งานแต่งงาน เป็นพิธีการที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้ากันนานเป็นเดือนเป็นปีกันทั้งฝ่ายบ่าวสาวเลยครับ ทั้งในแง่การจัดเตรียมงาน การเชิญแขกเหรื่อ ทำของชำร่วยต่าง ๆ ไปจนการเตรียมชุดและรองเท้าเจ้าบ่าว และยังมีเรื่องของการดูแลตัวเองเพื่อ เตรียมเป็นเจ้าบ่าว อีกด้วยครับ ไม่ใช่แค่ฝั่งเจ้าสาวที่ต้องดูแลตัวเองให้ดูดีที่สุดนะครับ ว่าที่เจ้าบ่าวก็ต้องเตรียมตัวด้านภาพลักษณ์ให้พร้อมเช่นกัน เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่พิเศษและมีความหมายสำหรับทั้งคู่ MenDetails จึงรวบรวม 5 สิ่งที่เจ้าบ่าวควรเตรียมตัว เรื่องการดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างน้อย 1 เดือนก่อนจะถึงงานแต่งงานครับ
ว่าด้วยเรื่องทรงผมเจ้าบ่าว
เริ่มต้นด้วยเรื่องทรงผมกันก่อนครับ ผู้ชายแต่ละคนก็จะมีผมทรงเก่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าทรงไหนเข้ากับรูปหน้าเราที่สุด ซึ่งบางคนก็จะมีทรงที่ใช่อยู่แล้ว ในขณะที่บางคนก็ชอบเปลี่ยนทรงผมบ่อย ๆ ไปตามสไตล์การแต่งตัวที่ชอบแต่งในช่วงนั้น ๆ เราแนะนำว่าควรจะเลือกร้านตัดผมฝีมือดี ที่สามารถช่วยไกด์แนวทางการเลือกทรงผมให้เราได้ครับ หากมีชุดเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้วก็ลองเอารูปถ่ายไปให้ช่างดู จะได้ช่วยประเมินได้ว่าทรงผมแบบใด สีใดจะเหมาะสมที่สุด
โดยปกติผมผู้ชายจะเข้าทรงในราว 2 สัปดาห์หลังตัดครับ เพราะฉะนั้นหากต้องการเปลี่ยนทรงผมหรือตัดใหม่ให้เข้าทรงสำหรับวันพิธีการ ก็ควรตัดผมก่อนงานแต่งประมาณครึ่งเดือน เพื่อที่ผมจะได้ยาวพอเหมาะสำหรับเซ็ตเป็นทรงตอนวันแต่งพอดี ไม่แนะนำให้ตัดผมก่อนวันแต่งงานแค่ 2-3 วันนะครับ เพราะช่วงแรกที่เพิ่งตัด หลายคนมักจะเจอปัญหาผมสั้นไปเป็นประจำ รูปถ่ายวันงานมีครั้งเดียวครับ และทรงผมเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเสริมลุคเจ้าบ่าวให้ออกมาดูดี และที่สำคัญคืนก่อนพิธีอย่าลืมสระผมให้สะอาดนะครับ
ว่าที่เจ้าบ่าวห้ามละเลยการทาสกินแคร์
ในช่วง 3-6 เดือนก่อนแต่งงาน หากส่องไปทางฝั่งว่าที่เจ้าสาว เธอมักจะไปเข้าคอร์สเจ้าสาวกับทางคลินิกต่าง ๆ เพื่อดูแลเรื่องผิวพรรณ ทั้งผิวหน้าและผิวกายครับ หากมีเวลานานหน่อยก็จะเริ่มปรับตั้งแต่อาหารการกินและการบำรุงภายในกันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากเป็นคอร์สแบบเร่งด่วนใน 1-2 เดือนก็จะเน้นการดูแลภายนอกเป็นหลัก
สำหรับฝั่งเจ้าบ่าว เราก็ควรแบ่งเวลามาดูแลตัวเองให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้าสาว เนื่องจากวันแต่งงานเจ้าบ่าวก็ต้องเสริมหล่อด้วยเมคอัพเช่นกัน หากผิวหน้าไม่ดี เครื่องสำอางจะไม่ติดทนครับ อาจตกร่องผิวหรือเป็นคราบ ทำให้ออกมาดูผิวไม่ดีหน้าไม่เรียบได้ ฉะนั้นเจ้าบ่าวต้องใส่ใจเรื่องการดูแลผิวไม่แพ้เจ้าสาวเลยครับ โดยควรดูแลทั้งผิวหน้าและผิวกาย ไปจนถึงเรื่องความสะอาดของเล็บมือ เล็บเท้าด้วยนะครับ
ในส่วนของการเลือกสกินแคร์ ควรจะใช้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยครับ เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่มี โดยจะใช้สกินแคร์ตัวหนึ่งให้เห็นผลจริง ๆ จะต้องใช้เวลาเกือบ 1 เดือนครับ และถ้าใครมีปัญหาผิวเยอะ เช่น รอยสิว หลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว ก็ต้องเพิ่มระยะเวลาในการรักษาเข้าไปอีกครับ ควรจะให้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือนขึ้นไป หากเป็นปัญหาผิวที่ดูแลด้วยสกินแคร์ไม่ได้ เช่น ร่องลึก ริ้วรอย หลุมสิวต่าง ๆ ก็ควรดูแลด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกหรือโรงพยาบาลผิวหนังครับ
