อ่านชื่อบทความแล้วหลายคนคงจะเป็นงงและสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผู้ชายจะ “อ้วนนะแต่ไม่แสดงออก” เพราะตามสามัญสำนึกทั่วไปของเรานั้น “คนอ้วนดูยังไงก็ควรจะรู้ว่าอ้วน” อาจจะสังเกตจากขนาดของหน้าท้องที่ยื่นออกมาเป็น “พุงพลุ้ยๆ” หรือสังเกตจากขนาดที่ใหญ่โตของแขนหรือขาเป็นต้น
แต่เอาเข้าจริงนั้น ผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นคนที่มีรูปร่างปกติ ไม่ได้มีน้ำหนักเกิน หรือดูอ้วนแต่อย่างใด ความจริงอาจจะเป็นกลุ่มผู้ชายที่ “อ้วนหลบใน” หรือ “อ้วนซ่อนรูป” ก็เป็นได้ และสภาวะดังกล่าวอาจจะอันตรายไม่ต่างจากผู้ชายที่มีอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินอย่างชัดเจนอีกด้วย วันนี้ MenDetails จะมาอธิบายให้ทราบกันว่า ผู้ชายที่อ้วนแต่ไม่แสดงออก หรือ Skinny Fat Guy นั้นเป็นอย่างไร
Skinny + Fat
คำว่า Skinny แปลว่า “ผอมเพรียว” ส่วนคำว่า Fat แน่นอนว่าหมายถึง “อ้วน” หรือ “ไขมัน” เมื่อนำทั้งสองคำมาวางคู่กันเป็น Skinny Fat คือคำที่อธิบายถึงบุคคลที่ดูภายนอกนั้นผอมเพรียวและมีรูปร่างที่ดูสมส่วนและเป็นปกติ แต่รูปร่างแบบนั้นเกิดจากปริมาณกล้ามเนื้อในร่างกายที่น้อยมาก และถูกพอกเอาไว้ด้วยชั้นไขมันที่สะสมตามร่างกายในปริมาณพอสมควร ทำให้ผู้ชายที่มีลักษณะ Skinny Fat เมื่อถอดเสื้อออกมาจะไม่เห็นเส้นสายและลวดลายของกล้ามเนื้อใดๆ มวลร่างกายของเขาจะกลมกลืนไปหมด เช่น ต้นแขนกลมมน, หน้าท้องมีพุงยื่นเล็กน้อย และไม่มีลอนกล้ามใดๆให้เห็น, แขนจะนิ่มเพราะไม่มีกล้ามเนื้อมากนัก เป็นต้น กล้ามเนื้อในร่างกายที่น้อยนิดนี่เองที่ส่งผลทำให้ผู้ชาย Skinny Fat สามารถสะสมไขมันได้มากขึ้นโดยไม่ทำให้ดูตัวใหญ่เกินไป และเมื่อสวมเสื้อผ้าปิดบังก็จะดูเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างปกติทั่วไปเช่นเดิม
ถึงภายนอกจะดู “ผอม” หรือ Skinny แต่ถ้าข้างในไม่มีลายกล้ามเนื้อใดๆเลย เราก็จัดได้ว่ามีหุ่นแบบ Skinny Fat ครับ
อันตรายของ Skinny Fat
ผู้ชายที่มีรูปร่างแบบ Skinny Fat อาจดูภายนอกแล้วเป็นคนที่มีสุขภาพที่ใช้ได้ ไม่มีน้ำหนักเกิน และไม่ได้ดูผอมจนเหมือนเป็นคนขี้โรค แต่ความที่ดูปกตินี่เองกลับส่งผลเสียทางจิตวิทยาที่ควรให้ความสนใจ นั่นเพราะผู้ชายกลุ่มนี้จะรู้สึก “นิ่งนอนใจ” และไม่สนใจที่จะดูแลรักษาสุขภาพและรูปร่างของตัวเอง เพราะเขาสามารถบอกคนอื่นได้เสมอว่า “ผมไม่ได้อ้วนเกินไปสักหน่อย” นี่เองคือปัญหาที่เรามักจะพบเห็นว่าผู้ชาย Skinny Fat ไม่สนใจที่จะออกกำลังกาย ไม่แคร์เรื่องอาหารการกินว่าจะดีและมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน พวกเขาจะใช้ชีวิตตามปกติไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าตัวเองยังโอเค แต่ร่างกายของคนเราต้องการการดูแลและการออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอเพื่อดูแลระบบหายใจและระบบไหลเวียนของเลือด การนิ่งนอนใจแบบนี้จึงกลายเป็นปัญหาระยะยาว ต่อเมื่อรู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็อาจสายไปเสียแล้ว เมื่อโรคมะเร็งจากการกินแบบผิดๆ รวมถึงโรคหัวใจจากการไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ เข้ามาคุกคามชีวิตของผู้ชายหุ่น Skinny Fat ในที่สุด
วิธีการแก้ไขปัญหา Skinny Fat
MenDetails ขอแบ่งแนวทางการแก้ไขออกเป็นสองแบบ แบบแรกคือผู้ชายที่ต้องการให้ตัวเอง “ถอดเสื้อแล้วมีกล้าม” การแก้ไขสามารถทำได้โดยการมุ่งเน้นการลดไขมัน และเพิ่มกล้ามเนื้อที่ลีบของคุณ วิธีการก็คือหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยวิธี Aerobic หรือ Cardio อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเพื่อหวังจะลดไขมันเพียงอย่างเดียว แต่ให้ใช้วิธีการยกเวต หรือ Strength Training และพยายามท้าทายกล้ามเนื้อของตัวเองด้วยการยกน้ำหนักให้หนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้จดจำการใช้งานและซ่อมแซมให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ การยกน้ำหนักแบบนี้ควบคู่กับ การออกกำลังแบบ HIIT หรือ High Intensity Interval Training จะทำให้ไขมันที่พอกอยู่ค่อยๆลดลง และกล้ามเนื้อที่ลีบเล็กก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาทดแทนครับ และที่สำคัญก็คือต้องดูแลการกินของตัวเองให้มีคุณภาพและกินอย่างเพียงพอเพื่อไม่ให้ตัวเราผอมลงไปมากกว่านี้เมื่อไขมันลดลงด้วยนะครับ
แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่ได้แคร์เรื่องรูปร่างภายนอกของตัวเองเท่าไหร่นัก เพียงแค่กลัวว่า Skinny Fat จะส่งผลเสียในระยะยาว MenDetails ขอแนะนำให้คุณ “อย่านิ่งนอนใจคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร” หันมาดูแลเรื่องอาหารการกินและออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที อย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้อ้วนแล้วจะทำอะไรกับร่างกายของตัวเองก็ได้เป็นอันขาด เพราะความประมาทแบบนั้นอาจส่งผลกระทบในระยะยาวเมื่อคุณแก่ตัวลง และอาจกลายเป็นภาระของลูกหลานในอนาคตได้ครับ