษกับคนรอบข้างได้มากขึ้นครับ
อย่าลืมดูแลตัวเอง
หากทำทุกอย่างที่เราแนะนำมาข้างต้นแล้วสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คุณก็นับได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ทำงานจนหัวหมุน เชื่อว่าโรคออฟฟิศซินโดรมคงกำลังจะถามหา หมอนรองกระดูกเริ่มอยู่ผิดที่ เราขอร้องให้คุณคิดเสียว่า คุณควรที่จะดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองบ้างเพื่อคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณครับ จึงควรหาเวลาว่างมาบริหารร่างกาย ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพตัวเอง เพราะชีวิตเรามีชีวิตเดียวครับ ดังนั้นลองวนขึ้นไปพิจารณาอีกสักรอบว่า ยังมีงานอะไรที่คุณปล่อยวางให้คนอื่นในทีม หรือผู้เชี่ยวชาญข้างนอกเข้ามาทำแทนได้อีกบ้างไหม อย่าคิดเพียงแค่ว่าเราต้องทำเองคนเดียวครับ เพราะคนที่มีความสามารถที่จะมาทำแทนคุณนั้นมันมีอยู่แล้วครับผม