ข้อมูลโดย | highsnobiety , Asahi Shimbun และ RocketNews
จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถค่อยๆละเลียดกินไอศกรีมในมือของเราได้ท่ามกลางอากาศปกติ โดยไม่ต้องรีบซื้อรีบกินด้วยความกลัวว่ามันจะละลายเป็นน้ำจนหมดไปเสียก่อน งานนี้ต้องบอกว่าฝันเป็นจริงแล้วเรียบร้อย เพราะที่ญี่ปุ่น (อีกแล้ว) ได้ค้นพบวิธีการที่ทำให้ไอศกรีมละลายช้าลงมากๆ ชนิดที่เรียกว่าเอามาอยู่นอกตู้เย็นเป็นชั่วโมงยังเกาะตัวเป็นก้อนไอศกรีมกันอยู่ได้เลยทีเดียว
ไอศกรีมละลายช้าจากเมืองคานาซาว่า | asahi.com
การค้นพบนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญจากความต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกต้นสตรอเบอร์รี่ในเมืองคานาซาว่าซึ่งเกษตรกรเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2011 โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยคานาซาว่า ได้นำสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่สกัดได้จากผลสตรอเบอร์รี่จากเกษตรกรเหล่านั้นไปให้กับเชฟทำขนมหวานภายในเมืองเพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำขนมหวานของตัวเอง
ในตอนแรกเหล่าบรรดาเชฟขนมหวานมักบ่นอุบกลับมาว่า สารโพลีฟีนอลจากสตรอเบอร์รี่ที่นำมาใช้นั้นมันไปทำให้วัตถุดิบอื่นๆแข็งตัวเร็วมากจนทำขนมต่อไม่ได้ แต่คุณสมบัติแบบนี้นี่เองที่ทำให้นักวิจัยปิ๊งไอเดียสุดแจ่มขึ้นมาได้ในที่สุด
ไอศกรีมละลายช้าจากเมืองคานาซาว่า | asahi.com
อาจารย์โทโมฮิสะ โอตะ ประจำภาควิชาเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคานาซาว่า ซึ่งเป็นผู้พัฒนา “ไอศกรีมละลายช้า” ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวนี้กับหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun ของญี่ปุ่นว่า “เจ้าสารโพลีฟีนอลที่สกัดจากสตรอเบอร์รี่นั้น มันทำหน้าที่เป็นตัวประสานที่ทำให้น้ำกับน้ำมันแยกตัวออกจากกันได้ยากขึ้น คุณสมบัตินี้เมื่อไปอยู่บนไอศกรีมจะทำให้ตัวไอศกรีมคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น และละลายช้าลงกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว”
การทดสอบพบว่า ไอศกรีมที่มีส่วนผสมของโพลีฟีนอลที่สกัดจากสตรอเบอร์รี่นั้น เมื่อนำออกมาจากตู้เย็นในสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีอุณหภูมิราว 28 องศาเซลเซียส แถมตากแดดนานกว่า 5 นาทีก็ยังไม่ละลาย! นอกจากนี้ทาง RocketNews ได้ทำการทดสอบเพิ่มเติมโดยนำไอศกรีมดังกล่าวออกมาวางทิ้งไว้นอกตู้เย็นเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง พบว่าไอศกรีมก็ยังจับตัวกันได้อยู่ ไม่ละลายเป็นน้ำเหลวเป๋วไปจนหมดแต่อย่างใด!
ร้านขนมในเมืองคานาซาว่าที่วางขายไอศกรีมละลายช้า ของเด็ดชิ้นใหม่ของเมือง | asahi.com
คลิบวีดีโอบันทึกภาพการสังเกตการละลายของไอศกรีม
ผลลัพธ์ของความพยายามช่วยเหลือกัน แม้เหตุการณ์ร้ายๆจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่คนในเมืองก็ยังพยายามเยียวยาผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ บวกกับความเอาจริงเอาจังและการต่อยอดในการวิจัย ไม่เกี่ยงว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทำให้ญี่ปุ่นค้นพบนวัตกรรมอันใหม่ขึ้นมาได้อีกครั้ง น่าเอาเป็นแบบอย่างจริงๆครับ