ในยุคปัจจุบันที่โลกหมุนเร็วปานหนุมานเหาะ แถมยังย่อเล็กลงจนมาอยู่ใน Smartphone เครื่องเล็กๆ เครื่องเดียวให้เรากดท่องโลกได้ทั้งวัน แต่ความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่ว่าแรงแค่ไหน อย่างไรก็ไม่เท่าความเร็วของจิตใจของคนที่นับวันจะ “ใจร้อน” มากขึ้นเรื่อยๆ เอาง่ายๆว่าแค่ใช้ Smartphone ดูวีดีโอแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยลื่นไหลหรือติดๆขัดๆ เท่านี้บางคนก็ฉุนขาดได้แล้วด้วยซ้ำไป
อาการแบบนี้ทำให้คนในยุค Smartphone เกิดอาการกึ่งๆสมาธิสั้น กล่าวคือไม่สามารถที่จะโฟกัสกับสิ่งใดได้เป็นเวลานานๆ นั่นเพราะมีความรู้สึกว่าทุกอย่างต้องเร็ว ต้องฉับไว และต้องทำอะไรหลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้เมื่อตั้งใจลงมือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งก็มักจะถูกสิ่งอื่นดึงความสนใจไปได้ง่ายๆ อยู่ร่ำไป
MenDetails เองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบกับสภาวะนี้ และเราก็ได้ไปเจอบทความดีๆ บทความหนึ่งจาก Zen Habits ที่แนะนำวิธีการให้คนในยุค Smartphone ครองเมือง สามารถที่จะฝึกฝนตัวเองให้โฟกัสกับสิ่งที่ทำให้ได้มากขึ้นและดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เราจึงอยากจะนำมาบอกกล่าวให้ผู้ชายที่ได้อ่าน MenDetails ได้ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ
ทำไมต้องฝึก?
เอาล่ะก่อนที่จะไปถึงวิธีการ เราคงจะต้องมาคุยกันก่อนว่า ทำไมเราต้องมานั่งฝึกฝนการโฟกัสกับงานด้วย ก็ทำแบบ Multi Tasking (ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน) แบบทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่รึ? อันที่จริงตรงนี้อยู่ที่มุมมองครับ เพราะบางคนก็สามารถทำงานแบบ Multi Tasking ได้โอเค แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ควรคิดไปเองนะครับ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคนที่พยายามทำงานหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันนั้น สุดท้ายมักจะถูกงานเล็กๆน้อยๆที่ไม่มีความสำคัญ ดึงความสนใจออกไปจากงานที่สำคัญกว่าที่เราควรทำที่สุดในแต่ละวัน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีแน่ๆในระยะยาว การฝึกตัวเองให้โฟกัสมากขึ้น ก็เพื่อลำดับความสำคัญของงานให้ได้ และตั้งใจทำงานที่สำคัญให้จบเรียบร้อยโดยละเอาเรื่องเล็กๆไว้ทีหลังไม่ให้มันมากวนใจระหว่างทำงานสำคัญนั่นเอง หนทางแบบนี้จะช่วยให้คุณ “ทำงานแล้วได้งาน” มากกว่าพยายามกับการ Multi Tasking ครับ
ขั้นที่ 1 | เลือก “MIT”
Zen Habits ให้ความหมายของตัวย่อ MIT ว่า “Most Important Task” หรืองานที่สำคัญที่สุดของเราในแต่ละวัน โดยให้เลือกไว้ก่อนตั้งแต่ตอนเช้า และต้องเลือกก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำงานใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากคิดงานสำคัญได้หลายอย่างก็ไม่เป็นไรครับ ขอให้เลือกเอาที่สำคัญที่สุด และต้องทำให้เสร็จเร็วที่สุดเพียงอย่างเดียวก่อน จำไว้ว่าตอนนี้เป้าหมายของเราคือ “การฝึกฝนตัวเอง” เพราะฉะนั้นอย่าให้มันซับซ้อนมากเกินไปนัก เลือกมาสักอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวก่อนแค่นี้ก็ถือว่าคุณได้เริ่มต้นกับขั้นแรกแล้ว
ขั้นที่ 2 | ขอ 15 นาทีเพื่อ “โฟกัส”
