หากพูดถึงการทานอาหารสไตล์ Fine Dining ในความคิดของใครหลายคน คงเป็นภาพคอร์สอาหารแบบสไตล์ตะวันตกแท้ๆ แต่สำหรับครั้งนี้ mendetails จะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหาร Fine Dining ในสไตล์ Contemporary French Cuisine ผสมผสานความเป็น Thai – chinese ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์และตัวตนของเจ้าของร้านอย่าง เชฟบิ๊ก อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล The winner of Top Chef Thailand 2023
PATT BANGKOK ร้านอาหาร สไตล์ Fine Dining ที่มีแรงบันดาลใจมาจากความฝันในวัยเด็ก จึงทำให้เชฟบิ๊กตัดสินใจเลือกโรงพิมพ์ของครอบครัว มา renovate เป็นที่ตั้งของร้าน ซึ่งเป็นความตั้งใจของเชฟบิ๊กที่จะทำให้ร้านนี้เปรียบเสมือนมรดกตกทอดจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
เมื่อก้าวเข้ามาในร้านทุกคนจะได้สัมผัสกับ พิพิธภัณฑ์โรงพิมพ์ขนาดย่อม ที่มีเครื่องมือและเครื่องพิมพ์ในสมัย 40 ปีที่แล้ว ถูกจัดแสดงให้เราได้ชมกันระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็น Macintosh, เครื่องคอมพิวเตอร์ในสมัยก่อน, อุปกรณ์ในการพิมพ์ยุคแรกที่หาดูได้ยาก และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญ คือ เครื่องพิมพ์ตัวแรกของโรงพิมพ์คุณพ่อเชฟบิ๊ก ที่ถูกนำมาเป็นโต๊ะ reception ตอกย้ำความคลาสสิกที่หาดูได้ยาก
ที่มาของคำว่า PATT มีด้วยกันทั้งหมด 4 ความหมาย
Patt ที่ 1 มาจาก ชื่อโรงพิมพ์ ‘Pattana Graphic Print’
Patt ที่ 2 มาจากนามสกุล Pattanasatienkul
Patt ที่ 3 มาจากชื่อ ตอนทำงานที่เจนนิวา เป็นเด็กก้นครัว เป็น expat ของที่นั่น
Patt ที่ 4 มาจากคำว่า พัฒนา
อีกหนึ่งกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มความสนุกในการรับประทานอาหาร
เชฟได้ซ่อนความหมายของคำว่า PATT ไว้ในร้านตามที่ต่างๆ
เพื่อให้แขกทุกคนที่มาได้ร่วมกันค้นหาไปด้วยกัน
อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่าอาหารของทางร้านจะเป็นสไตล์ Contemporary French Cuisine ผสมผสานความเป็น Thai – chinese ซึ่งเชฟบิ๊กได้หยิบเอาเมนูในวัยเด็กที่เคยทาน มาผสานเข้ากับประสบการณ์ของตนที่เคยทำงานอยู่ในร้านอาหารที่ฝรั่งเศส อาหารคอร์สนี้ไม่ใช่แค่อาหารฝรั่งเศสทั่วไป แต่จะเป็นอาหารที่จะพาทุกคนไปสัมผัสความเป็นตนตัวของเชฟบิ๊กอย่างแท้จริง
สำหรับดินเนอร์คอร์สสุดพิเศษวันนี้จะเป็น Patt’s Experiences (4,468 THB) พร้อมเสริฟ์ความอร่อยทั้งหมด 8 คอร์สด้วยกัน โดยก่อนเริ่มเมนูทางร้านจะมี Canapé ก่อนมื้ออาหาร มาต้อนรับถึงสามคำด้วยกัน ได้แก่ crab tartare, Shima Aji และ Panna cotta Tofu ที่รสชาติค่อนข้าง Intense เสิร์ฟมาได้อย่างพอดีคำ ถือเป็นการเปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี
เปิดด้วยเมนู Starter อย่าง Ostra Regal Gold Oyster ที่ได้วัตถุดิบชั้นดีอย่าง หอยนางรมคัดพิเศษ เสิร์ฟมาพร้อมกับ cucumber sorbet และราดด้วย acacia หรือซอสกระถิน เมื่อทานเข้าไปแล้วจะได้สัมผัสถึงความเป็นยำหอยนางรม ที่ถูกยกระดับให้มีความพรีเมี่ยมและมีหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะดูเป็นฝรั่งหน้าตา แต่เมนูนี้ก็ยังไม่ทิ้งรสชาติความเป็นไทยที่ยังคงจัดจ้านถึงใจ
มาย้อนวันวานกับเมนู Hotate Chawanmushi เป็นเมนูที่คุณแม่ของเชฟบิ๊กชอบทำให้ทานสมัยเด็กๆ เมนูนี้ ด้านล่างจะเป็นตัวไข่ตุ๋นโฮตาเตะ ด้านบนจะเป็นตัวซุปกระเพาะปลาเมี้ยนเกรดพรีเมียม เสิร์ฟมาพร้อมกับ ซุปกังป๋วย ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม ให้กลิ่นอายความเป็นไทยจีนได้อย่างหอมละมุน
มาต่อกันที่ Monkfish “au meunière” ปลาทะเลน้ำลึกที่มาคู่กับไข่ปูและเนื้อปูทอด ราดด้วยซอสผักกาดดอง กะหล่ำดอง และเสฉวนเปปเปอร์ออยล์ เนื้อปลามีสัมผัสที่แน่นเด้ง ทานคู่กับตัวซอสที่มีความหอมและกลมกล่อม ทำให้เมนูนี้อร่อยเกินคาดเลยล่ะ
