ในบรรดารถยนต์ของ Nissan รุ่นต่าง ๆ ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย Nissan Almera จัดเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมที่นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2011 ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงมากโดยตลอด และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหลาย ๆ ครอบครัว พร้อมกับมีรุ่นปรับโฉม แต่งหล่อออกมามากมายในตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา และในปี 2023 นี้ ทาง Nissan ก็เปิดตัว Nissan Almera ใหม่ เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับดีไซน์ภายนอก ภายใน พร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยและการเชื่อมต่อที่จัดเต็มกว่าที่เคย ด้วยคอนเซ็ปต์ “แรงจริง จัดให้”
ในบทความนี้ MenDetails จะพาทุกท่านมาส่องรายละเอียดของ Nissan Almera รุ่นใหม่นี้ ว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง และมันคุ้มค่ากับผู้บริโภคอย่างไรในการตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ของคนยุคใหม่ครับ
ดีไซน์ภายนอกที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมสีใหม่ Gray Sky Pearl
สำหรับ Nissan Almera รุ่นใหม่นี้ สิ่งแรกที่เห็นได้ชัด คือ การปรับโฉมดีไซน์ภายนอกให้ดูทันสมัย โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิด Next-generation V-Motion เทรนด์การออกแบบรถยนต์ในอนาคตของ Nissan ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกระจังหน้า แต่เป็นการเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าทั้งหมด ตั้งแต่กระจังหน้า โลโก้ กระโปรงหน้า ไปจนถึงเสา A-pillar ให้มีความทรงพลัง ปราดเปรียว สะท้อนความมีสไตล์ และแนวคิดนี้ยังลื่นไหลต่อเนื่องไปถึงเส้นกรอบหลังคา ด้านข้าง และด้านหลังด้วย ทำให้รถยนต์เด่นสะดุดตาแม้มองจากระยะไกล ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คน ที่นอกจากต้องการรถที่ใช้งานได้แล้ว ต้องดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวเองไปในตัวด้วย
นอกจากการปรับดีไซน์ภายนอกใหม่แล้ว ยังมีพร้อมกับสีใหม่อย่าง Gray Sky Pearl ที่มีลูกเล่น คือ สามารถเปลี่ยนเฉดสีไปได้มากมายขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและมุมที่มองทั้งเงาเฉดม่วงในเวลาที่แสงน้อย ไปจนถึงโทนสีฟ้ามากขึ้นในที่ที่แสงจัด เป็น Gimmick ที่เสริมความน่าสนใจของรถให้ดูดึงดูดมากยิ่งขึ้น
ดีไซน์ภายในที่ทันสมัย นั่งสบาย และมากไปด้วยฟังก์ชัน
ในขณะที่ดีไซน์ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงไป ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเองก็ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ให้ความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย ระบบ Cruise Control (ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ) และกุญแจรีโมทอัจฉริยะในดีไซน์ที่ทันสมัย
ส่วนในเรื่องจุดเด่นเดิมที่ครองใจใครหลายคนอย่างเรื่องพื้นที่ใช้สอย ในรุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้ห้องโดยสารมีความกว้าง มีพื้นที่เข่าสำหรับคนที่นั่งด้านหน้า และพื้นที่ด้านหลังที่มีระยะห่างให้นั่งสบาย ตัวเบาะคู่หน้าใช้วัสดุ Quole Modure ทำให้ไม่สะสมความร้อน ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระก็ได้รับการออกแบบให้สามารถจุสัมภาระชิ้นใหญ่ได้ ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล จะไปคนเดียว ไปเป็นคู่ หรือเป็นครอบครัว Nissan Almera รุ่นใหม่ ก็พร้อมจะตอบรับความต้องการและพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน
และหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น Nissan Almera รุ่นนี้ยังมีการติดตั้งฟังก์ชัน SOS เป็นครั้งแรกของเซกเมนท์ เพื่อให้ขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีผ่านระบบเสียงภายในรถยนต์อีกด้วย
Nissan Almera ใหม่ กับเทคโนโลยีความปลอดภัย และการเชื่อมต่อที่ครบครัน
องค์ประกอบสุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับ Nissan Almera รุ่นใหม่นี้ คือ เรื่องของเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันรถ ให้ปลอดภัยทุกการเดินทาง เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นจาก Nissan ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ที่เดิมจะมีแค่ในรถรุ่นพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง ทำให้เรารู้แรงดันลมยางแต่ละเส้น เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ และเทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ในขณะที่เทคโนโลยีความปลอดภัยและการช่วยเหลือในการขับขี่ที่เป็นมาตรฐานก็คงอยู่ครบ
นอกจากนี้ยังมี NissanConnect Services ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการการเชื่อมต่อและความรวดเร็วทันใจ โดยแอปพลิเคชันนี้ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับรถเพื่อควบคุมและสั่งการรถได้จากระยะไกล เช่น ตรวจสอบสถานะการล็อกประตู ระบบสตาร์ทรถจากระยะไกล ไปจนถึงระบบค้นหาตำแหน่งรถ และการแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดการเข้าซ่อมบำรุง
ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ทาง Nissan ใส่มาใน Nissan Almera ใหม่ แบบจัดเต็มนี้ ทางแบรนด์เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนในยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน ให้สมกับที่เป็นหนึ่งในรถรุ่นยอดนิยมของชาวไทย
หากใครสนใจ Nissan Almera รุ่นใหม่นี้ จะมีด้วยกัน 4 รุ่นย่อย คือ E, EL, V และ VL ราคาเริ่มต้น 549,000.- สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายของ Nissan ทุกสาขาทั่วประเทศครับ