สื่อสังคมออนไลน์ หรือ “Social Media” เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของมนุษย์อย่างมากในช่วง หลายปีที่ผ่านมา กระแสการใช้สื่อโซเชียลเริ่มก่อตัวอย่างช้า ๆ ทั่วโลกช่วงเริ่มต้นของคริสต์ทศวรรษ 2000 แต่มาเร่งขยายตัวได้อย่างรวดเร็วหลังปี 2005 และได้เปลี่ยนโฉมหน้าการใช้ชีวิตหลากหลายแง่มุมของมนุษย์ไปตลอดกาล ทั้งการเสพสื่อ, การช็อปปิ้งสินค้า และล่าสุดกระแสการใช้งานระบบธนาคารบนสื่อโซเชียลมีเดีย หรือที่เรียกว่า “Social Banking”
Social Banking คืออะไร?
MenDetails ขอปล่อยหน้าที่ในการอธิบายคำศัพท์ยาก ๆ เชิงไอทีจ๋า ๆ ให้เป็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและการเงินการธนาคารไป โดยเราจะมุ่งเน้นอธิบายสิ่งที่จะกระทบชีวิตประจำวันของผู้ชายทุกคนมาให้ได้รับทราบและเข้าใจกัน
ระบบธนาคารบนสื่อโซเชียลมีเดีย พูดง่าย ๆ คือการใช้บริการทางการเงินซึ่งปกติเราต้องไปทำที่ธนาคาร เช่น การเปิดบัญชี, การโอนเงิน หรือแม้แต่การกู้เงิน แต่เปลี่ยนทั้งหมดมาใช้ทางสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram หรือ LINE ซึ่งเป็นโปรแกรม Chat ที่คนไทยใช้งานกันมากที่สุดนั่นเอง
ตัวอย่างการใช้งานในชีวิตจริง
ก่อนจะมีเจ้า ระบบธนาคารบนสื่อโซเชียลมีเดีย เราลองนึกภาพว่าถ้าหากเราต้องการ “ซื้อสินค้า” ผ่าน Facebook Live ซึ่งเราจำเป็นจะต้องโอนเงินก่อน เราก็มักจะใช้พร้อมเพย์หรือ Mobile Banking บนมือถือ ซึ่งจะต้องรอให้เจ้าของร้านแจ้งรายละเอียดของเลขที่บัญชีธนาคารมาก่อน จากนั้นเราก็ต้องออกจาก Facebook ไปยังแอพพลิเคชั่นของธนาคาร แล้วกรอกเลขบัญชี ตรวจสอบความถูกต้องอีกรอบ เข้า ๆ ออก ๆ อยู่หลายที พอโอนเสร็จก็ต้องกลับไปส่งสลิปหลักฐานการโอนเงินให้เจ้าของร้านอีกรอบหนึ่ง ทั้งหมดถึงจะเรียบร้อย
แต่พอเรามี Social Banking ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบบน Facebook เพียงรอบเดียว เจ้าของร้านใน Facebook ที่มีบัญชีเงินเปิดอยู่บน Facebook โดยตรง ก็ทำการ LIVE ขายสินค้าโดยมีลิงค์หรือปุ่มให้กดสำหรับโอนเงินอยู่ที่ Facebook LIVE เลย ส่วนผู้ซื้อที่มีบัญชีเงินบน Facebook ด้วยนั้น หากดู LIVE แล้วถูกใจสินค้าชิ้นไหน ก็เพียงแค่แจ้งแล้วกดปุ่มยืนยันการโอนเงินใน Facebook ได้เลย ไม่ต้องออกไปโอนเงินที่แอพพลิเคชั่นอื่นอีกต่อไป
ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเดียวของการใช้งานระบบธนาคารบนสื่อโซเชียลมีเดียบนสื่อสังคมออนไลน์ แต่ลองนึกดูว่าหากเราสามารถโอนเงินให้พ่อแม่ได้ผ่าน LINE ระหว่างที่กำลังแชทคุยกัน หรือกดโอนเงินแชร์ค่าอาหารเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ บน LINE ได้เลย หรือจะโอนบริจาคช่วยผู้ประสบภัยผ่าน Facebook Fanpage ของมูลนิธิต่าง ๆ ได้ทันที ผู้คนที่ใช้งาน Mobile Banking แบบเก่าก็จะเริ่มเห็นว่าการโอนเงินด้วย LINE ได้เลยมันง่ายกว่า ก็มีแนวโน้มสูงที่เราจะไปเปิดบัญชี “เผื่อไว้ใช้” เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งหมดยิ่งเป็นตัวเร่งให้การเดินไปโอนเงินที่สาขาธนาคารแบบเก่ายิ่งหายไป สาขาของธนาคารจะลดลงเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วในอนาคต
ประโยชน์ที่มาพร้อม “อันตราย” ระดับชาติ