แต่ถ้าเป็นปัญหาผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ หน้าลอก สีผิวไม่สม่ำเสมอ ความหมองคล้ำ เหล่านี้จะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยตัวเองครับ เลือกสกินแคร์ประเภทที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ขยันทาเสียหน่อยและทาให้สม่ำเสมอทุกวันรับรองว่าผิวหน้าดีขึ้นได้แน่นอนครับ พาว่าที่เจ้าสาวไปช่วยเลือกครีมก็ได้นะครับจะได้เป็นการใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันเพิ่มอีกวันหนึ่ง
และสำหรับวิธีการกู้ผิวหน้าโทรม ๆ อย่างเร่งด่วนที่สุด เราแนะนำให้เจ้าบ่าวมาส์กหน้าด้วย Sheet Mask ก่อนวันงาน 2-3 วันครับ เลือกพวกสูตรที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้นของผิวเป็นหลัก และควรจะใช้ชีทมาส์กที่เคยใช้มาก่อน โดยแน่ใจว่าจะไม่มีการแพ้หลังใช้งานด้วยนะครับ การมาส์กหน้าถือเป็นการดูแลผิวหน้าแบบเร่งด่วนที่ดีมาก ๆ วิธีหนึ่ง
เตรียมเป็นเจ้าบ่าว คือ เวลาของการกินของที่มีประโยชน์
นอกจากบำรุงผิวภายนอกด้วยการทาครีมต่าง ๆ ไปแล้ว เราก็ต้องบำรุงจากภายในด้วยการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วยครับ ของที่เรากินเข้าไปนั้นส่งผลออกมาถึงเรื่องผิวพรรณและรูปร่างได้เต็ม ๆ เลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อเข้าช่วงการเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว ควรจะงดกินอะไรที่ Effect กับสุขภาพครับ เราแนะนำให้ปรับเรื่องอาหารการกิน 2-3 เดือนก่อนถึงวันงานนะครับ
พูดถึงอย่างการดื่มแอลกอฮอล์ หากหยุดได้ก็ควรจะหยุดครับ ยกเว้นกรณีงานเลี้ยงฉลองสำคัญจริง ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงนั้นก็อาจจะดื่มนิดหน่อยพอเป็นพิธี แต่ถ้าเป็น 2-3 วันก่อนงานแต่งงาน ควรงดเลยครับ หรือกรณีพวกอาหารเผ็ด อาหารรสจัดที่อาจส่งผลต่อเรื่องท้องไส้ก็ควรพักเอาไว้ ทานอาหารที่จืดลงหน่อย เพื่อป้องกันการท้องเสีย หรือติดเชื้อในกระเพาะอาหารนะครับ
ในส่วนของอาหารที่โซเดียมเยอะ กินเข้าไปแล้วทำให้หน้าหรือตัวดูบวมขึ้นก็ควรจะเลี่ยงไปก่อน เช่น อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ขนมขบเคี้ยว ขนมถุงต่าง ๆ พยายามลดเพื่อสุขภาพที่ดีครับ ถือเป็นการคุมน้ำหนักไปได้อีกทางหนึ่งด้วย ลดหวานและคุมน้ำตาลได้ก็ควรจะทำครับ สำหรับสิ่งที่ควรจะกินเยอะ ๆ ก็คือ น้ำเปล่า ดื่มน้ำเปล่าต่อวันให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม ทานพวกอาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ เข้าไปดูแลตัวเองเพิ่มด้วยก็ได้ครับ
ลด/เพิ่มน้ำหนักให้หุ่นออกมาพอดีกับชุดเจ้าบ่าว
สำหรับข้อนี้ก็เป็นการเตรียมตัวที่เชื่อมโยงกับเรื่องการเลือกกินอาหารที่เพิ่งกล่าวไปครับ วันตัดชุดแต่งงาน ทั้งชุดเจ้าบ่าวและเจ้าสาว บางคู่อาจจะไม่ได้ตัดพอดีเป๊ะเท่ากับหุ่นในวันที่วัดชุดแบบ 100% ครับ เพราะว่าบ่าวสาวอาจจะต้องการลดน้ำหนักให้ดูเพรียวกว่าปัจจุบันสักเล็กน้อย หรือว่าอยากจะเพิ่มน้ำหนักให้ดูมีน้ำมีนวลไม่แห้งก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง ฉะนั้นก่อนจะถึงวันแต่งงาน การลดหรือเพิ่มน้ำหนักจึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เจ้าบ่าวต้องดูแลตัวเองครับ