Binchotan Lobster Tail เมนูนี้ให้สัมผัสถึงความหอมของกลิ่นถ่านผ่านตัวล็อบเตอร์ เสิร์ฟมาพร้อมกับติ่มซำ อย่าง ลูกชิ้นกล้ามปู ราดด้วยซอสขิง ความหวานของล็อบเตอร์ตัดกับความเปรี้ยวของตัวซอส ทำให้เมนูนี้เป็นการผสานของความเป็นยุโรปและไทยจีนเขาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ถัดมากับเมนู Duck & Foie Gras Pithivier ขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสที่ทำจากแป้งพัฟเพสทรี โดยด้านในจะมีส่วนประกอบของ อกเป็ด (ที่ถูกนำไป ดรายเอจ 14 วัน) ฟัวกราส์ และ ชั้นบนสุดจะเป็นมูสเกาลัดรากบัว รสชาติโดยรวมละมุนมาก หอม อร่อย อกเป็ดมีความนุ่มละมุนลิ้น หากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ Beef Wellington ของเชฟบิ๊ก ห้ามพลาดเมนูนี้เลย เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีของเชฟบิ๊กจริงๆ
สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อคงต้องยกให้กับ Olive Beef A5 Striploin จานนี้ ตัวเนื้อ A5 ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นำไปย่างบนถ่านบิงโชตัน ทำให้ตัวเนื้อมีความนุ่มและได้กลิ่นหอมของเตาถ่าน ทานคู่กับตัวซอสซอสตะไคร้ ยิ่งทำให้สัมผัสของจานนี้มีความนุ่มลึก อบอวลไปด้วยความหอมอย่างเต็มคำ
มาถึงกันแล้วกับ Main Course กับเมนู Grandma’s Streamed Rice with Taro ความพิเศษของเมนูนี้คือ ตัวข้าว ที่คัดสรรมาจาก ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพื้นที่ที่ได้รับ GI (เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง) ที่นี่ใช้ระบบนาหยอดที่แรกของประเทศไทย ทําให้ข้าวมีความเป็นเม็ดสวย ตัวข้าวของเมนูนี้จะมีความ al dente เล็กน้อย ท็อปด้วยหอยเป๋าฮื้อชิ้นโต ราดด้วยซอสตับเป๋าฮื้อ เป็นเมนูง่ายๆ แต่รสชาติดี เป็น Main Dishes ที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ
ล้างปากกันด้วยของหวานอย่าง Brie de Meaux & Chinese Dates Souffle ไอศครีมขิง เสิร์ฟคู่มากับ Pineapple Souffle ซึ่งทางร้านได้ใช้สับปะรดภูแล ที่มีความหวานฉ่ำอมเปรี้ยวนิดๆ ราดด้วย pineapple Curd เมื่อทานเข้ากัน ความหวานของสับปะรดตัดกับความเผ็ดปลายลิ้นของไอศกรีมขิง ทำให้ขนมหวานจานนี้ลงตัวเป็นที่สุด
ปิดท้ายด้วย ด้วยเซ็ทขนมทานเล่น ที่เสิร์ฟมาพร้อม Pop up รวมเรื่องราวของเชฟบิ๊กเอาไว้ เป็นกิมมิคที่น่ารักเรียกรอยยิ้มได้ดี ถือเป็นการปิดจบคอร์สนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นับเป็น 3 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ที่จะทำให้เหล่าฟู้ดดี้ที่ชื่นชอบในศิลปะและหลงใหลในตัวตนของความเป็นเชฟบิ๊กได้เต็มอิ่มไปกับความอร่อย พร้อมสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารในสไตล์ Contemporary French Cuisine ผสมผสานความเป็น Thai – chinese ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ของความคลาสสิกและความโมเดิร์น รวมไปถึงความเป็นกันเองของเชฟบิ๊ก ทำให้ดินเนอร์มื้อนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนสวยงาม
ใครที่กำลังมองหาศาสตร์และศิลป์ใหม่ๆ ในการรับประทานอาหาร Patt Bangkok เป็นอีกหนึ่งร้าน ที่จะทำให้มื้ออาหารของคุณไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ทางร้านจะมีทั้งหมด 2 คอร์สด้วยกัน Best of Patt 6 Courses Menu : 3,468 บาท และ Patt’s Experiences 8 Courses Menu : 4,468 บาท หากใครที่สนใจเปลี่ยนมื้อธรรมดาให้กลายเป็นมื้อพิเศษ สามารถจองโต๊ะดินเนอร์ที่ Patt Bangkok ได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติม
Open : วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 17:00 น. เป็นต้นไป
Tel : 098-159-4662
Line : @pattbangkok
Location : bit.ly/Restaurant-PATT-Bangkok-Location