ในประเทศไทยนั้น “ธนาคาร” คือธุรกิจที่ได้รับการคุ้มครองสูงมาก ด้วยความยุ่งยากในการขอใบอนุญาตและข้อจำกัดมากมาย ทำให้ “บริษัทต่างชาติ” ไม่สามารถมาประกอบธุรกิจธนาคารแข่งขันกับธนาคารคนไทยได้อย่างเสรีนัก แต่ในทางกลับกันบริษัทที่ทำธุรกิจสื่อโซเชียลและเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนไทยอย่าง LINE, Facebook, Instagram, Whatsapp ฯลฯ พวกเขาเหล่านี้คือ “บริษัทต่างชาติ” ทั้งสิ้น
หาก ระบบธนาคารบนสื่อโซเชียลมีเดีย พัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจนและได้รับความนิยมจากคนไทยที่ใช้งานแอพ LINE, Facebook กันอย่างแพร่หลาย จนจำนวนบัญชีการเงินบนแอพเหล่านั้น “แซงหน้า” บัญชีเงินฝากธนาคารปกติ (ซึ่งหากดูตัวอย่างจากประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็พอเดาได้ว่าน่าจะแซงแน่) สิ่งที่จะตามมาคือ “ธนาคารไทย” จะค่อย ๆ หมดอำนาจต่อรองลง และต้องถอยไปทำงาน “หลังบ้าน” เป็นหลักแทน เช่น การขอใบอนุญาต การนำส่งข้อมูลเครดิต ซึ่งเป็นงานน่าเบื่อและผลตอบแทนต่ำหรือแทบไม่มีกำไร
ที่ผ่านมานั้นความภาคภูมิใจในเอกราชของคนไทยมักมาในรูปแบบของสิ่งที่จับต้องได้เสมอ เช่น ในเรื่องของดินแดน, การถือครองที่ดิน, การสงวนอาชีพบางอย่างให้คนไทยทำได้เท่านั้น หรือแม้แต่การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทสูงอย่างไม่สมเหตุสมผล ด้วยความเชื่อว่าจะสามารถ “คุ้มครอง” ให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งเอกราชในเชิงอธิปไตยและในทางการค้า แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ “ไทยตามไม่ทัน” ประกอบกับปัจจัยอื่นอีกมากมายที่ทำให้ สื่อโซเชียลสัญชาติไทย หรือ Thai Social Media ไม่สามารถแจ้งเกิดได้จนทำให้เราต้องพึ่งพาสื่อโซเชียลจากต่างประเทศมากมายขนาดนี้
Social Media หลายตัวพัฒนาจากการเป็นเพียงสื่อกลางในการส่งข้อความ กลายเป็นการส่งคลิปเสียงและวีดีโอ จนกลายเป็นการโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อได้ทั่วโลก ส่งผลให้การโทรศัพท์ทางไกลด้วยรหัสประเทศกลายเป็นเรื่องล้าหลัง การรับข่าวสารทางสิ่งพิมพ์รูปแบบเดิมนั้นตกสมัยและเชื่องช้ากว่าข่าวสารบนสื่อโซเชียลอย่างเทียบกันไม่ได้ บริษัทเหล่านี้ได้เข้ายึดกุมการติดต่อสื่อสารจนสร้างผลกระทบกับกิจการของประเทศไทยจำนวนไม่น้อยที่ปรับตัวไม่ทัน เงินค่าโฆษณาจำนวนมากที่เคยหมุนเวียนภายในกลับหลั่งไหลสู่ภายนอกและไม่หมุนเวียนกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานของไทยได้เลย
และในวันนี้ Social Banking ก็กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและพลิกผัน “กิจกรรมทางการเงิน” หากเรายังชะล่าใจไม่ยอมปิด “จุดอ่อนทางนวัตกรรม” ซึ่งสำหรับ MenDetails แล้วถือเป็นจุดด้อยหลักที่ทำให้ประเทศไทยยังติดหล่มของการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ในท้ายที่สุดจะกลายเป็นการ “ฉายหนังซ้ำ” และกลืนกินภาคการเงินของไทยในแบบที่ทำสำเร็จมาแล้วกับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และการสื่อสารดั้งเดิม
เบื้องหน้าไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าประโยชน์ของมันนั้นดูน่าสนใจและน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง แต่ประโยชน์ดังกล่าวย่อมมาพร้อมอันตรายเบื้องหลังสำหรับกิจการดั้งเดิมในไทย รวมถึงชีวิตประจำวันของประชาชนชาวไทยที่ทุกวันนี้แทบไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นของเราเองอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน และน่าหวั่นใจว่าเรากำลังจะเสีย “เอกราช” ในเชิงที่ไม่ใช่กายภาพอย่างช้า ๆ
หลายธุรกิจโดนกันไปแล้ว
ธนาคารไทยอาจเป็นรายต่อไป