เมื่อเป็นเรื่องลดน้ำหนัก หากจะลดแบบไม่กระทบสุขภาพหรือโหมมากจนเกินไป ควรจะใช้เวลาสัก 2-3 เดือนครับ แต่หลาย ๆ คนก็อาจใช้วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ต้องการทำให้ได้ภายใน 1 เดือน ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือ การควบคุมปริมาณอาหาร เวลาในการกิน และออกกำลังกายควบประเภท Cardio ควบคู่ไปด้วย
อย่างเช่น ทำ IF ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักที่เห็นผลครับ หรือการเน้นทานอาหารหนักแค่มื้อเช้าและกลางวัน แต่ทานมื้อเย็นเบา ๆ แค่สลัดหรืออกไก่เพื่อให้อยู่ท้องแล้วเข้านอนเร็วหน่อยก็เห็นผลครับ (แต่การลดปริมาณอาหารไม่เหมาะกับคนที่ต้องทำงานใช้กำลังสมองหรือกำลังร่างกายหนักนะครับ) หากงดของหวานทุกชนิดได้ทั้งหมด ก็ช่วยลดน้ำหนักได้ดีเช่นกัน
สำหรับการเพิ่มน้ำหนัก หรืออยากทำให้หุ่นดู Firm ขึ้น ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับการเลือกกินอาหารจำพวกโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก เสริมกับการเข้าฟิตเนส ออกกำลังพวก Weight Training เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ให้สัดส่วนร่างกายกระชับขึ้น แต่การเพิ่มน้ำหนักนั้นไม่ใช่ว่าให้กินอาหารตอนดึกหรือกินขนมไม่มีประโยชน์เพื่อเพิ่มน้ำหนักนะครับ เพราะการทำเช่นนั้นก็จะส่งผลเสียไปยังเรื่องสุขภาพของเราอยู่ดี ต้องทำให้น้ำหนักขึ้นอย่างสุขภาพดีตจึงจะเป็นอันใช้ได้
ปรับบุคลิกภาพให้พร้อม เพราะคนอื่นมองเห็นได้ชัดเจน
ข้อสุดท้ายในส่วนของการพัฒนาและปรับเรื่องบุคลิกภาพ เราจะพูดถึงแค่บุคลิกภาพภายนอกที่มองเห็นได้ด้วยตาครับ อย่างการแต่งกาย ท่าทางการนั่ง การเดิน การยืน วิธีการยิ้ม การแสดงออกทางสีหน้าและสายตาต่าง ๆ ซึ่งเราอยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวทุกคนเช็กตัวเองว่ามีบุคลิกภาพอะไรที่เผลอทำจนติดเป็นนิสัยเสียบ้างไหม เช่น เดินหลังค่อม เดินท่าเป็ด นั่งดูดขี้ฟัน ใช้มือเกาศีรษะบ่อย ๆ เอาไม้จิ้มฟันหรือนิ้วไปแคะซอกฟันหลังกินข้าวเสร็จ นั่งเขย่าขา เป็นต้น
ซึ่งบุคลิกภาพเหล่านี้ หากพูดกันตามตรงแล้ว คนอื่นอาจเห็นแต่ไม่กล้าตักเตือนหรือชี้แนะว่าควรแก้ไขครับ เพราะเขาอาจกลัวว่าจะกลายเป็นการก้าวก่ายหรือเสียมารยาทได้ อาจต้องเริ่มต้นจากการสังเกตตัวเองก่อน มีสติในทุกการกระทำว่ากำลังจะทำอะไรแล้วค่อย ๆ แก้ไปทีละจุดครับ นอกจากนี้ยังควรฝึกยิ้มหน้ากระจก ยิ้มให้เป็นธรรมชาติไม่เกร็ง ฝึก Eye contact กับคนอื่นเวลาพูดคุยกันจะได้ดูเป็นคนมั่นใจในตัวเองและน่าเชื่อถือครับ
เนื่องจากในวันพิธีการจะเป็นวันที่มีกล้องตามถ่ายบ่าวสาวอยู่ตลอด เราก็ควรอยู่ในท่าทางที่ดูดีและพร้อมอยู่เสมอ ประกอบกับการที่ภายในงานเต็มไปด้วยแขกคนสำคัญ ญาติพี่น้อง ครอบครัวทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เรียกได้ว่ามีสายตาหลายคู่จับต้องตัวเอกของงานอยู่ตลอดครับ
ทั้งหมดที่เรากล่าวไป 5 เรื่องนั้นเป็นการดูแลตัวเองสำหรับใครที่ เตรียมเป็นเจ้าบ่าว ครับ โดยต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลตัวเองอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปนะครับ ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือเท่าเจ้าสาว 3 – 6 เดือน เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการรีบเร่งจนเกินไปและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สุดท้ายเมื่อถึงช่วงสัปดาห์ก่อนถึงงานแต่งงาน นอกจากทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นก็อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วยครับ