MenDetails ได้รับแรงบันดาลใจที่จะเรียบเรียงบทความชิ้นนี้จาก Zenhabits.net
ใครๆก็คงอยากให้ชีวิตของตัวเองดำเนินไปอย่างราบรื่นและควบคุมได้ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว, การทำงานใน Project ต่างๆที่เรารับผิดชอบ ฯลฯ ความรู้สึกที่ว่าเราอยากที่จะควบคุมสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้นั้นเป็นสิ่งที่ลึกๆแล้วทุกๆคนมีอยู่ในใจ เราจึงต้องมีการวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบเสมอก่อนลงมือทำอะไรก็ตาม
แต่สุดท้าย ไม่ว่าเราจะวางแผนให้รัดกุมและรอบคอบแค่ไหน หลายครั้งที่ผลลัพธ์ของมันก็ออกมาไม่ตรงกับที่เราคาดหวังไว้อยู่ร่ำไป ยิ่งถ้าเราตั้งความหวังไว้สูงมากเท่าไหร่ เมื่อผิดแผนและไม่ตรงตามที่หวัง คุณก็จะยิ่งรู้สึกเซ็ง, เศร้า, เสียใจ มากขึ้นเท่านั้น
หากเป็นเรื่องส่วนตัวของเราคนเดียว การที่เราจะเซ็งจะเศร้ากับตัวเองก็แย่พออยู่แล้ว แต่ยิ่งถ้าเป็นความคาดหวังที่เรามีกับคนที่เราคิดว่า “เราควบคุมได้” เช่น เพื่อน, น้อง หรือลูกหลาน บ่อยครั้งที่ความรู้สึกเซ็งและผิดหวังของเราแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธและหงุดหงิดที่ส่งต่อไปถึงคนอื่น จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นเลวร้ายลงไปด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆครับ
แล้วจะจัดการความคิดที่จะ “ควบคุม” อย่างไร?
หากจะพูดกันตามตรง คงเป็นเรื่องยากที่มนุษย์ปุถุชนอย่างเราจะตัดความรู้สึกอยากที่จะควบคุม และอยากที่จะให้ผลลัพธ์ทั้งหลายออกมาตรงใจเราได้ อย่างไรก็ตามทันทีที่เรามีความเข้าใจว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เราวางไว้เสมอไป เท่านี้ก็คือขั้นแรกที่เราจะจัดการกับความคาดหวังของเราได้แล้วครับ
หากผลลัพธ์ที่เราตั้งใจไว้ดำเนินไปได้ด้วยดี ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าเกิดผิดพลาดบางอย่างขึ้นมาระหว่างทาง แทนที่เราจะหงุดหงิด เราควรจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้เสมอ และมองหาแง่มุมดีๆที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ผิดพลาดเหล่านั้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วปรากฎว่าเพื่อนของคุณพาขึ้นรถไฟผิดขบวนจนหลงทาง ทุกอย่างจึงผิดแผนไปหมด แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปโมโหเพื่อนของเรา เราควรมองว่าการหลงทางคือเรื่องปกติและเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทาง และมันทำให้คุณได้มาพบแง่มุมของสถานที่ที่อาจไม่เคยมีนักท่องเที่ยวคนไหนผ่านมาแถวนี้เลยก็เป็นได้
เท่านี้คุณก็พลิกจากความผิดหวังในสิ่งที่คุณ “ควบคุมไม่ได้” ให้กลายมาเป็นความรู้สึกที่ดีขึ้นได้แล้วครับ
แบบนี้ก็ไม่ต้องวางแผน แล้วก็ปล่อยทุกอย่างเลยตามเลยก็ได้สิ?
ข้อเสนอเช่นนี้เป็นข้อเสนอที่สุดโต่งเกินไปในอีกทางหนึ่ง นั่นเพราะเราไม่ควรปล่อยให้ชีวิตของเราเป็นไปแบบ “เลยตามเลย” ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว การวางแผนให้รอบคอบ และทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรทำอยู่ดี
แต่สิ่งที่เราควรจะเปลี่ยนแนวความคิดเพื่อให้เรามีความยืดหยุ่นและมีความสุขมากขึ้นนั่นก็คือสไตล์การทำงานและการแสดงปฏิกิริยาต่อผลลัพธ์ของงานที่อาจไม่ได้ออกมาอย่างที่เราตั้งใจไว้มากกว่า เมื่อเราได้วางแผนและลงมือทำอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว เราไม่ควรจะต้องนั่งเสียใจหรือโมโหที่ผลลัพธ์ผิดไปจากที่เราคิด การมองหาข้อดีของความผิดพลาด และมองหาจุดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดนั้นเพื่อที่จะปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป ยังไงก็ดีกว่านั่งเซ็ง หรือโมโหใส่เพื่อนร่วมงานที่เราเชื่อว่าพวกเขาทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการนั่นเองครับ
MenDetails หวังว่าบทความชิ้นนี้จะช่วยทำให้ผู้ชายได้ฉุกคิดถึงการรับมือกับความต้องการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเอง และพัฒนาให้เป็นผู้ชายที่สุขุมเยือกเย็น และมีความสุขไปกับทุกช่วงเวลาของชีวิตได้นะครับ