ทันทีที่คุณเสร็จสิ้นกิจวัตรประจำวัน เช่น ล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าวเช้า แล้วพร้อมที่จะเริ่มทำงาน ให้คุณหาที่เงียบๆ ที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครมาขัดจังหวะเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นก็ลงมือทำงานที่เป็น MIT ที่ได้เลือกไว้ในขั้นแรกให้เสร็จสิ้นให้เรียบร้อย หากเป็นงานที่ไม่จำเป็นจริงๆว่าจะต้องใช้อินเตอร์เน็ต เราแนะนำให้คุณปิดอินเตอร์เน็ตซะ และแนะนำให้ปิดมือถือไปด้วย (อย่าเพิ่งตกใจ ขอแค่ 15 นาทีนี้เท่านั้นเอง) ตั้งใจและมุ่งมั่นกับตัวเองว่าใน 15 นาทีนี้ เราจะทำเฉพาะ MIT ที่เราเลือกไว้เท่านั้นโดยจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัดจังหวะหรือดึงความสนใจไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด
ขั้นที่ 3 | ในระหว่าง 15 นาที คุณทำได้แค่ 2 สิ่งนี้
“ถ้าหากเราทำ MIT ของเราเสร็จก่อนเวลา 15 นาทีล่ะ เราจะทำอย่างไรต่อ?” คำแนะนำก็คือ อย่าเพิ่งลุกเดินไปไหน อย่าเพิ่งเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น ขอให้นั่งเฉยๆจนกว่าจะครบ 15 นาทีที่ตั้งไว้ครับ เพราะฉะนั้นใน 15 นาทีนี้คุณทำได้เพียงสองอย่าง นั่นคือตั้งใจทำ MIT ให้เสร็จ หรือไม่ก็นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยจนกว่าจะครบ 15 นาที ในใจของคุณอาจจะนึกอยากเปิดมือถือมาเช็คข้อความใหม่ใน LINE เต็มแก่ ก็ขอให้เรามองความอยากของเราเอาไว้ให้ดี แต่อย่าไปทำตามความอยากของเรานะครับ ขอให้นั่งนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ ไม่หยิบอะไรมาอ่านหรือมาดู จนกว่าจะครบ 15 นาทีที่ตั้งใจไว้ครับ
ขั้นที่ 4 | รายงานความคืบหน้าให้ “กรรมการ” ทราบ
กรรมการในที่นี้จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นที่เขายินดีและเต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณ อาจเป็นเพื่อนสนิท, แฟน, ภรรยา หรือพ่อแม่พี่น้องก็ได้ แจ้งให้เขาทราบทุกครั้งเมื่อคุณสามารถทำ MIT และนั่งอยู่จนครบ 15 นาทีได้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละวัน บอกเขาไปว่าคุณรู้สึกอย่างไร และ MIT ต่อไปคุณอยากจะทำอะไร การมีกรรมการจะช่วยกระตุ้นให้คุณมีความรับผิดชอบที่จะต้องฝึกฝนตัวเองมากขึ้น และความเสี่ยงต่อการ “ทำๆหยุดๆ” ก็จะน้อยกว่าการฝึกฝนแบบตัวคุณเองคนเดียวโดยไม่มีใครมาช่วยกระตุ้นเตือนนั่นเองครับ
บทสรุป
ขั้นตอนที่กล่าวมาอาจฟังดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างกดดัน และต้องบังคับตัวเองมากพอสมควร แต่อย่าลืมว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า “การฝึกฝน” นะครับ แน่นอนจะต้องมีข้อบังคับที่จะทำให้พฤติกรรมของเราเปลี่ยนแปลงได้ในทางที่อาจจะฝืนกับสิ่งที่เราเคยชินในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าเมื่อใดที่รู้สึกว่ามันยากเกินไป อาจจะลดเวลาลงเหลือ 10 นาที หรือถ้ายังอึดอัดอยู่ก็ลดเหลือ 5 นาที ไม่ว่าจะลดขนาดไหนอย่างน้อยก็ยังได้ฝึกครับ ส่วนใครที่สามารถทำได้ดีแล้วรู้สึกติดใจ อาจจะเพิ่มระยะเวลาให้ยาวขึ้น หรืออีกแบบก็คือเพิ่มจำนวน MIT อีก 1-2 อย่างในระหว่างวันก็ได้ แล้วคุณจะรู้ว่าความรู้สึกของการที่ได้ทำงานสำคัญสำเร็จเสร็จสิ้นโดยที่ไม่โดนเรื่องเล็กๆน้อยๆมาดึงความสนใจให้วอกแวกได้เรื่อยๆนั้น มันดีขนาดไหน
MenDetails หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ชายที่กำลังมองหาวิธีทำให้ตัวเองมีสมาธิโฟกัสกับงานที่จำเป็นต้องทำมากขึ้น และพัฒนาตัวเองกลายเป็นผู้ชายที่ทำงานได้ดีและมีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าเดิมครับ